เสแสร้งข้าก็ทำเป็น
เสี่ยวหลานพาน้องๆ กลับถึงบ้านเก็บทุกอย่างเข้ามิติเหลือไว้เพียงรถเข็นแสนว่างเปล่าจากนั้นเอาซาลาเปาออกมายื่นให้น้องๆ พร้อมน้ำเต้าหู้ และจากนั้นแปรงฟันบ้วนปากเข้านอนกลางวันอย่างสุขอุรา แต่ช่วงเย็นจำต้องตื่นขึ้น เมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากมิติและเสียงเรียกด้านนอก
"เสี่ยวหลาน เสี่ยวหลาน" เสี่ยวหลานลุกขึ้นเข้าไปแปรงฟันล้างหน้าจากนั้นตรวจเช็คชุดให้เรียบร้อยนางเดินออกไปด้านนอกซึ่งมีท่านตาอี้หมิงชาวบ้านพร้อม ชาวบ้านอีกหมู่บ้านหนึ่งมาด้วย
"คารวะเจ้าค่ะ ท่านตาเอ่อท่านผู้นำหมู่บ้านไม่ทราบพาทุกคนมาหาข้าทำไมหรือเจ้าคะ"
"เอ่อ!!! อี้หานบอกว่าเจ้าเปลืองผ้าและตีเขาพร้อมสหายอีกสองคน"
"หืม!!! ข้านี่หรือเจ้าคะพวกท่านเข้าใจผิดกันหรือไม่"
"จะไม่เข้าใจผิดได้เช่นไรเจ้าเจ้าต้องรับผิดชอบข้าพี่น้อง" เสี่ยวหลานมองตามเสียงมองเห็นเจ้านักเลงต่างหมู่บ้านที่เป็นสหายของอี้หานที่ตอนนี้ใบหน้าแดงก่ำ
เมื่อพบเจอใบหน้าของนางที่ไม่เสริมแต่งแต่งดงาม พร้อมไม่ได้สวมใส่ผ้าปิดใบหน้าเช่นเคยจากครั้งแรกจะเอาเรื่องด้วยการเรียกค่าสินไหมให้นางอับอาย
และพวกเขาได้ยินมาจากอี้หานว่านางกำพร้าแต่บิดาทิ้งเงินไว้มากในวันนี้เขาเปลี่ยนใจแล้วจากจะเอาเงินเอานางเป็นเมียจะดีกว่าไหนบอกนางอัปลักษณ์ตัวซวยนี่มันเป็นตัวทำเงินและชวนหลงไหลมากกว่าเป็นไหนไหน
"หืม!!! พวกเจ้าเป็นใครหรือ" เสี่ยวหลานกอดอกมองชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดร่างสูงใหญ่แม้อันธพาลแต่บ่งบอกว่าหน้าตาดีถึงไม่ตรงความชอบของนางแต่ก็ยอมรับโลกนี้มีแต่สิ่งสวยงามแม้แต่คนว่าอัปลักษณ์ที่ร่างนี้เคยได้รับคำดูถูกมาเพียงผื่นสิวเล็กๆ เท่านั้นเอง
"ขะข้าเว่ยหมิงส่วนนี่น้องชายข้าเว่ยชาง"
"หืม!!ข้าไม่ต้องการรู้จักพวกเจ้าสองพี่น้องแค่จะถามว่าเจ้าเป็นใครเหตุใดถึงปรักปรำข้า" เสียงนางสั่นเครือดังพอจนปลุกน้องๆ ตื่นขึ้นมา
"พี่ใหญ่มีอะไรหรือไม่เจ้าคะ/ขอรับ" เด็กน้อยวิ่งตะโกนถามพร้อมกัน
"อ๋อไม่มีอะไรหรอกแค่คนป่วยหาว่าพี่สาวเจ้าไปเปลืองผ้าและตีพวกเขาหนะ"
"โอ้!!พี่ชายท่านก็ตัวสูงใหญ่พี่สาวข้าตัวเล็กบอบบาง ไม่มีกำลังพอตบตีเปลืองผ้าพวกท่านหรอกขอรับ"
"นั่นสิเจ้าคะพวกเราก็เป็นเพียงสตรีและเด็กจะเอากำลังไหนทำร้ายพวกท่านท่านป่วยควรไปโรงหมอตรวจหน่อยนะเจ้าค่ะ"
"พะ.. พวกเจ้าตัวดีเลยเด็กปีศาจกัดหูข้า" เป็นเว่ยชางเปิดหูให้ชาวบ้านดูเรียกเสียงฮือฮาอย่างมาก
"หืม....เจ้าว่าใครเป็นปีศาจหรือ" เสี่ยวหลานปลายตามองเว่ยคนน้องที่ตอนนี้ไปหลบหลังพี่ชายด้วยความกลัว
"เอาล่ะๆ เงียบก่อน" เป็นท่านตาอี้หมิงเอ่ยปรามเขาเองก็คิดตามคำพูดเด็กทั้งสามจะทำชายที่ใกล้โตเต็มวัยได้เช่นไรซึ่งเป็นความคิดเห็นชาวบ้านเช่นเดียวกัน
ที่ตอนนี้ไม่ได้ตั้งแง่หรือมีอคติต่อนางแล้วและยังคิดได้ถึงพระคุณของนายพรานจางหรือบิดาของนาง ที่ล่าสัตว์เอามาขายในราคาถูกช่วยเหลือทุกคนยามลำบาก
แม้ใจลึกๆ ชาวบ้านจะกลัวคำเล่าลือของหมู่บ้านอีกหมู่บ้านเล่าต่อกันมาในตอนนี้เห็นใบหน้าที่แท้จริงทำให้พวกเขาคิดได้ว่าคนอัปลักษณ์ใดจะงดงามเพียงนี้มีแต่คนริษยาเท่านั้นแหละที่ตั้งแง่
"ท่านหัวหน้าหมู่บ้านข้าเองก็โดนเด็กชายคนนี้ขว้างหินใส่ด้วยเจ้าคะ" แต่ละคนมองหลินหลินที่มาพร้อมอี้หานในตอนนี้เขาใบหน้าแดงก่ำมองด้วยสายตาเจ้าชู้ใส่เสี่ยวหลาน
แต่ถูกสายตาเฉยเมย และคมเข้มเต็มไปด้วยความเย็นชา ทำให้อี้หานรีบปล่อยมือคู่หมั้นออกจากแขนไปหาสหายทันทีและคิดในใจว่านางคงหวงเขาสร้างความงุนงงต่อชาวบ้าน และความไม่พอใจต่อหลินหลิน ซึ่งหนุ่มสาวคู่นี้พึ่งจะมาเพราะอี้หานไปรับหลินหลินจากโรงหมอในเมืองนั่นเอง
"พี่สาวผู้นี้ตัวข้าเป็นเพียงเด็กห้าขวบจะเอาแรงที่ไหน จับก้อนหินขว้างท่านจนบาดเจ็บถึงเพียงนี้ได้ขอรับฮึกฮึก!พี่ใหญ่ พี่รองพี่สาวผู้นั้นปรักปรำรังแกเด็กอย่างข้าขอรับ"
"โอ๋โอ๋!!! น้องเล็กอย่าร้องนะพวกเขาคงไม่โง่พอเชื่อคำที่ไม่มีหลักฐานหรอกแล้วอีกอย่างมือเล็กๆของเจ้าจะมีแรงไหนจับก้อนหินใหญ่ได้กันดูเอาเถอะผ้าพันรอบหัวอย่างนี้ไม่มีหรอกที่ก้อนเล็กๆ จะทำได้" เสี่ยวหลานปลอบน้องชายการแสดงผู้นี้อย่างสงสาร จนชาวบ้านเห็นใจขนาดมารดาของสองเว่ยยังเงียบนิ่งไม่คิดเข้าข้างลูกเลย
"ท่านผู้นำหมู่บ้านและทุกท่านข้าอยากรู้นักว่าเหตุใดตัวข้าถึงถูกกระทำเช่นนี้เกิดมาต้องหลบซ่อนหลังเรือน เพราะถูกกล่าวหาว่าเป็นตัวซวยทำให้มารดาตายแล้วใครจะรู้บ้างมารดาข้าอยู่บ้านนั้นลำบากมากเพียงใด"
"ยังดีที่บิดาพาข้ามาอยู่ที่นี่ในช่วงที่ข้าเป็นอีสุกอีใสทำให้มีรอยเต็มหน้าเต็มตัวห้ามไม่ได้จนถูกมองว่าอัปลักษณ์ข้าจำต้องหลบซ่อนตัวเองและเวลาไปที่ไหนข้าต้องปกปิดใบหน้าเสมอมา"
"แต่ในวันที่บิดาข้าจากไปคนเราย่อมเปลี่ยนตัวเองจากที่ข้ายอมทุกอย่างอย่างเจียมตัวเพราะไม่อยากให้ทุกคนลำบากใจแต่ในเมื่อตอนนี้ข้าหายแล้วพวกท่านเอ่อคนบางคนยังไม่ยอมซ้ำเติมข้า"
"กล่าวหาให้ร้ายข้าในสิ่งที่ไม่ได้ทำชีวิตข้ากำพร้าน้องๆ ที่ข้ารับเลี้ยงก็กำพร้าต้องให้ข้าตายก่อนหรือเจ้าคะพวกท่านถึงพอใจเสี่ยวหลินเสี่ยวหลางในเมื่อไม่มีผู้ใดต้อนรับพวกเรารังเกียจเราเราสามพี่น้องไปกระโดดน้ำทะเลสาบกันเถอะโลกนี้ช่างใจร้ายนัก ฮึกฮึกฮือ!!!"
ทุกคนมองเห็นสามพี่น้องกอดกันตัดพ้อร้องไห้อย่างเวทนาสงสารจนทำให้พวกเขาละอายใจจนน้ำตาซึมอี้หาน เว่ยหมิง เว่ยชางเองอยากจะไปโอบกอด ปลอบโยนแต่ไม่กล้านัก
ส่วนหลินหลินได้แต่อิจฉาริษยา ไม่ได้มีความเห็นใจใดเมื่อมองเห็นสายตาคู่หมั้นยิ่งแค้นใจแต่ก็ไม่กล้าโวยวายได้แต่สงบปากสงบคำเพราะพ่อแม่ว่าที่สามีอยู่ด้วย แน่นอนว่าทุกคนอาจไม่ใช่คนดีมากนักแต่ตอนนี้ต่างคิดได้อย่างละอายใจ
"แม่หนูพวกเราไม่รู้มากนักเจ้าอย่าได้คิดหรือทำร้ายตัวเองเลยข้าขอโทษเจ้าด้วยที่เคยคิดเช่นนั้น" เมื่อมีคนหนึ่งย่อมมีคนสองคนสามไปเรื่อยๆ
"ฮึกฮึก!! ขอบคุณที่พวกท่านเมตตาสงสารข้าและน้องด้วยเจ้าค่ะส่วนในเรื่องนี้คือข้าควรต้องรับผิดชอบหรือไม่เจ้าคะ"
"เพ้ย!!! นางหนูไม่ต้องรับผิดชอบอะไรหรอกพวกเราไม่โง่พอเชื่อพวกเขาหรอกอีกอย่างแรงสตรีและเด็กจะไปมีกำลังพอล้มพวกนี้ได้อย่างไร"
"นั่นสิ...." ทั้งหมดเอ่ยพร้อมกันจนทำให้สามสหายอับอายแต่ก็ไม่คิดโกรธในวันนี้เขาอยากปกป้องนาง แม้ไม่ได้เป็นอะไรอย่างน้อยเว่ยสองพี่น้องที่มีตาอยู่หมู่บ้านนี้สามารถเข้าออกได้ตลอดเวลาอยู่แล้วเพียงหญิงสาวและเด็กมีหรือพวกเขาจะปกป้องดูแลไม่ได้
"เอาล่ะ ไม่มีอะไรแล้วถือว่าแล้ว...."
"ข้าไม่ยอมนะเจ้าคะพวกนางพี่น้องทำร้ายข้า"
"นี่นางหนูบ้านหลินจะเอาอะไรอีกหรือเจ้าอิจฉาที่นางหนูบ้านจางสวยงามกว่าเจ้ากันเหอะ!ข้าไม่อยากจะบอกแต่หวังดีผู้เฒ่าอี้คิดผิดที่เกี่ยวดองสตรีใจริษยานางนี้ดีที่ลูกชายข้าอยู่ในเมืองไม่กลับหมู่บ้านไม่เช่นนั้นไม่พูดดีกว่า"
ลี่เผยแม่เฒ่าผู้ร่ำรวยที่ย้ายมาอยู่หมู่บ้านนี้เมื่อห้าเดือนก่อนซึ่งอายุเท่าผู้นำหมู่บ้านอี้หมิงและที่แม่เฒ่าลี่มาอยู่ที่นี่ด้วยเพราะความเหงาอยากรู้อยากเห็นเพียงเท่านั้น
ซึ่งความชราพบเจอคนมากหน้าหลายตาแต่มีหรือที่จะมองจิตใจหญิงสาวชาวบ้านไม่ออกเมื่อพูดเสร็จก็จากไปปล่อยให้ครอบครัวอี้ต่างคนต่างควาคิดครอบครัวหลินแม้โกรธและอับอาย
แต่ก็ไม่กล้าทำอะไรมากเพราะแม่เฒ่าผู้นี้เข้ามาในหมู่บ้านโดยมีตราประทับจากทางการแม้แต่อี้หมิงยังเกรงใจเมื่อทุกคนแยกย้ายนางและน้องๆ เข้าบ้านแล้วใช้ผ้าห่มปิดหน้าหัวเราะคิกคักลืมสิ้นความเวทนาชวนคนสงสารที่ได้รับจากชาวบ้านไปจนหมดเสียแล้ว
"คิกคิก!!!! พี่ใหญ่ข้าไม่คิดว่าแผนนี้จะได้ผลนะขอรับ"
"คิกคิก!!! เจ้าแสดงได้แนบเนียนต่อไปควรรู้จักอ่อนเพื่อเอาตัวรอดในอนาคตเจ้าจะรอดปลอดภัยกับอีแร้งที่รุมทึ้งเข้าใจหรือไม่"
"โอ้!คำใหม่อีกแล้วหรือเจ้าคะพี่ใหญ่"
"อืมๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปขายของกลับมาเราไปหาของทะเลกันเถอะ"
"ขอรับ/เจ้าค่ะ" เสียงหัวเราะมีความสุขของบ้านจางต่างจากบ้านอี้ บ้านเว่ย บ้านหลินที่จะอยู่ความคิดและความกดดัน
