บทที่3 ระบบอัจฉริยะ
ลู่หยวนซีย้ายเข้ามาอยู่ในปักกิ่งเพื่อหางานทำ เธอทำงานทุกอย่างเท่าที่ความสามารถของเด็กเรียนจบม.ปลายสามารถทำได้ หลังจากทำงานเก็บเงินอยู่หนึ่งปีเต็ม เธอก็ได้สอบเข้ามหาลัยตามที่ตนเองต้องการ
สี่ปีผ่านไป หลังลู่หยวนซีเรียนจบมหาลัยมาด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เธอได้รับจดหมายแนะนำจากบริษัทใหญ่เพื่อเข้าสัมภาษณ์งานในทันที แต่หลังจากที่เธอเข้าไปที่บริษัทดังกล่าว กลับพบว่าจดหมายแนะนำของเธอได้ถูกยกเลิกไปแล้ว
และคนที่ได้รับโอกาสสัมภาษณ์ในตำแหน่งของเธอคือเพื่อนสนิทที่เรียนมหาวิทยาลัยมาด้วยกันสี่ปี นอกจากนั้นเธอยังมารู้ว่าแฟนที่คบหากันมาในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยรวมหัวกับเพื่อสนิทของเธอนอกใจเธออีก
ลู่หยวนซีรู้สึกเสียใจและผิดหวังเป็นอย่างมาก ไม่คิดว่าคนที่เธอรักสองคนจะทำแบบนั้นได้ เธอละทิ้งทุกอย่างที่ปักกิ่งเอาไว้เบื้องหลังแล้วเดินทางกลับไปยังเมืองบ้านเกิดหวังจะรักษาบาดแผลทางจิตใจของตน แต่ระหว่างทางได้เกิดแผ่นดินไหวขึ้นอย่างรุนแรง ทำให้ดินที่อยู่บนภูเขาถล่มลงมาทับรถโดยสารที่เธอนั่ง
“อูย!!!! เจ็บชะมัด”
ลู่หยวนซีพยุงกายลุกขึ้นยืนช้าๆ เพื่อดูว่ามีส่วนไหนของร่างกายได้รับบาดเจ็บบ้าง ก่อนมองหาผู้โดยสารร่วมชะตากรรมของตน แต่ที่นั่นกลับพบว่ารอบๆ ตัวเธอมืดมิดไร้แสงสว่าง หรือว่าตอนนี้เธอกำลังถูกฝังอยู่ใต้ซากรถคันนี้กัน เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอก็ไม่รอช้าลู่หยวนซีรีบตะโกนขอความช่วยเหลือทันที
“มีใครได้ยินเสียงของฉันบ้างไหมคะ ช่วยด้วยค่ะ!! ช่วยด้วย!!ตรงนี้ยังมีคนอยู่”
ลู่หยวนซีไม่กล้าขยับตัวมากเพราะเธอกลัวว่าดินที่ถล่มลงมาทับรถประจำทางคันนี้มันจะพังลงมามากกว่าเดิม แต่แล้วความรู้สึกวูบหนึ่งก็พัดผ่าน แรงบางอย่างดูดร่างของเธออย่างแรงทำให้ลู่หยวนซีไม่สามารถควบคุมตนเองได้
“เอ๊ะ!!!”
เมื่อรู้ตัวอีกทีกลับพบว่า รอบๆ ตัวของเธอมีผู้คนเดินขวักไขว่เต็มไปหมด เสียงรถฉุกเฉินและกู้ภัยที่กำลังลำเลียงร่างของผู้ประสบภัยขึ้นรถพยาบาล ลู่หยวนซีที่เห็นดังนั้นเธอก็คิดว่าตนเองรอดแล้ว จนกระทั่งได้เห็นร่างที่คุ้นตาของใครคนหนึ่ง ก่อนจะก้มลงมองชุดที่ตนเองใส่อยู่
“เดี๋ยวสิ!! นี่มันหมายความว่ายังไงกันแน่”
เธอวิ่งตามเจ้าหน้าที่กู้ภัยสองคนที่กำลังหามร่างนั้นออกไปให้ห่างจากที่เกิดเหตุ ก่อนจะถูกนำขึ้นรถฉุกเฉินไปอีกคน ลู่หยวนซีทรุดกายลงนั่งตรงนั้นอย่างหมดแรง เมื่อเธอพบว่าเวลานี้ตัวเธออาจจะไม่ได้มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว
“ขอโทษนะคะผอ. ชีวิตใหม่ในเมืองใหญ่ที่คุณคาดหวังให้ฉันไปใช้ชีวิตที่นั่น ตอนนี้มันได้จบลงแล้ว”
ลู่หยวนซีนั่งมองเจ้าหน้าที่ทำหน้าที่กู้ร่างของผู้ประสบภัยอีกหลายคนออกมาจากรถประจำทางคันนั้นด้วยใบหน้าเฉยชาไร้ความรู้สึก แต่แล้วเสียงหนึ่งก็ดังแทรกขึ้นภายในหัวของเธอ
“ยอมแพ้ตอนนี้มันยังเร็วไปนะ คุณยังไม่ตายซะหน่อยแค่สลบไปเท่านั้น แต่ถ้าคุณปล่อยให้เวลาผ่านไปนานๆ ไม่แน่ว่าคุณอาจจะตายไปจริงๆ ก็ได้ มาทำข้อแลกเปลี่ยนกับผมไหมล่ะ”
ลู่หยวนซีหมุนตัวไปรอบๆ เพื่อหาว่าใครกันแน่ที่กำลังคุยกับเธอ แต่ที่นั่นกลับไม่มีใครสนใจเธอเลยสักคน ทุกคนเดินผ่านเธอไปราวกับอากาศธาตุ
“คุณเป็นใครคะ....”
สิ้นเสียงของเธอ แรงดูดมหาศาลแรงหนึ่งได้พาร่างของเธอไปยังสถานที่ที่ไม่คุ้นตา ลู่หยวนซีล้มหัวคะมำลงไปอย่างแรง เธอพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางตื่นตระหนก
“สวัสดีและยินดีต้อนรับ คุณลู่หยวนซี”
เสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันทำให้เธอสะดุ้งจนตัวโยน ลู่หยวนซีมองไปรอบๆ หาที่มาของเสียง แต่แล้วกลับพบเพียงความเปล่าเท่านั้น
“ที่นี่คือที่ไหน คุณเป็นใคร พาฉันมาที่นี่ทำไม”
ลู่หยวนซีถามออกไปอย่างลนลาน เวลานี้เธอรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็จำเป็นต้องทำใจดีสู้เสือเข้าไว้
“ใจเย็นๆ ก่อน ผมจะค่อยๆ อธิบายให้คุณได้เข้าใจไปทีละเรื่อง ถ้าพร้อมแล้วอย่างนั้นเราก็มาเริ่มกันเลย”
เสียงที่ไร้ที่มาดังขึ้นกังวานภายในหัวของเธอ ลู่หยวนซีนิ่งเงียบเพื่อรอฟังว่าเจ้าเสียงนั้นจะพูดอะไรต่อ
“ผมคือ ระบบ โปรแกรมอัจฉริยะที่สามารถคิดด้วยตนเองได้ ที่นี่คือภายในโลกของผม และคุณคือคนที่ผมเลือกให้ทำหน้าที่ต่อจากนี้ไป”
ลู่หยวนซีได้ฟังแล้วรู้สึกว่ามันค่อนข้างเชื่อได้ยากมาก หรือว่าเธอกำลังถูกทดลองอะไรบางอย่างจากรัฐบาลอยู่หรือเปล่า
“ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดแน่นอน โลกของคุณนั้นยังล้าหลังเกินไปที่จะมีโปรแกรมระบบอัจฉริยะอย่างผมได้ เอาเถอะ ต่อไปเมื่อคุณได้สัมผัสอีกโลกคุณก็จะเข้าใจได้เอง”
ลู่หยวนซีตกตะลึงจนทำสีหน้าไม่ถูก เมื่อเจ้าระบบรู้แม้กระทั่งความคิดของเธอ หรือว่าเธอจะกำลังถูกทดลองอยู่จริงๆ
“ก็บอกว่าไม่ใช่ยังไงเล่า!!! ยัยผู้หยิงคนนี้นี่ เชื่อยากเชื่อเย็นซะเหลือเกิน เดี๋ยวผมก็ปล่อยให้ตายไปจริงๆ ซะเลย”
เสียงทุ้มที่เคยสุภาพเวลานี้ไม่ต่างจากหญิงสาวเสียงแปดหลอดที่กำลังหงุดหงิด เมื่อเวลามีคนทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ ลู่หยวนซีหลังจากที่ถูกดุเธอก็สะดุ้งขึ้นมาอย่างแรง แต่แล้วเสียงนั้นก็กลับมาสุภาพเช่นเดิม
“อะแฮ่ม!! ขออภัย เอาเป็นว่าทุกอย่างที่คุณกำลังสัมผัสอยู่นี้คือเรื่องจริงทั้งหมด ดังนั้นจงเชื่อเถอะว่าคุณไม่ได้กำลังถูกทดลองอยู่”
ลู่หยวนซีที่นิ่งเงียบมาตลอดพยักหน้าหงึกหงัก เพราะเธอกลัวว่าหากทำอะไรให้เขาไม่พอใจ เจ้าเสียงนั่นจะวีนขึ้นมาอีก
