บทที่2 ทำตามความปรารถนาของตนเอง
ลู่หยวนซีตกใจจนแข้งขาอ่อน เธอไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตนได้ยิน น้ำตาเม็ดโตค่อยๆ เอ่อคลอขึ้นมา เธอหวังว่าคุณหมออาจจะวินิจฉัยผิด ภาพเหตุการณ์ที่ผอ.ฟางไออย่างหนักโดยมีเลือดปะปนออกมาด้วย ได้ผุดขึ้นมาในหัวของลู่หยวนซี เธอหันไปจับแขนเสื้อของหมอคนนั้นเอาไว้ ก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าเพื่อขอร้องอ้อนวอน
“คุณหมอคะ ไม่ทราบว่าจะยังมีทางรักษาอยู่ไหม หนูจะยอมทำทุกอย่างที่คุณต้องการ ได้โปรดรักษาให้เธอด้วย”
คุณหมอที่รับหน้าที่ตรวจผอ.ฟางส่ายหน้า ก่อนพยุงร่างเล็กของลู่หยวนซีขึ้น
“ผมทำทุกอย่างที่สามารถทำได้ไปหมดแล้วครับ”
คุณหมอเอ่ยออกมาเบาๆ อย่างเวทนา ก่อนเดินจากไปเพื่อทำหน้าที่ของตนเองต่อ หลังจากที่คุณหมอจากไปแล้ว ร่างของลู่หยวนซีก็แทบหมดแรงล้มทั้งยืน ตอนนี้เธอไม่อาจสะกดกลั้นความเสียใจเอาไว้ได้อีกต่อไป ความหวังที่ผอ.ฟางจะมีชีวิตรอดได้พังทลายลงไปในพริบตา ริมฝีปากบางเม้มแน่นเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น สีหน้าของเธอในตอนนี้นี้บ่งบอกถึงความเสียใจจนแทบแตกสลาย
ลู่หยวนซีนั่งร้องไห้อยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉินเป็นนาน จนกระทั่งเตียงคนไข้ของผอ.ฟางถูกเข็นย้ายไปยังห้องพักผู้ป่วย เธอจึงได้รีบตั้งสติและตามวิ่งไป
ตอนนี้ ผอ.ฟางยังคงหลับเพราะฤทธิ์ยา ทำให้ลู่หยวนซีที่นั่งเฝ้าได้มีเวลานึกถึงเรื่องที่เธอคุยกับคุณหมอก่อนหน้านี้ ถึงแม้คุณหมอจะพูดกับเธอเป็นนัยๆ ว่าผอ.ฟางไม่น่าจะมีหนทางรักษาแล้ว แต่จะให้เธอหมดหวังไปตอนนี้เธอคงทำไม่ได้
ลู่หยวนซีหยิบโทรศัพท์รุ่นเก่าที่ใช้มาเกือบสิบปีแล้วเสิร์ชหาข้อมูลของโรงพยาบาลที่มีหมอเก่งๆ เกี่ยวกับการรักษาโรคมะเร็ง แต่มือของใครบางคนก็แตะที่ข้อมือเล็กของเธอแผ่วเบา
“ผอ. คุณรู้สึกตัวแล้วหรือคะ หนูจะรีบไปตามคุณหมอมาดู.....”
ลู่หยวนซีกำลังจะพุ่งออกจากประตูไป แต่มือของผอ.ฟางยังคงจับเธอเอาไว้มั่น หญิงชราส่ายหน้าช้าๆ ใบหน้ายิ้มน้อยๆ ท่าทางใจดีของเธอยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
“ทำไมคะ ทำไมคุณถึงห้ามหนู”
ขอบตาแดงก่ำของลู่หยวนซี บ่งบอกว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก แววตาของเธอสั่นไหวเพราะพยายามกลั้นน้ำตาไว้อย่างสุดความสามารถ
“ฉันรู้เรื่องนี้มานานแล้ว อย่าได้เสียเวลาอีกเลย เสี่ยวซีเอ๋อ เธอไม่จำเป็นต้องแบกรับทุกอย่างเอาไว้เองทั้งหมดหรอกนะ ออกไปใช้ชีวิตที่โลกภายนอกเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ ซะ ที่ฉันดูแลพวกเธอมาสิบกว่าปี ฉันหวังเพียงว่าพวกเธอจะเติบโตขึ้นและมีชีวิตที่ดีก็เท่านั้นเอง ส่วนเรื่องเด็กๆ ที่บ้านเด็กกำพร้า ฉันได้เตรียมการเอาไว้เพื่อพวกเขาเรียบร้อยแล้ว เธอไม่ต้องเป็นห่วง แคกๆๆๆ”
พูดยังไม่ทันจบผอ.ฟางก็ไอออกมาอย่างหนักอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มีเลือดปนออกมากว่าปกติ ลู่หยวนซีไม่ฟังที่ผอ.ฟางห้ามอีกแล้ว เธอรีบวิ่งไปตามหมอมาตรวจดูอีกครั้ง หลังจากอาการไอทุเลาลง ผอ.ฟางก็ได้หลับไปเพราะฤทธิ์ของยา
ลู่หยวนซีย้อนกลับมาที่บ้านเด็กกำพร้าฉือชุนอีกครั้ง เธอไม่กล้าบอกความจริงเกี่ยวกับอาการของผอ.ฟางให้เด็กๆ ได้รู้ เพราะเธอกลัวว่าทุกคนจะตื่นตระหนกและขวัญเสีย
กว่าครึ่งเดือนที่ ผอ.ฟางได้นอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลประจำเมือง ทุกครั้งที่อาการของเธอกำเริบลู่หยวนซีรู้สึกว่าหัวใจของเธอถูกบีบรัดจนไม่สามารถอธิบายถึงความเจ็บปวดนั้นได้ เธออยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของหญิงชราที่เสียสละตนเองมาทั้งชีวิตเพื่อเด็กๆ ในบ้านเด็กกำพร้าฉือชุน
แต่นั่นเป็นเพียงความรู้สึกของลู่หยวนซีเพียงฝ่ายเดียว เธอไม่ใช่หมอเธอไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย สิ่งที่เธอทำได้มีเพียงกักเก็บความรู้สึกเจ็บปวดเอาไว้ภายในใจ และคอยตอบคำถามของเด็กๆ ที่ถามถึงผอ.ฟางของพวกเขาว่าเมื่อไหร่เธอจะกลับมา
ผอ.ฟางรู้อาการป่วยของตนเองดี เธอจึงไม่ต้องการเสียเวลาที่โรงพยาบาลอีกแล้ว เมื่อคุณหมอเข้ามาตรวจอาการของเธออีกครั้ง ผอ.ฟางจึงยื่นความประสงค์ที่ต้องการกลับมาพักที่บ้านของตน คุณหมอเจ้าของไข้เซ็นอนุญาตแต่โดยดี เพราะได้คุยกับผอ.ฟางไปก่อนหน้านี้แล้วเกี่ยวกับอาการของเธอ
เธอคิดว่าวาระสุดท้ายของชีวิตของตน เธออยากจะกลับมาอยู่กับเด็กๆ ที่เธอรักที่ฉือชุนอีกครั้ง ลู่หยวนซีที่ได้รู้เรื่องที่ผอ.ฟางจะออกจากโรงพยาบาล ความจริงเธอไม่เห็นด้วย แต่เพราะรู้ดีว่าถึงอย่างไรเธอก็ไม่มีทางห้ามหญิงชราได้ จึงได้พาเธอกลับมาพบหน้าเด็กๆ อีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย
งานเลี้ยงเล็กๆ ถูกจัดขึ้นเพื่อต้อนรับผอ.ฟางออกจากโรงพยาบาลโดยเด็กๆ ทุกคนในบ้านเด็กกำพร้าฉือชุน ลูกโป่งหลากสีถูกติดประดับภายในห้องโถงที่พวกเขาใช้ทำกิจกรรมรวมกันมาโดยตลอด
คำว่ายินดีต้อนรับกลับบ้าน ถูกติดเอาไว้เด่นหราตรงกลางผนังของห้อง ผอ.ฟางเห็นภาพเหล่านั้นเธอก็ยิ้มออกมาทั้งน้ำตาด้วยความปลาบปลื้ม เด็กๆ วิ่งเข้ามารุมล้อมเธอด้วยความดีใจที่สตรีที่เป็นดังมารดาและผู้ให้ชีวิตใหม่แก่พวกเขากลับมาแล้ว
ลู่หยวนซียืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยหัวใจที่ปวดร้าว เธอทนมองภาพเหล่านั้นไม่ไหวจนต้องหันหน้าหนีไปทางอื่น นี่คือสิ่งที่คุณต้องการหรือคะผอ. สิ่งเหล่านี้มันสำคัญกว่าชีวิตของคุณอีกอย่างนั้นหรือ ร่างบางเดินสาวเท้าเข้ามาภายในห้องโถง ก่อนจะปรามเด็กๆ ที่รุมล้อมผอ.ฟางให้สงบลง
หลังจากงานเลี้ยงต้อนรับผอ.ฟางผ่านไป วันต่อมาทุกคนก็ได้ทราบข่าวร้ายว่าหญิงชราได้จากไปแล้วอย่างสงบ แม้เธอจะเสียชีวิตเพียงลำพังภายในห้องพักส่วนตัว แต่ใบหน้าของเธอกลับไม่มีความเจ็บปวดใดๆ หลงเหลืออยู่เลย มีเพียงรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าเหมือนอย่างเคยที่เด็กๆ ได้เห็นอยู่เป็นประจำ
ลู่หยวนซีที่ทำใจเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ได้แต่กอดปลอบเด็กๆ ไม่ให้พวกเขาเสียใจมากเกินไป ต่อมาร่างของผอ.ฟางได้ถูกฝังเอาไว้ในสุสานรวมกับคนในครอบครัวของเธอ หลังจากนั้นเด็กๆ ในบ้านเด็กกำพร้าฉือชุนก็ถูกรับไปอยู่ในที่ต่างๆ ตามที่ผอ.ฟางได้เตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า
สิบแปดปีของบ้านเด็กกำพร้าฉือชุนได้ปิดตัวลง ลู่หยวนซีเก็บเสื้อผ้าของเธอใส่เป้หลังใบใหญ่ด้วยความรู้สึกอาลัยอาวรณ์ ก่อนเดินทางออกจากเมือง เธอได้แวะไปที่หลุมศพของผอ.ฟางอีกครั้ง
“หนูไปครั้งนี้ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้กลับมา แต่หนูสัญญาว่าจะกลับมาที่นี่อีกแน่นอนค่ะ บ้านเด็กกำพร้าฉือชุนจะต้องเปิดขึ้นอีกครั้งเพื่อดูแลเด็กๆ ที่คุณห่วงใย หนูไปก่อนนะคะ....คุณแม่”
ลู่หยวนซีเอ่ยเรียกผอ.ฟางว่าแม่เป็นครั้งแรก จากนั้นเธอจึงมุ่งหน้าเข้าสู่เมืองใหญ่ ใช้ชีวิตตามที่ผอ.ฟางต้องการ
