ตอนที่ 4 ดูแล
เช้าวันต่อมา หยางฉิงตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น ‘ตอนนี้มันเป็นเวลาไหนกันแล้วเนี่ย’ นางหันมองไปทางนาฬิกาที่แขวนอยู่ในห้องนอน เข็มสั้นบนนาฬิกาชี้ไปที่เลขห้าพอดี ‘เวลาในห้องนอนกับโลกที่ข้าอยู่ปัจจุบัน ไม่รู้ว่าเป็นเวลาเดียวกันหรือเปล่า’ มองดูปฏิทินที่วางอยู่บนโต๊ะทำงาน ปฏิทินก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ไม่ได้เป็นเวลาของโลกเดิม แต่มันเป็นปีที่นางไม่รู้จัก ซึ่งปีนี้ได้ย้อนกลับไปจากโลกเดิมหลายร้อยปี และเดือนนี้ก็เป็นเดือนมีนาคม ช่วงนี้อาการหนาวเริ่มเบาบางลงแล้ว ชาวบ้านคงเริ่มปลูกข้าว ลงทำนากัน นางลุกจากเตียงนอนเพื่อไปล้างหน้าแปรงฟันและออกไปหาหลี่เซิง
ตอนนี้หยางฉิงยืนอยู่หน้าห้องของหลี่เซิง นางเปิดประตูห้องเข้าไปโดยที่ไม่ได้ขอเขาก่อน พอเข้าไปในห้องนอนของเขา สายตากลมโตมองไปเห็นหลี่เซิงนอนเหงื่อออกอยู่บนเตียงนอน นางรีบเดินเข้าไปจับตัวของเขา ‘เขาตัวร้อนมาก! เขาไข้ขึ้นสูงตั้งแต่ตอนไหน’ นางไม่ได้เอายาให้เขากินตั้งแต่เมื่อวานนี้ หลังจากที่เอาอาหารให้เขากินแล้ว นางก็ไม่ได้สนใจเขาอีก
นางเปิดบาดแผลตรงขาของหลี่เซิงออกดู เห็นว่าบาดแผลของเขาเริ่มเป็นหนอง นางต้องเอาหนองที่กัดกินรอบ ๆ บาดแผลออกก่อน นางหันไปมองเขา เห็นว่าเขาหลับตาคงยังไม่ตื่นตอนนี้ หยางฉิงกลับไปในห้องคอนโด เอากล่องผ่าตัดฉุกเฉินที่อยู่ในห้องออกมา กล่องผ่าตัดนี้เคยใช้สมัยเรียน ดีที่ยังเก็บมันเอาไว้ นางไม่ค่อยได้ใช้ผ่าตัดเท่าไหร่ เพราะเรียนหมอด้านกายภาพบำบัดเป็นหลักมากกว่า
หยางฉิงเปิดกล่องผ่าตัดออก ใช้แฮกฮอล์ที่อยู่ในกล่องล้างมือของนางให้สะอาดก่อน และก็ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อราดไปบนบาดแผลของหลี่เซิงหนึ่งรอบ
“อือ..”
เสียงร้องของหลี่เซิงดังออกมาหลังจากที่นางล้างบาดแผลของเขา
“ท่านทนหน่อยนะ ข้าจะรีบทำแผลของท่านให้เสร็จเร็ว ๆ มันอาจจะเจ็บนิดหน่อย” นางปลอบเขาเมื่อเห็นสีหน้าที่ดูเจ็บปวดทรมาน
ดีที่กล่องผ่าตัดมีเข็มฉีดยาและยาชาอยู่สามขวด หยางฉิงฉีดยาให้ตรงบริเวณรอบบาดแผล เขาจะได้ไม่เจ็บมาก เมื่อนางทดสอบดูว่าเขาไม่เจ็บแล้ว ก็ใช้มีดผ่าตัดกรีดไปตรงบาดแผลที่ปิดอยู่ มีน้ำสีขาวขุ่นอยู่ด้านใน มันทำให้แผลบวมและไม่หาย นางกรีดมีดเป็นทางยาวลงมาตามบาดแผล พอมีดกรีดลงไปแล้ว ก็เริ่มมีหนองสีขาวขุ่นไหลตามรอยมีดที่นางกรีด นางใช้สำลีซับหนองและเลือดที่ไหลออกมาพร้อมกัน
หยางฉิงค่อย ๆ เปิดบาดแผลตรงขาให้กว้างขึ้น นางขูดเอาหนองที่เกาะติดตรงบาดแผลจนสิ่งที่ไหลออกมาเป็นเลือดสีแดงสด จึงหยุดมือ หยางฉิงใช้สำลีซับเลือดที่ไหลออกมาอีกครั้ง นางทำความสะอาดบาดแผลพร้อมทั้งใส่ยาฆ่าเชื้อและเอายาที่ติดมาในกล่องใส่ลงบาดแผลอีกที
หยางฉิงใช้แผ่นแปะแผลที่เป็นสิ่งที่ใช้แทนการเย็บแผล นางแปะแผลที่เปิดอ้าทั้งสองด้านให้ติดเข้าหากัน และก็แปะผ้าก๊อซ ตามด้วยผ้าสะอาดพันรอบบาดแผลของเขาเอาไว้อีกรอบ นางป้อนยาแก้ปวดและยาฆ่าเชื้อให้เขากิน พร้อมใช้น้ำเย็นเช็ดตัวหลี่เซิงจนตัวของเขาเย็นลง
เมื่อนางสังเกตว่าหน้าตาของเขาไม่มีความเจ็บปวดแล้ว นางก็เก็บสิ่งของต่าง ๆ ที่ได้ทำไว้ เอาไปทิ้งไว้ที่คอนโด นางหยิบเอาเสื้อผ้าของเขาออกมา พร้อมทั้งเอาของเสียของเขาออกไปทิ้งที่ห้องส้วมด้านนอกทั้งล้างและตากไว้ให้แห้ง
‘ข้าต้องเอาน้ำยาฆ่าเชื้อมาไว้ในห้องส้วมบ้างแล้ว มันช่างเหม็นจริง ๆ ดีที่ห้องส้วมของข้าอยู่ไกลจากตัวบ้าน’
วันนี้เพิ่งวันที่สองเท่านั้น แค่ลืมตาตื่นนางก็ยุ่งวุ่นวายตั้งแต่เช้า ดีที่เอาหนองตรงขาของหลี่เซิงออกทัน ไม่อย่างนั้น เขาคงต้องโดนตัดขาแล้ว นางนั่งพักเหนื่อยอยู่ตรงริมลำธารข้างบ้านและเอาเสื้อผ้าของหลี่เซิงที่นางซักไว้แล้วเอามาตากอีกที เมื่อมองทุกอย่างที่ทำอย่างเร่งรีบในตอนเช้า ตอนนี้ตะวันก็โผล่พ้นขึ้นมาจนพระอาทิตย์เต็มดวง นางยังต้องทำความสะอาดบ้าน งานใหญ่ที่รออยู่…
หลี่เซิงรู้สึกตัวในช่วงบ่ายของวัน เขารู้สึกเจ็บตรงบริเวณบาดแผลตรงขา เป็นความเจ็บที่ไม่ได้ทรมานเหมือนเมื่อก่อน เขาลืมตามองไปที่บาดแผล เขามองเห็นผ้าที่ใช้พันแผล เป็นผ้าสีขาวผืนใหม่ ‘ใครเป็นคนทำแผลให้เขากัน เมื่อคืนเขายังทรมานจากพิษไข้อยู่เลย’ ตอนนี้เขารู้สึกสดชื่นมาก ภายในห้องนอนก็ยังมีกลิ่นหอมของดอกไม้อีกด้วย
เขามองไปรอบห้องนอนก็เห็นว่า ภายในห้องนอนได้รับการทำความสะอาดอย่างดี เสื้อผ้าที่เขาใส่ก็เป็นชุดใหม่ ‘ใครเป็นคนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขากัน?’
“ท่านตื่นแล้วหรือ ท่านรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง ยังปวดหัวอยู่หรือไม่” นางยกอาหารมาให้เขากิน วันนี้นางทำข้าวต้มหมูใส่ไข่ เขาต้องกินไข่เยอะ ๆ ไม่อย่างนั้นแผลของเขาก็จะหายช้า
“เจ้าคือคนทำแผลและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ข้าหรือ?”
“ใช่แล้ว เมื่อเช้าท่านมีไข้ข้าจึงเช็ดตัวและทำแผลให้ท่านด้วยเลย เป็นอย่างไรท่านสบายตัวขึ้นหรือไม่ บาดแผลของท่านยังเจ็บอยู่ไหม?” นางมองเขาด้วยสายตาเป็นห่วง
“เจ้าทำแผลให้ข้าเป็นด้วยหรือ?” เขาถามนางด้วยความแปลกใจ นางทำเรื่องพวกนี้ไม่เป็นแน่ ทุกครั้งที่ทำแผลนางจะไปตามท่านหมอหลี่เทามาดูแลเขาแทน
นางมองสายตาหลี่เซิง ก็รู้ว่าเขาต้องแปลกใจหลายสิ่งหลายอย่างไม่เป็นเหมือนเดิม “อ่อ เป็นท่านหมอหลี่เทาเป็นคนสอนข้าเอง เขาบอกว่าจะไม่มีเวลามาทำแผลให้ท่าน เขาเลยให้ข้าเรียนรู้เอาไว้” นางพูดพร้อมกับหันไปสนใจอาหารที่นางยกมาให้เขาแทน
“เช่นนั้นหรือ?” หรือจะเป็นอย่างที่นางพูด ท่านหมอคงไม่มีเวลามาทำแผลให้เขาแล้วก็ได้ เขาหันไปมองอาหารที่อยู่ในมือของนางพร้อมกับท้องที่ร้องออกมาด้วยความหิว
“ท่านคงจะหิวแล้วแน่ ข้าจึงทำอาหารแบบง่าย ๆ เอามาให้ท่าน ท่านคงคิดว่าทำไมข้าถึงเปลี่ยนไป ข้าคิดว่าอยากจะทำดีต่อท่านให้มาก เมื่อก่อนท่านก็ส่งเงินกลับมาให้ข้าอยู่บ่อยครั้ง ถ้าท่านไม่เชื่อข้าก็ไม่เป็นไร…” นางไม่ได้เร่งให้เขาเชื่อในสิ่งที่นางพูดในเร็วนี้หรอก
หลี่เซิงยังไม่ได้ถามเรื่องที่เขาคิดกับนางเลย นางก็พูดออกมาก่อนแล้ว ทุกอย่างที่นางพูดมาก็เป็นเรื่องที่เขาแปลกใจทั้งนั้น หรือนางจะกลับตัวกลับใจแล้วจริง ๆ เขามองไปที่หน้าของนางก็ไม่เห็นหน้าขาวแก้มแดงเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แถมชุดที่นางใส่ก็ไม่ใช่สีฉูดฉาด แต่เป็นสีธรรมดาที่เห็นได้ทั่วไป ทำให้เขาแปลกตาอยู่บ้าง…
“ท่านกินข้าวเถอะ ส่วนนี้ยาน้ำ ข้าเอาเงินที่ข้ามีไปซื้อยากับท่านหมอหลี่เทามาแล้ว ท่านหมอให้ท่านกินยาหลังอาหาร แผลของท่านจะได้หายได้เร็ว ๆ ” นางวางอาหาร ยาที่นางเอามาผสมกับน้ำเพื่อให้ดูเหมือนยาน้ำในยุคนี้และเดินออกมานอกห้องทันที เพื่อไม่ให้เขาถามอะไรอีก
หยางฉิงเดินออกมาข้างนอกก็ถอนหายใจไปหนึ่งครั้ง พร้อมกับมองพื้นที่สวนที่อยู่หลังบ้าน เป็นพื้นที่ขนาดสองไร่ มีต้นหญ้าและวัชพืชขึ้นอยู่เต็มไปหมด นางไม่รู้จะปลูกอะไรและไม่รู้ว่าจะปลูกพวกมันขึ้นหรือเปล่า ตั้งแต่จำความได้ เคยลองปลูกผักหลายชนิด แต่พวกมันก็ตายลงทั้งหมด ไม่รู้ว่ามันผิดพลาดตรงไหน หรือผิดพลาดที่นางก็ได้
ตอนที่นางคิดหาวิธีจัดการสวนอยู่หน้าบ้าน ก็มีคนเดินผ่านมาทางหน้าบ้านพอดี นางอยากเปลี่ยนรั้วบ้านใหม่เสียจริง รั้วบ้านที่มีสูงแค่ครึ่งเอว คนข้างนอกมองเข้ามาก็เห็นทั้งหมดแล้ว ไม่รู้สร้างไว้ป้องกันอะไรได้?
เสียงที่ดังมาจากนอกรั้วบ้านพานให้หยางฉิงหันสายตาไปมอง
“อุ้ย! หลี่เจิง ดูน้องสะใภ้ของเจ้าเสียสิ วันนี้หน้าของนางไม่ได้ขาวและแก้มแดงเหมือนเดิมแล้ว” นางชี้ให้เพื่อนของนางดู
“เจ้าจะไปว่าน้องสะใภ้ของข้าได้อย่างไร ไม่ใช่ว่านางเพิ่งล้มมาหรือ นางอาจจะหัวกระแทกและกลับกลายเป็นฉลาดขึ้นก็ได้”
ทั้งสองคนหันไปมองทางหยางฉิงพร้อมทั้งหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน
