บทที่13 ไม่ไว้ใจ
เหอเสี่ยวหงนำเนื้อหมูที่ถูกแล่เป็นชิ้นเล็ก ๆ วางเรียงใส่ถาดที่มีแล้วนำไปตากแดดบนรางไม้ที่ตากผ้า เมื่อมองดูหมูจนพอใจแล้วก็เก็บอุปกรณ์ไปล้าง คว่ำไว้ให้แห้งที่บ่อเหมือนเดิม จากนั้นก็กลับไปถักไหมพรมต่อ เอาไว้อีก 2 ชั่วโมงค่อยลุกไปทำกับข้า
ไหมพรมที่ถักนั้นเหอเสี่ยวหงไม่ได้ให้สะใภ้ใหญ่กับโจวมี่ช่วยถัก เพราะเธออยากทำเองคนเดียว
พรุ่งนี้ก็คงเอามูลสัตว์ใส่ผสมเตรียมดินไว้ วันต่อไปค่อยลงเมล็ดผัก อีกเดือนกว่า ๆ จะเข้าฤดูหนาวแล้วเหอเสี่ยวหงคิดว่าผักบางส่วนน่าจะโตทัน บางส่วนอาจทนหนาวได้หรือบางทีเก็บเมล็ดไว้ได้ก็ดี
คิดดังนั้นเหอเสี่ยวหงก็ไม่ได้สนใจแปลงผักอีก หันมาสนใจกองไหมพรมตรงหน้า
แดดเริ่มจะหมดแล้วเหอเสี่ยวหงจึงเก็บเนื้อหมูที่ตากแห้งไว้ใส่ตู้ตอนกลางคืนเธอจะเก็บไว้ในมิติ ตอนเช้าจะตากแดด ส่วนตอนกลางคืนเธอจะใส่มิติไว้ จะทำจนกว่าเนื้อหมูจะแห้ง หลังจากที่โจวมี่กลับไปทำงานแล้วเหอเสี่ยวหงจะไปซื้อไหหรือกล่องใส่ข้าวมาใส่เนื้อหมูตากแห้งไว้
ตอนนี้สะใภ้ใหญ่กับโจวมี่กำลังอาบน้ำให้เด็ก ๆ เหอเสี่ยวหงจึงไปบอกให้ลูก ๆ เก็บของไว้แล้วพากันไปอาบน้ำ ส่วนเธอก็จะไปทำกับข้าวมื้อเย็นรอ
เตาหนึ่งเหอเสี่ยวหงหุงข้าว ส่วนอีกเตาเหอเสี่ยวหงจุดเตาเสร็จแล้วก็ไปตอกไข่ใส่ถ้วยเกือบ 10 ฟอง ปรุงด้วยผงปรุงรสและซอสฝาเขียวนิดหน่อย ตีไข่ให้เข้ากันจากนั้นผสมน้ำลงไปครึ่งหนึ่งของไข่ นำแครอท กุ้ง ไปสับให้ละเอียด ผสมส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน
แล้วนำกระทะที่มีน้ำอยู่ครึ่งหนึ่งลงเตา เอาชามเหล็กลงไปลอยในกระทะ เทไข่ที่ถูกผสมตามลงไป จากนั้นเอาฝาหม้อมาปิดไว้
วันนี้เหอเสี่ยวหงจะหุงข้าวกินกับตุ๋นไข่และจะต้มหัวไชเท้า ผักกาด แครรอท ขึ้นฉ่าย เป็นน้ำซุป วันนี้หมูถูกงดไปก่อนเพราะเธอนำกุ้งมาแทนเนื้อหมู
ของบ้านใหญ่กับโจวมี่นั้นกินแผ่นแป้งเหมือนเดิมที่เคยกิน จะมีของบางอย่างที่เหอเสี่ยวหงเอาให้บ้าง อย่างไข่ไก่ก็จะให้วันฟอง ส่วนเครื่องปรุงเหอเสี่ยวหงอนุญาตให้ใช้ของบ้านรองได้ จะบอกว่าเหอเสี่ยวหงสงสารก็ได้เพราะลูก ๆ ของเธอมีเนื้อมีหนังมากกว่าหลานสาวมาก ไม่รู้จะประหยัดอะไรมากขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะพวกเราแยกบ้านกันแล้ว
เหอเสี่ยวหงเปิดดูไข่ตุ๋นที่ถูกตุ๋นไว้ เพราะใช้ไข่หลายฟองในการตุ๋น ไข่จึงยังไม่สุกแต่ก็เริ่มจะแข็งตัวแล้ว เอาช้อนจิ้มดูเมื่อเห็นว่ายังสุกไม่พอ ก็ปิดฝาไว้เหมือนเดิม ก่อนจะได้ยินเสียงเด็ก ๆ ดังเข้ามาในบ้าน
จริง ๆ แล้วเสียงเด็ก ๆ ก็ดังตลอดเพราะบ่อน้ำอยู่ห่างจากครัวไม่ไกลนี่เอง แต่เหอเสี่ยวหงไม่ได้สนใจ และตอนนี้เด็ก ๆ ก็คงจะเสร็จกันแล้ว
‘พี่ต้านี’
‘จ๋าาาา’
‘รอด้วยยย’
‘หนูหนาว’
‘พี่เอ้อร์นี รอหนูหน่อย’
‘น้องหนาว’
‘ไปเช็ดตัวกันเถอะจ้ะ’
‘น้ำเย็นมาก’
“พาน้องไปเช็ดตัวแล้วแต่งตัวมากินข้าว” เหอเสี่ยวหงเปิดประตูครัวเดินออกมาบอก
เนื่องจากครัวอยู่ในบ้านแน่นอนว่าต้องมีกลิ่นอาหารยิ่งห้องของสะใภ้ใหญ่กลิ่นยิ่งมากแต่โชคดีที่ห้องนั้นสะใภ้ใหญ่ใช้เก็บของ ทุกคนจึงตัดปัญหาด้วยการเปิดหน้าต่างออกและปิดประตูทุกครั้งที่เดินเข้าออกห้อง จะทำให้ได้กลิ่นอาหารน้อยลง และบางครั้งเหอเสี่ยวหงจะใช้น้ำที่ผสมตะไคร้เช็ดในห้องครัวหรือโต๊ะกลางบ้านทำให้ไม่ค่อยมีกลิ่น ส่วนในห้องเหอเสี่ยวหงเอาใบเตยที่บังเอิญเจอในริมคลองน้ำเวลาเข้าป่ามาใส่ไว้ แต่โชคไม่ดีเท่าไรที่ใบเตยมีแค่นิดเดียว เหอเสี่ยวหงจึงนำมาปลูกใส่ไว้ทั้งสามห้องของบ้านรอง
“แม่ทำกับข้าวเสร็จแล้วหรือคะ” โจวเอ้อร์นีถาม
“ใช่จ้ะ” เหอเสี่ยวหงตอบ
“ซานนี อู๋นี ลิ่วนี ไปเปลี่ยนเสื้อกัน” เมื่อได้ยินว่ากับข้าวเสร็จแล้วเด็ก ๆ จึงวิ่งเข้าห้องจนเหอเสี่ยวหงตะโกนปราม
“อย่าวิ่งจ้ะ!” เหอเสี่ยวหงว่าก่อนจะหันมาพูดกับพี่สะใภ้
“เตาหนึ่งว่างแล้วเดี๋ยวฉันจะเอาหม้อไปล้างให้ก่อน”
เพราะไม่ใช่ทุกคนจะมีผ้าเช็ดตัวอย่างบ้านใหญ่มีอยู่ 2 ผืน โจวมี่และลูก ๆ 1 ผืน ทุกคนจึงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันที่บ่อ ยกเว้นบ้านรองเพราะทุกคนจะมีผ้าให้เช็ด เมื่ออาบน้ำเสร็จโจวเอ้อร์นีกับโจวซานก็จะซักเสื้อผ้าตากให้น้อง ๆ และกลับเข้าไปเปลี่ยนเสื้อในห้อง
“ไม่เป็นไรจ้ะ เดี๋ยวฉันจะเอาไปล้างเอง” สะใภ้ใหญ่ปฏิเสธ
“ฉันใช้ก็ต้องล้างถูกแล้วค่ะ” เหอเสี่ยวหงว่าก่อนจะนำออกไปล้างและนำกลับมาวางในครัว
“นั่งเก้าอี้กันเลยจ้ะ”
เหอเสี่ยวหงบอกก่อนจะตักข้าวหุงใส่จานให้แต่ละคน จากนั้นนั้นตักไข่ตุ๋นที่มีน้ำเยิ้มโป๊ะหน้าข้าว แล้วยื่นให้เด็ก ๆ โดยเฉพาะของโจวลิ่วนี เหอเสี่ยวหงคนให้เข้ากันก่อนจะยื่นช้อนให้กินเอง ส่วนลูกสาวอีกสามคนเธอไม่ได้คนให้เข้ากันให้เพราะเด็ก ๆ กินกันเก่งแล้ว
“อู้วววว ห๊อมหอม” โจวอู๋นีอุทาน
“อร่อยยยย” โจวซานนีว่า
“อร่อยมากกก” โจวลิ่วนีพูดตาม
“แม่สอนหนูทำได้ไหมคะ” โจวเอ้อร์นีถาม
ตั้งแต่ย้ายมาบ้านหลังนี้เธอได้เข้าครัวไม่กี่ครั้งเพราะแม่จะให้อ่านหนังสือไม่ให้เข้าครัวเลย หรือไม่ก็หากทำกับข้าวที่มีของเยอะ แม่ถึงจะให้เข้ามาช่วย
เหอเสี่ยวหงพยักหน้า
“กินกันเถอะจ้ะ”
จริง ๆ แล้วเหอเสี่ยวยังไม่อยากให้ลูกเข้าครัวเท่าไรนัก รอให้ 12 ขวบ ค่อยเข้าก็ได้ ตตอนนี้เธอยังคิดว่าลูกเธอเด็กเกินไแ
เหอเสี่ยวหงได้แบ่งไข่ตุ๋นไปให้อีกสองบ้าน บ้านละทัพพี ก่อนจะนำถ้วยจานไปล้างและเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย จากนั้นก็อาบน้ำและเข้านอน
โจวมี่ได้กลับไปทำงานแล้วโดยฝากลูก ๆ ไว้กับพี่สะใภ้ทั้งสอง โจวมี่ได้นำจักรยานของเหอเสี่ยวหงไปเพราะเหอเสี่ยวหงอยากได้จักรยานที่ขนของได้มาไว้ โจวมี่ไม่ได้ปฏิเสธเพราะหล่อนก็ไม่ได้ใช้จักรยานมาก วันนี้เหอเสี่ยวหงจะไปส่งเพราะเหอเสี่ยวหงบอกจะเข้าไปอำเภอ
“ฉันฝากพี่สะใภ้ดูแลลูกสาวฉันให้หน่อยนะคะ” โจวมี่ว่าพลางทำหน้าเศร้า
ตั้งแต่เด็ก ๆ เกิดขึ้นมาหล่อนไม่เคยห่างจากลูกเป็นวันขนาดนี้ หากจะให้เด็ก ๆ อยู่ที่ห้องพักของหล่อนก็คงไม่ได้เพราะไม่มีใครดูแล หากให้พี่สะใภ้ไปอยู่ที่นู่นก็คงจะไม่ได้อีกเพราะห้องมันเล็กเกินไป
“ได้จ้ะ พี่จะดูแลเสี่ยวยวี่กับเสี่ยวจวี่ให้” สะใภ้ใหญ่บอก ก่อนที่เหอเสี่ยวหงจะตอบ
“ได้” เหอเสี่ยวหงว่าก่อนจะปั่นจักรยานของเธอนำหน้าโจวมี่ไป
เมื่อปั่นจักรยานมาครึ่งทางแล้วเหอเสี่ยวหงก็จอดจักรยานรอโจวมี่เพราะของที่โจวมี่เอามาด้วยก็มีน้ำหนักพอสมควร ยังดีที่บางส่วนหล่อนได้เอาไว้ในห้องพักแล้ว
“พี่สะใภ้หยุดทำไมคะ” โจวมี่ทำหน้างง
“เธอรู้จักคนในโรงงานเยอะไหม” เหอเสี่ยวหงถามก่อนจะเดินมาหลังจักรยานพ่วงของโจวมี่
“ก็พอจะรู้จักค่ะ” โจวมี่ตอบ
หล่อนทำงานมาได้หลายปีแล้วแน่นอนว่าต้องรู้จักคนในแผนกและนอกแผนก บางทีหล่อนอาจทำงานนานกว่าหัวหน้าแผนกบางแผนกเสียอีก
“เธอคิดว่าเงินเดือนของเธอจะพอเลี้ยงลูกไหม” เหอเสี่ยวหงว่า พลางเปิดผ้าคลุมตะกร้าที่ถูกเธอยกขึ้นไว้ออกเล็กน้อยให้เห็นสบู่ สบู่ 110 ก้อน เป็นสบู่ที่ผลิตมาขายโดยเฉพาะ
“พี่หมายความว่าอย่างไรคะ” โจวมี่อุทานตาโต
หล่อนเห็นสบู่ที่แค่อยู่ใกล้ก็ได้กลิ่นหอมของผลไม้นอกจากนั้นมันยังอยู่ในถุง ไม่อยากคิดว่าถ้าอยู่นอกถุงจะหอมขนาดไหน แล้วหล่อนก็ไม่ได้ซื่อจนคิดไม่ได้ว่าพี่สะใภ้ต้องการอะไร
เพราะที่หยุดอยู่มันมีต้นไม้บังและไม่มีใครผ่านมา เหอเสี่ยวหงจึงกล้าที่จะทำอะไรแบบนี้
“สบู่ก้อนละ 4 หยวน หากเธอขายได้ 1 ก้อนจะได้ 5 เฟิน หากมีคูปองก็ใช้แลกได้” เหอเสี่ยวหงบอก
“พี่จะให้ฉันขายให้?” โจวมี่ถาม
เหอเสี่ยวหงพยักหน้า
“แต่ฉันไม่แน่ใจว่าจะขายได้ไหม” โจวมี่ว่าต่อ
“ทำไมเธอไม่ลองดูล่ะ เธอจะได้ส่วนแบ่งก้อนละ 5 เฟิน” เหอเสี่ยวหงว่าต่อ
“หากเธอขายได้ 10 ก้อน ได้ตั้ง 1 หยวนแหน่ะ”
“ตกลงค่ะ ฉันจะขายให้” โจวมี่ไม่ปฏิเสธ
เหอเสี่ยวหงมองตามหลังจักรยานพ่วงของโจวมี่นิ่งก่อนจะปั่นตามหลังไป
หลังจากไปส่งโจวมี่ที่ห้องพักแล้วเหอเสี่ยวหงก็ปั่นจักรยานไปตลาดมืด วันนี้เธอไม่ได้มาขายอะไรแต่เธอจะมาซื้อของเผื่อมีของที่เธออยากได้
วันนี้คนไม่ค่อยเยอะมากและเสียงเงียบเบากว่าปกติ แต่มันจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งหลังเก็บเกี่ยวเสร็จ
อย่างหมู่บ้านโจว พรุ่งนี้จะมีการแจกจ่ายธัญพืชของหน่วยผลิตคอมมู
เหอเสี่ยวหงมองหากล่อง กล่องที่ว่าเธอจะนำไปดองผักและเก็บเนื้อที่ตากแห้งไว้กิน ยังไงซะที่เธอไม่เอาเนื้อหมูออกมาก็เพราะไม่ไว้ใจโจวมี่ ถึงหล่อนจะเป็นน้องของสามี แต่หล่อนก็ถูกเลี้ยงจากนางหลี่ซือ
“โอ้ คุณลุงคะ จำฉันได้ไหม” เหอเสี่ยวหงถาม
ปกติเวลาเธอมาตลาดมืดเธอจะใช้ชุดเดิมแต่เธอเพิ่งคิดได้ว่ามันจะไม่ปลอดภัยเธอจึงเปลี่ยนมัน และวันนี้เธอเจอคุณลุงที่เธอเคยซื้อบัวหิมะด้วย ที่หน้าคุณลุงมันมีกล่องพลาสติกหลายอย่าง มันสามารถใส่ข้าวสารได้หลายชั่ง สามารถเก็บหมูตากแห้งของเธอได้ หรือสามารถใส่ผักดองได้
“หื้อ นางหนูที่มาซื้อบัวหิมะนี่!” คุณลุงอุทาน
เขาจำเสียงผู้หญิงที่มาซื้อของครั้งก่อนได้หรือแทบจะจำได้ทุกคนที่มาซื้อของเลยก็ว่าได้
“จะเอาอะไรนังหนู วันนี้ฉันได้กระปุกมาจากลูกเขยน่ะ” คุณลุงกระซิบ
มองยังไงมันก็ไม่ใช่ของที่จีนอย่างแน่นอน เหอเสี่ยวหงเคยเห็นกระปุกแบบนี้จากประเทศอื่นแต่เธอจำไม่ได้แล้ว เพราะถ้าอยากได้เธอก็จะซื้อไม่ได้มานั่งหาที่มาของของสิ่งนั้น
“ราคาเท่าไรคะ” เหอเสี่ยวหงถาม
“กระปุกนี้ 8 หยวน กระปุกนี้ 9 หยวน กระปุกนี้ 12 หยวน” คุณลุงว่า
“ฉันเอาทั้งหมดค่ะ” เหอเสี่ยวหงชี้สั่ง
คุณลุงนิ่งเมื่อเหอเสี่ยวหงสั่ง
กระปุกมันมี 3 ขนาด ใหญ่ กลาง เล็ก อย่างละ 5 กระปุก กระปุกใหญ่สามารถใส่ข้าวได้ 10 ชั่ง กลาง 7 ชั่ง เล็ก 5 ชั่ง
“ทะ...ทั้งหมด 145 หยวน” คุณลุงเสียงสั่น
ของที่ได้มาเป็นลูกเขยของคุณลุงจริง ๆ ที่เอามาขายแต่ไม่รู้ว่าเอามาจากไหน คุณลุงขายให้ลูกเขยเท่านั้น
เหอเสี่ยวหงปั่นจักรยานกลับหมู่บ้านโจว เมื่อถึงทางเข้าก็หาที่จอดจักรยานเหมือนเดิมเพราะจะเอาของออกไปไว้ใช้
กระปุก 15 กระปุก เหอเสี่ยวหงวางซ้อนกันไว้เพราะกลัวพื้นที่ไม่พอ ผักกาด ผักกวางตุ้ง อย่างละ 6 ชั่ง ขิง หัวไชเท้า แตงกวา แครอท อย่างละ 4 ชั่ง นมผงเอาออกมาอย่างละ 1 กระปุก
พุทรา 2 ชั่ง แอปเปิลเขียว 3 ชั่ง สาลี 2 ชั่ง องุ่น 5 ชั่งและเอาขนมออกมานิดหน่อย จากนั้นเอาหมูสามชั้นออกมา 16 ชั่ง อกไก่ 10 ชั่ง
เหอเสี่ยวหงยังได้นำส่วนผสมของสบู่ทดลองที่ละลาย แล้วแยกส่วนผสมออกจากกันที่ไม่รู้ว่าทำไมละลายใส่จักรยานไปด้วย
ปิดผ้าคลุมจักรยานไว้เพราะเดี๋ยวจะมีคนนินทาอีก
‘อีกแล้วหรือ’
‘โอ้ ของเต็มรถอีกแล้ว’
‘ของต้องมากแน่ ๆ’
‘นางเพิ่งไปซื้ิอของมายังไม่พ้นเดือนเลย’
ระหว่างปั่นจักรยานกลับบ้านเหอเสี่ยวหงก็ทำเหมือนกับไม่ได้ยินเสียงนินทา เพราะบางทีเธอก็ชินไปแล้ว
