บทที่15 แจกจ่ายผลผลิต
เช้ามาเหอเสี่ยวหงก็เก็บผักที่ดองเข้ามิติ ส่วนพวกเนื้อตากแห้งที่ยังไม่แห้งก็เอาออกมาตาก อันที่แห้งแล้วก็เก็บใส่กระปุกไว้ในมิติ
เช้านี้เหอเสี่ยวหงทำโจ๊กหมูก้อนมีกระเทียมจียวโรยหน้า แล้วก็กินพุทราล้างปาก ตามด้วยนมผงอัดเม็ดที่ลูก ๆ ของเธอต้องกินหลังอาหารมื้อเช้าและมื้อเย็น
วันนี้เหอเสี่ยวหงจะเข้าป่าโดยที่ไม่ให้ลูก ๆ เข้าไปด้วย วันนี้เธอจะเข้าป่าคนเดียว
“แม่อุ่นซาลาเปากับขนมจีบค้างไว้ในเตาให้มันจะร้อนตลอด เวลาหิวลูกก็ไปเอามาให้น้องกินด้วย” เหอเสี่ยวหงบอกโจวเอ้อร์นี
โจวเอ้อร์นีพยักหน้า
“ผลไม้แม่แช่พุทราและสาลี่ไว้ในชามเหล็กในห้อง เวลาอ่านหนังสือก็ไปเอามากินได้” เหอเสี่ยวหงว่าต่อ
“วันนี้มีน้ำแตงโมแม่คั้นใส่ขวดให้แล้วเวลาจะกินให้เปิดแก้วนี้ออก เทน้ำในแก้วดื่มหรือเททิ้งก็ได้แล้วเทน้ำแตงโมใส่มันจะทำให้เย็น”
โจวเอ้อร์นีพยักหน้าอีกรอบ
พุทราหลายลูกและสาลี่ที่ถูกหันแช่น้ำแข็งหลายลูก เหอเสี่ยวหงแช่ใส่น้ำแข็งที่ผสมน้ำนิดหน่อยในชามเหล็กมันจะทำให้ผลไม้กรอบและเย็น
ส่วนแตงโมเธอได้บีบคั้นจนได้น้ำมาขวดหนึ่งไม่ผสมอะไรเลย ใส่น้ำแข็งในแก้วเก็บอุณหภูมิเตรียมไว้ให้เด็กๆดื่ม
“แม่ แม่จะไปไหน” โจวลิ่วนีถาม
“แม่จะไปหาของกินมาให้น่ะ” เหอเสี่ยวหงบอก
“ไปไป ด้วย” โจวลิ่วนีเดินมาเกาะขาเธอ
“ไปไม่ได้จ้ะ หนูยังเด็ก” เหอเสี่ยวหงปฏิเสธพร้อมทั้งนั่งลงเพื่อคุยกับลูกสาวคนเล็ก
“ยะ...อยากไปกับ แม่” โจวลิ่วนีว่าแถมยังเกาะขาเธอแน่น
“ถ้าหนูไปหนูจะไม่ได้กินของอร่อย ๆ” หลังเหอเสี่ยวหงบอกจะไม่ได้กินของอร่อย ๆ โจวลิ่วนีก็ปล่อยขาเธอทันที
“ป้าสะใภ้ใหญ่ของพวกหนูคงดูแลน้องอยู่ พวกลูดก็อย่าดื้อ เอ้อร์นี ซานนีดูน้องด้วย อู๋นี ลิ่วนีอย่าดื้อกับพี่ ๆนะ” เหอเสี่ยวหงบอกลูกสาว
เด็ก ๆ พยักหน้า
เหอเสี่ยวหงไม่ได้เข้าป่าเกือบอาทิตย์แล้ว วันนี้เธอจะเข้าป่ามาหาเห็ดหลินจือแดงกับโสมคนที่เคยเข้ามาหา ไม่รู้ว่ามันจะมีหรือเปล่าเพราะมันจะฤดูหนาวแล้ว
‘โอ้ ทำไม้วันนี้เยอะขนาดนี้!’ เหอเสี่ยวหงอุทาน
ปกติเข้ามาหาจะเจอวันละไม่กี่ต้นกี่ดอก แต่วันนี้เธอเห็นหลายร้อยเลย หรือเพราะเธอเข้าป่าบ่อยจึงทำให้เห็นทีละน้อย พอหยุดและเข้ามาใหม่จึงเห็นมาก
เหอเสี่ยวหงยืนคิดก่อนจะเก็บใส่มิติไว้ เวลาออกจากป่าค่อยเอาใส่ตะกร้าสานสะพายข้างหลัง
ใช้เวลานานเกือบ 3 ชั่วโมงกว่าจะเก็บใส่มิติหมด ทั้งเหอเสี่ยวหงยังพักเหนื่อยอีกด้วย
เสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นข้างหลังเหอเสี่ยวหงนานหลายนาทีจนเหอเสี่ยวหงต้องเดินไปดู
ไก่ป่าหลายตัวนอนเฝ้ารังไข่อยู่ เหอเสี่ยวหงยิ้มทันที ปกติที่บ้านจะกินอกไก่แต่ไม่ได้กินไก่ทั้งตัว วันนี้เธอต้องได้ไปทำกิน
ส่วนไข่ไก่ถ้ามองจากตรงนี้คาดว่าจะมีมากกว่าร้อยฟองเพราะมันมีมากกว่าสิบรัง
เหอเสี่ยวหงหาเครือไม้แถวนั้นมาตัดให้พอดีมือก่อนที่ค่อยสอดเข้าที่หัวของไก่ป่าและออกแรงดึง ไก่ป่าที่นอนอยู่ก็ตายทันที เหอเสี่ยวหงจึงเริ่มทำตัวต่อไป
ทั้งหมดเหอเสี่ยวหงได้ไก่ป่ามา 7 ตัว เพราะไก่ป่าตัวอื่นบินหนีก่อน และยังได้ไข่ไก่มา 167 ฟอง!
ไก่ป่าเหอเสี่ยวหงมัดขาใส่กันไว้แล้ะเก็บเข้ามิติไว้ก่อนเวลาจะออกไปจากป่าค่อยเอาออกมา ไข่ไก่ก็เช่นกัน เหอเสี่ยวหงเก็บใส่กะละมังในมิติไว้
จากนั้นเดินดูรอบ ๆ เผื่อจะมีไก่ป่าหรือไข่ไก่อีกแต่ก็ไม่พบ เหอเสี่ยวหงจึงผละออกไปอีกทาง ซึ่งก็คือทางป่าหน่อไม้ จากรอบแล้วที่คนเก็บตลอดทำให้ไม่มีเหลือให้ แต่วันนี้เหอเสี่ยวหงได้มาหลายหน่อเพราะการเก็บเกี่ยวผลผลิตทำให้แต่ละบ้านไม่สามารถปลีกตัวเข้าป่าได้
เมื่อเข้ามาได้นานแล้ว เหอเสี่ยวหงจึงจะกลับบ้าน เดินออกมาเกือบจะถึงทางออกเหอเสี่ยวหงก็จัดของใส่ตะกร้า
ข้างล่างสุดใส่หน่อไม้ลงไปตามด้วยไข่ไก่ที่เหอเสี่ยวหงตัดสินใจเอาใส่ทั้งหมดร้อยกว่าฟอง เห็ดหลินจือแดงและโสมคน โปะหน้าด้วยผักป่าเช่นเคย ส่วนไก่แบ่งถือข้างละ 3-4 ตัว จากนั้นก็ออกจากป่าและกลับบ้าน
ระหว่างทางนั้นเหอเสี่ยวเดินผ่านชาวบ้านที่กำลังจะไปเอาส่วนแจกจ่ายของผลผลิตอยู่หลายคน แต่โชคดีที่ทุุกคนไม่ได้สังเกตเห็นเธอเพราะกำลังพูดคุยเรื่องผลผลิตปีนี้อยู่ ซึ่งมันก็ดีมากเพราะเหอเสี่ยวหงได้ไก่มาหลายตัว
เหอเสี่ยวหงเดินกลับบ้านเมื่อถึงบ้านก็เห็นสะใภ้ใหญ่นั่งรออยู่โถงบ้านอยู่แล้วพร้อมทั้งธัญพืชบางส่วน ซึ่งน่าจะรอเหอเสี่ยวหง
“ไก่!” สะใภ้ใหญ่อุทาน
จะไม่ให้ตกใจได้อย่างไร? ไก่ป่าตอนสามีของพวกเธอยังอยู่ อย่างน้อยอาทิตย์หนึ่งก็จะได้กินไก่ป่าตัวหนึ่ง แต่นี่เหอเสี่ยวหงกลับได้ไก่ป่ามาหลายตัว
“คะ?” เหอเสี่ยวหงงง
“เธอไปได้ไก่ป่ามายังไง” สะใภ้ใหญ่ถาม
“ฉันมีวิธีของฉันแล้วกันค่ะ” เหอเสี่ยวหงเลี่ยงคำตอบ
“งั้นเธอไปเอาส่วนแบ่งของเธอเถอะ” สะใภ้ใหญ่บอก
“พี่ไปเอามาแล้ว” เหอเสี่ยวหงถาม
“ใช่ ถ้าเราไปเอาพร้อมกันกลัวไม่มีใครเฝ้าบ้านน่ะ” สะใภ้ใหญ่ตอบ
“งั้นฝากตะกร้าก่อน กลับมาฉันจะมาแยก” เหอเสี่ยวหงบอกก่อนจะลุกออกมาจากบ้านไปเอาจักรยาน
เหอเสี่ยวหงปั่นจักรยานไปยังส่วนกลางของหมู่บ้าน เห็นชาวบ้านหลายคนกำลังต่อแถวรอรับการแจกจ่ายกันอยู่ เหอเสี่ยวหงจึงปั่นจักรยานไปใกล้ ๆ กับต้นไม้ก่อนจะใช้กุญล็อกจักรยานไว้และไปเข้าแถวเพื่อรับส่วนแจกจ่าย
และเธอน่าจะมารับส่วนแจกจ่ายเป็นคนหลัง ๆ เพราะทุกคนในหน่วยผลิตมาแต่เช้า
ธัญพืชที่สะใภ้ใหญ่ได้ไปถือว่าเยอะพอสมควร แต่สะใภ้ใหญ่นางได้ทำงานแลกแต้มมากกว่าเธอหลายวัน ไม่รู้ว่าเธอจะได้เท่าไร
“สะใภ้รองโจว”
เมื่อมีเสียงเรียกจากแถวข้าง ๆ เหอเสี่ยวหงจึงเหลียวไปมองและนิ่งคิด เพราะส่วนมากการใช้ชีวิตของเธอจะอยู่ในเมืองมันก็ไม่แปลกที่เธอจะจำคนในหมู่บ้านโจวไม่ได้
“คุณป้าโจว” เหอเสี่ยวหงตอบรับ
เป็นพี่สาวคนโตของพ่อโจวของบ้านโจวสายหลักรุ่นปัจจุบันนั่นเอง
“เธอยังไม่ได้หรือ?” คุณป้าโจวถาม
“ยังค่ะ พอดีฉันเพิ่งว่างน่ะค่ะ” เพราะเป็นญาติสามีเหอเสี่ยวหงจึงตอบ
“โอ้ ยุ่งมากเลยหรือ” คุณป้าโจวอุทานถาม
“ค่ะ” เหอเสี่ยวหงตอบ
“ฉันไม่กวนแล้ว” ว่าจบคุณป้าโจวก็เดินออกไป
เพราะว่าคุณป้าโจวนั้นได้รับการแจกจ่ายแล้วแต่เมื่อเห็นหลานสะใภ้ร้องบ้านรองโจวจึงเดินมาดู
เสียงสนทนาดังต่อเนื่องของการแจกจ่ายยังไม่จบเพราะยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่ได้ เหอเสี่ยวหงต้องทนฟังเพราะเธอเป็นคนสุดท้าย
จริง ๆ แล้วเหอเสี่ยวหงตั้งใจที่จะมาเป็นคนสุดท้ายเองเพราะเธอจะซื้อของเพิ่ม
ชาวบ้านที่ได้ของแล้วก็รีบพากันกลับบ้านเพราะจะได้ฉลองที่ได้ธัญพืชมาใหม่ ทำให้เสียงเริ่มเงียบไปแล้วบ้าง
“เหอเสี่ยวหง บ้านรองโจว ระยะเวลาการทำงาน 53 วัน แต้มงานวันละ 5 แต้ม รวม 265 แต้ม” เลขาธิการหม่าเช็คแต้มทบทวน
“ค่ะ” เหอเสี่ยวหงตอบ
“ธัญพืชอย่างละ 26 ชั่ง แป้งอย่างละ 26 ชั่ง ไข่ไก่ 26 ฟอง หมู 2.6 ชั่ง เส้นหมี่ 26 ชั่ง” เลขาธิการหม่าคำนวน
“รอสักครู่ค่ะ ฉันจะไปเอาจักรยาน” เหอเสี่ยวหงเดินออกมาเอาจักรยานที่ถูกล็อกไว้กับต้นไม้เพื่อไปใส่ของ
“ครบหรือยัง” เลขาธิการหม่าหันไปถามคนในหมู่บ้านที่อาสามาช่วยในการแจกจ่ายผลิต
“ครบแล้ว” เขาตอบ
เลขาธิการหม่าพยักหน้าก่อนจะหันมาบอกเหอเสี่ยวหง
“สะใภ้รองโจว ได้ของครบแล้ว” เขาบอก
เหอเสี่ยวหงพยักหน้ารับ
“ฉันสามารถซื้อของเพิ่มได้ไหมคะ?” เหอเสี่ยวหงถาม
เพราะปกติแล้วหากเหลือจากการแจกจ่ายส่วนผลิตจะถูกนำไปขายที่สหกรณ์หรือไม่ก็สามารถขายที่แจกจ่ายได้เลยแบบไม่ต้องเสียคูปอง
“ได้”
เหอเสี่ยวหงปั่นจักรยานกลับบ้านหลังจากสั่งซื้อของเพิ่มและให้ทางกรรมการเอาของมาส่ง โดยที่เธอให้ค่าเสียเวลา 1 หยวน
เหอเสี่ยวหงสั่งข้าวขาวมาร้อยกว่าชั่ง ธัญพืชต่าง ๆเพิ่มอีกอย่างละ 50 ชั่ง แป้งสาลี แป้งมันเทศ แป้งข้าวโพดอย่างละ 50 ชั่งต้องจ่ายเงินอีกเกือบร้อยหยวน
เมื่อมาถึงบ้านก็จอดจักรยานและขนของเข้าบ้าน เหอเสี่ยวหงขนของเข้าไปไว้ในห้องเย็บผ้าของเธอเพราะพื้นที่มันเยอะกว่าในห้องของเธอ
“เอ้อร์นี ซานนีจ๊ะ มาช่วยแม่ยกของหน่อย” เหอเสี่ยวหงเรียกลูกสาวอยู่หน้าประตูห้องและกลับไปขนของต่อ
“กลับมาแล้วเหรอ” สะใภ้ใหญ่ถาม
เหอเสี่ยวหงพยักหน้าก่อนจะถือถั่วลิสงชิ้นสุดท้ายเข้าห้องและหันไปบอกลูกสาว
“พวกลูกไปกันเถอะ” เหอเสี่ยวหงว่า
“พี่ได้ข้าวขาวมาเยอะไหม” เหอเสี่ยวหงถามพลางแยกของออกจากตะกร้า
เพราะมันเป็นของเหอเสี่ยวหง สะใภ้ใหญ่จึงไม่กล้าแยกของในตะกร้าให้ จึงปล่อยมันตั้งไว้และเข้าไปดูลูกสาวของน้องสามีแทน
“37 ชั่งน่ะ” สะใภ้ใหญ่ยิ้มกริ่ม
“พี่ว่ามันจะพอหรอ?” เหอเสี่ยวหงถาม
“นะ...นั่นมันก็มากแล้ว” สะใภ้ใหญ่ลังเล
เพราะคำพูดของเหอเสี่ยวหงทำให้หล่อนกลับไปคิด วันนี้ตอนเช้าหล่อนจึงหุงข้าวขาว กับผัดไข่ใส่ถั่วแดง เด็ก ๆ เจริญอาหารเป็นอย่างมาก
“เด็ก ๆ บ้านฉันกินวันละ 1 ชั่ง” เหอเสี่ยวหงบอก
“อย่างนั้นบ้านใหญ่ก็กินได้เป็นเดือน” สะใภ้ใหญ่ว่า
“ช่างพี่เถอะค่ะ ฉันสั่งข้าวขาว ธัญพืชกับแป้งมาเพิ่มเพราะถ้าสามีฉันกลับมาเขาต้องกินเยอะมาก” เหอเสี่ยวหงตอบ
“น้องชายรองกินจุอยู่แล้ว” สะใภ้ใหญ่พยักหน้า
“แต่พี่ลืมพี่ชายใหญ่หรือเปล่า อีกไม่นานก็ต้องกลับมาแล้ว เขาบาดเจ็บต้องบำรุงอย่างเพียงพอ พี่คิดว่าหากเขากลับมา ข้าวจะเพียงพอหรือเปล่า” เหอเสี่ยวหงว่า
สะใภ้ใหญ่ลังเลก่อนจะออกไปสั่งข้าวขาวและธัญพืชเพิ่มเพราะเชื่อน้องสาว
บ้านโจวเป็นคนกินจุมาก ถ้าหากสามีหล่อนกลับมาช่วงนี้ ข้าวคงอยู่ได้ไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำเพราะมันมีเพียงพอแค่หล่อนกับลูกเท่านั้น
ระหว่างที่รอของมาส่งเหอเสี่ยวหงก็ออกไปเก็บเนื้อที่ตากไว้เพราะไม่อยากให้เป็นจุดเด่นเกินไป และเหอเสี่ยวหงก็ออกไปถอนขนไก่ทั้งหมดทุกตัวเพราะมันตายหมดแล้ว
จากนั้นนำใส่มิติเก็บไว้ เธอจะส่งไก่ไปบ้านหลักโจว 2 ตัว ส่วนบ้านรองโจวที่นางหลี่ซืออยู่นางไม่ส่งให้เพราะพวกนางไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันแล้ว
ที่จริงก็ไม่อยากจะให้หรอกแต่เพราะอย่างน้อยญาติสามีก็ดีกับเธอและลูก ในช่วงที่เธอต้องลงแปลงนาบรรดาญาติ ๆ ก็ได้ช่วยเหลือเธอหลายอย่าง
แม้บ้านหลักโจวจะแยกบ้านทุกคนแล้ว อย่างน้อยเดือนหนึ่งพ่อสามีจะไปกินอาหารร่วมกับพี่น้องคนอื่นในบ้านหลักโจวที่มีพ่อเฒ่าโจวแม่เฒ่าโจวอยู่
ซึ่งวันนี้บ้านโจวก็คงรวมตัวกันกินข้าว ช่วงบ่ายแก่ ๆเหอเสี่ยวหงค่อยจะเอาไก่ไปส่ง เพราะเธอรอของอยู่จึงไม่รีบ
“แม่ แม่ทำอะไรอยู่” โจวอู๋นีถาม
ตอนนี้หล่อนออกมาจากห้องเพราะจะไปปลดเบาแต่เห็นแม่กำลังนั่งก้มหน้าอยู่จึงถาม
“แม่ถักไหมพรมอยู่น่ะจ้ะ” เหอเสี่ยวหงตอบก่อนจะหันไปถามต่อ
“หนูจะไปไหนจ๊ะ”
“จะไปปลดเบาค่ะ” โจวอู๋นีตอบ
“อย่าลืมล้างมือด้วย” เหอเสี่ยวหงพยักหน้า
ก๊อก! ก๊อก!
‘สะใภ้รอง!!’
‘สะใภ้รองเธออยู่ไหม’
เหอเสี่ยวหงออกไปดูคนเรียกเพราะเธอได้ยินเสียงเหมือนคนที่แจกจ่ายของให้คนในหน่วย
“พอดีฉันเอาของมาส่งน่ะ”
“ค่ะ ขนมาไว้ตรงนั้นเลย” เหอเสี่ยวหงชี้ไปที่โต๊ะหน้าบ้าน
“ได้”
ที่เหอเสี่ยวหงไม่ให้ขนเข้าไปในตัวบ้านเลยเพราะหลีกเลี่ยงคำนินทาจากชาวบ้าน ตอนนี้บ้านเธอมีแต่ผู้หญิงและสะใภ้ใหญ่ไม่อยู่ หากมีชื่อเสียงไม่ดีเกิดขึ้นมันคงไม่ดีเท่าไร
