เรียกข้าว่าพี่ใหญ่เถิด
เวลาในมิติผ่านไปสิบวันที่เสี่ยวหลานชำนาญกังฟูได้สองกระบวนท่าแต่แล้วอย่างไรความรวยย่อมสำคัญกว่านางออกมาจากมิตินอนต่ออีกนิดก็คงเช้าแล้วค่อยไปหาลู่ทางการค้านางอยากขายซาลาเปาไส้เนื้อเน้นๆ
แต่คงต้องทำทีเข้าไปในเมืองหาซื้อเนื้อ แป้งเข้ามาก่อนซึ่งก็เอามาจากในมิติของนางนั่นแหละตอนนี้ใบหน้าของนางหายดีแล้วงดงามขึ้นมากกว่าเดิม แถมไม่ได้ผอมซูบแบบเดิม ส่วนที่ควรมีก็ใหญ่ขึ้นแถมผิวขาวกระจ่างใสยิ่งกว่าคุณหนูในเมืองหลวงคงเพราะผักผลไม้อาหารที่เสี่ยวไป๋ทำมีพลังปราณวิญญานอย่างมาก
เช้ามาเยือนเสี่ยวหลานสวมใส่ชุดที่เสี่ยวไป๋ตัดให้แม้ทำจากผ้าชั้นสูงธรรมดาแต่ทุกอย่างดูล้ำค่าอย่างมากเพราะมีลายปักอ่อนช้อยแปลกตาสวยงามนางเกล้าผมครึ่งศีรษะด้วยปิ่นไม้
ในมิติซึ่งมันเป็นสีน้ำตาลเข้มแต่เวลาต้องแสงเปล่งประกายระยิบระยับเสี่ยวไป๋บอกไม้สนวิญญานแกะสลักเป็นรูปกระต่ายเหมือนตัวเองเสียอย่างนั้นดีที่เสี่ยวไป๋เป็นสัตว์ไม่ใช่บุรุษที่มาเกี้ยวพา
'เสี่ยวไป๋ถ้าข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นกระต่ายนึกว่าเป็นบุรุษเกี้ยวข้านะเนี่ย'
'เหอะ ข้าไม่สืบพันธุ์ข้ามเผ่าขอรับท่านทำใจเสียเถอะถึงข้าจะรูปงามท่านเป็นได้เพียงเจ้านายขอรับ'
'นี่เจ้าเป็นกระต่ายหน้าตายชมตัวเองไม่พอยังปากคอเลาะร้ายดูถูกข้าอีก'
'จริงนี่ขอรับท่านไม่น่าพิศวาสสักนิด'
'พอๆ ข้าไม่คุยกับเจ้าแล้วแล้วจะออกไปด้านนอกกับข้าหรือไม่'
'ไม่ดีกว่าขอรับด้านนอกพลังฟ้าดินน้อยและไม่บริสุทธ์ข้ารักสะอาดขอรับเอาไว้เมื่อท่านมีภัยค่อยเรียกข้าข้าจะออกไปจัดการเองขอรับ'
'เหอะ ตามใจเจ้าเถอะข้าไปล่ะ'
นั่นแหละ ความทรงจำก่อนหน้าที่โดนกระต่ายตรอกกลับทำให้นางไม่ค่อยมั่นใจตัวเองเท่าไหร่
หลังจากแต่งตัวนางทาครีมบำรุงทาลิปสติกสีชมพูใสเล็กน้อย จากนั้นได้ฤกษ์ออกบ้านเดินเข้าไปในหมู่บ้านในช่วงเช้าคนรอเกวียนต่อแถวไปในเมืองที่ห่างสิบกิโลสำหรับนางจะเดินเอาเพราะดูแล้วอากาศที่เริ่มเย็นจะสบายมากกว่าแน่นอนมีแต่สายตาตกตะลึงอ้าปากค้าง
"นี่แม่นางเจ้าคือผู้ใดอย่างนั้นหรือ"
"หลบไป" ดวงตากลมโตมองชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดอย่างเย็นชาและมองหญิงสาววัยสิบสี่อย่างเฉยเมยพวกเขาเป็นใครไปไม่ได้นอกจากศัตรูที่ดูถูกร่างนี้เป็นประจำผู้ชายเป็นลูกหลานหัวหน้าหมู่บ้านนามอี้หานและแม่ดอกบัวขาวคงเป็นคู่หมั้นเด็กหลินหลิน
"นี่เจ้าพี่อี้หานถามเจ้าไม่ได้ยินหรือเจ้าเป็นใครมาทำไมหมู่บ้านนี้เจ้าไม่รู้รึว่าหมู่บ้านแต่ละหมู่บ้านมีกฏ"
"หืม ข้าจางเสี่ยวหลานคนในหมู่บ้านไผ่ล้อม ได้ยินชัดหรือยังได้ยินแล้วควรหลบอย่ามาแสร้งเป็นคนมีคุณธรรมแถวนี้"
"เจ้า... นังเสี่ยวหลาน"
"ทำไมอย่าคิดว่าข้าไม่สู้เจ้านะ" นางง้างมือหวังตบเช่นกันร่างนี้ยอมมากพอแล้วและเมื่อผู้ได้ยินชื่อแซ่ต่างหลบทันทีและซุบซิบเสียงดัง
"โอ้พวกท่านคงคิดว่าข้าตัวซวยอัปลักษณ์ ทำให้แม่และพ่อตายปู่ย่าไม่เอาแล้วเช่นไรข้าห้ามทุกคนได้หรือแล้วอีกอย่างข้าเกิดมาในวันที่ท่านแม่ข้าทำงานรับใช้บ้านนั้นจนตกเลือดความผิดข้าหรือแล้วข้าได้ไปล่าสัตว์กับท่านพ่อหรือไม่ ท่านลุงหวูสหายท่านพ่อตายเช่นกันหวูอิงคงเป็นตัวซวยด้วยอีกคนสินะน่าขันความคิดพวกท่านนักในเมื่อมองว่าข้าตัวซวยอัปลักษณ์ก็อย่ามาใกล้ข้าอีกบอกไว้ก่อนต่างคนต่างอยู่เป็นดีที่สุด"
ทุกคนพูดไม่ออกร่างนี้ต้องทนทุกข์หลบซ่อนสายตาทุกคนเวลาไปไหนมาไหนต้องสวมผ้าปิดหน้า แต่เมื่อวันที่นางตายไม่ได้สวมเพราะขึ้นเขา แถมร่างนี้มักถูกต่อว่านินทาเวลาไปในเมืองมักจะเดินไปตลอดไม่เคยขึ้นเกวียนสักครั้ง
ใครว่าอะไรก็ทำเป็นไม่สนใจแต่ไปแอบร้องไห้คนเดียวไม่มีใครหยิบยื่นให้นอกจากครอบครัวฟางที่ไม่รังเกียจเกือบจะมีรอยยิ้มอีกครั้งพวกเขาก็ทิ้งไป
เช่นเคยร่างนี้เลยไร้รอยยิ้มเสมอมาแต่วันนี้ต่างกันนางกล้าเผชิญทุกสิ่งจนทุกคนอ้าปากค้างและคิดทบทวนบางคนคิดได้บางคนคิดไม่ได้ก็มี แต่นางไม่ได้สนใจยังเดินออกมาอยู่ดี มีแต่อี้หานที่แววตาเป็นประกายเขาอยากจะวิ่งตามแต่ต้องไปหาท่านปู่ก่อนเพราะอีกไม่กี่วันก็จะกลับไปเรียนอีกแล้ว
"โอ้!!ถึงซะที" นางนำตำลึงเงินมาด้วยซึ่งมันเหลืออยู่เพียงสิบอีแปะเท่านั้นเพราะใช้หมดไปตลอดห้าปีที่อยู่ลำพังนางนำผ้าปิดหน้าเหลือเพียงดวงตายืนต่อแถวรถม้าบ้างเกวียนบ้างคนบ้างใช้เวลาสองเค่อ (30นาที)
"คนต่อไป"
"บอกชื่อแซ่"
"จางเสี่ยวหลานเจ้าค่ะ"
"อืม สองอีแปะและรับแผ่นไม้ไว้ออกมาก็มาคืนข้า"
"นี่เจ้าคะ" นางกล่าวขอบคุณยามเฝ้าเมืองและเดินเข้าไปด้านประตูเมืองที่เขียนว่าพิรุณโดยเก็บแผ่นป้ายเข้ามิติจากนั้นหาที่ลับตานำตะกร้าออกมาเดินไปดูตลาดโบราณอย่างตื่นตาตื่นใจร้านซาลาเปาก็มีมากแต่ลูกเล็กแป้งแข็ง แถมไส้น้อยขายลูกละสองอีแปะซึ่งนางคิดว่าไม่คุ้มราคากินแค่นิดเดียวกะจะเอาทิ้งแต่เห็นมือเล็กๆ ดึงชายเสื้อไว้
"หืม!!! เด็กน้อยเจ้ามีอะไรหรือเปล่า"
"พี่สาวข้าเห็นท่านจะทิ้งมันข้าขอไปให้น้องชายได้หรือไม่เจ้าคะ" นางมองเด็กหญิงวัยสิบขวบแต่งตัวมอมแมมด้วยสายตาเว้าวอน
"น้องชายเจ้าอยู่ไหนหรือ"
"อยู่เฝ้าท่านแม่ตรอกนู้นเจ้าค่ะ"
"อืม พาข้าไปดูหน่อยได้หรือไม่"
"เจ้าค่ะ" นางทำทีหยิบซาลาเปาไส้หมูร้อนๆ มาสองลูกใส่ผ้าเช็ดหน้ายื่นให้เด็กน้อย
"เจ้ากินไปตามทางก่อนเดี๋ยวของแม่และน้องชายเจ้าข้าจะมอบให้เขาเองฝีมือข้าทำเองเลยน่ะ"
"ขอบคุณเจ้าค่ะพี่สาว" เด็กน้อยรีบเช็ดมือ แล้วรับไปกัดกินอย่างหิวโหย
"นี่น้ำเปิดแบบนี้แล้วก็กินส่วนขวดเอามาให้ข้า"
"ขอบคุณเจ้าค่ะ" นางเดินไปคุยไปกับเด็กน้อยที่กินซาลาเปาไปด้วยแต่ไม่วายเก็บไว้หนึ่งลูกครึ่งซึ่งนางก็หาได้แย้งไม่
"ฮือฮือ!! ท่านแม่ท่านแม่ขอรับ"
"อาหลาง" เด็กหญิงรีบวิ่งไปโดยที่เสี่ยวหลานวิ่งตามจนเปิดประตูเข้าไปเห็นเด็กชายวัยห้าขวบที่สภาพดีกว่าเด็กหญิงหน่อยร้องไห้กอดคนเป็นแม่อย่างเวทนานางเห็นเด็กหญิงปลอบน้องชาย
จากนั้นนางเดินเข้าไปเอามือยื่นไปตรงจมูก 'ตะตายแล้ว' นางคิดในใจได้แต่สงสารเด็กสองคนนี้อย่างมากและรู้ว่าเด็กทั้งสองถูกบิดาตัดขาดหย่าร้างมารดาจนมารดามาหาเช่าบ้านอยู่ที่นี่แต่ถูกขโมยเงินมารดาถูกซ้อมเพราะเป็นตำลึงก้อนสุดท้ายที่ขายปิ่นไปและนั่นแหละห่วงเงินก็ห่วง ห่วงลูกก็ห่วงจนต้องช้ำในนอนซมป่วยตายแบบนี้
เด็กหญิงเลยออกไปขอทานซื้อยาให้มารดาและหาอาหารให้น้องชายกินนางควักอีแปะห้าอีแปะยื่นให้ทางการพร้อมเนื้อหมูวิญญานออกมาจากถุงย่ามเพื่อขอหลุมศพในสุสานนางเลยช่วยกันทางการแบกแม่ของเด็กๆ ที่พาไปทำพิธีฝังใช้เวลาทั้งวันกว่าจะแล้วเสร็จยังดีที่หมูวิญญานพอแลกหลุมได้บ้างปรกติต้องให้เงินตำลึงซึ่งคนดูแลสุสานออกให้เมื่อเห็นเนื้อหมูของนางที่มอบให้หนึ่งกิโลเลยทีเดียวดีที่ไม่เอาเครื่องประดับมอบให้ไม่งั้นคงขาดทุนแย่
"กราบลามารดาพวกเจ้าเสียต่อไปก็ไปอยู่กับข้าในฐานะน้องสาวน้องชายของข้าต่อไปเรียกข้าพี่ใหญ่เถิดถ้าได้มาที่นี่อีกข้าจะพาพวกเจ้ามาเยี่ยมมารดาเมื่อใดมีบ้านหลังใหญ่จะพามารดาเจ้าไปอยู่ด้วยกันดีหรือไม่"
"ฮึกฮึก!!! พี่ใหญ่" ทั้งสองวิ่งมากอดนางนางตบหลังพวกเขาเบาๆ ต่อไปเด็กทั้งสองจะเป็นครอบครัวเดียวที่นางเหลืออยู่บนโลกใบนี้คนโตนางให้ชื่อจางเสี่ยวหลินคนเล็กจางเสี่ยวหลางเหลือหนึ่งอีแปะไม่สามารถเช่าโรงเตี๊ยมนอนได้ต้องกลับไปบ้านเช่าหลังเดิม
"กินซาลาเปาไปก่อนออกจากเมืองนี้เมื่อไหร่ข้าจะเผยความลับให้พวกเจ้าได้รู้"
"เจ้าค่ะ/ขอรับพี่ใหญ่" นางลูบหัวพวกเขาเบาๆ และนำชุดเด็กออกมาแน่นอนเสี่ยวไป๋ที่ได้ยินเรื่องราวเดิมอยู่แล้วยิ่งสงสารเลยทำชุดมอบให้เด็กทั้งสองยิ้มดีใจอย่างมาก
เพราะอดีตก็เคยเป็นคุณหนูคุณชายของครอบครัวมีอันจะกินเช่นกันสามีหลงภรรยาใหม่เชื่อทุกคำพูดถึงขั้นว่าภรรยาของตนมีชู้และเด็กทั้งสองไม่ใช่ลูกของเขาอย่างว่าเด็กทั้งสองใบหน้าเหมือนมารดาอย่างมาก และนางอยากบอกเหลือเกินเด็กไม่ใช่เด็กแฝดจะมีชู้ได้อย่างไรแถมภรรยาตนอยู่แต่ในจวนโง่ไม่มีเกินทิ้งหญิงที่ร่วมกันสร้างไปเลือกเอาหญิงที่พลาญทุกสิ่งแต่ก็ดีแล้วที่ออกมาเลยพบเจอนางที่มาในเมืองวันแรกมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญจริงๆ
