บทที่11 อกตัญญู
เหอเสี่ยวหงปั่นจักรยานมาจอดในที่ลับตาคนก่อนจะเอาผ้านวมออกมา 6 ผืนและหมอนอีก 5 ใบ ผ้าห่มของสะใภ้ใหญ่ 2 ผืน ของโจวมี่ 2 ผืน และของเธออีก 2 ผืน ส่วนหมอนนั้นของเธอและลูก ๆ
ผ้านวมและหมอนถูกซีลในถุงสูญญากาศ จากผืนใหญ่ ๆ ตอนนี้มันหดลงเล็กมากและเมื่อแกะออกมันก็จะอยู่ในสภาพเดิม เหอเสี่ยวหงชอบผ้านวมยี่ห้อนี้มาก
ยังดีที่ของในจักรยานเอาขึ้นเกวียนวัวหมดแล้ว เหอเสี่ยวหงจึงปั่นจักรยานได้ง่าย และผ้านวมก็ใส่จักรยานได้หมด
เหอเสี่ยวหงจึงหยิบเอาบัวหิมะออกมาวางไว้ประมาณ 2 ช่าง เธอจะให้โจวมี่เห็นว่าเธอได้ซื้อมันมาจริง ๆ เวลาจะกินหล่อนจะได้ไม่สงสัย
นำพวกธัญพืชออกมาอย่างละชั่งและนำหมูออกมานิดหน่อย ยังมีพวกนมผลและผลไม้อีก เหอเสี่ยวหงตัดสินใจที่จะไม่เอาของออกมาเพิ่ม เธอรีบปั่นจักรยานที่เต็มไปด้วยของกลับสหกรณ์อำเภอทันที ใกล้ถึงตัวสหกรณ์เหอเสี่ยวหงก็เห็นนางหลี่ซือเดินอยู่
อาทิตย์นี้นางได้นำธัญพืชมาส่งลูกชายอีกครั้งในที่พักในอำเภอที่พักอยู่ ที่อยู่ใกล้โรงเรียนมัธยมปลาย เหอเสี่ยวหงอยากจะรู้จริง ๆ ว่าโจวกว่างนั้นเรียนจริงหรือเปล่า
เพราะปีนี้เป็นปีที่สองแล้วที่เขาเรียนไม่จบมัธยมปลาย ทั้ง ๆ ที่คนอื่น ๆ เรียนประถม 5 ปี มัธยมต้น 2 ปี มัธยมปลาย 2 ปี แต่โจวกว่างนั้นเรียนประถม 6 ปี มัธยมต้น 3 ปี มัธยมปลาย 4 ปี!
และโจวกว่างยังแต่งงานมีภรรยาและลูกอีกสามคน! นอกจากจะไม่ได้ทำงานแล้ว ยังผลาญเงินเรียนอีกต่างหาก ไหนจะมีลูกมีเมียให้บ้านใหญ่บ้างรองเลี้ยงอีก
นางหลี่ซือที่เข้ามาส่งธัญพืชให้กับลูกชายกำลังแวะซื้อธัญพืชเพิ่มอีก เพราะไปส่งของให้ลูกชายเขาบอกว่าของไม่พอ
ปกตินางจะเข้ามาส่งธัญพืชและเงินอีก 50 หยวนให้ลูกชายต่ออาทิตย์ แต่ตอนนี้นางให้แค่ 30 หยวน ลูกชายจึงของนางจึงโกรธนางมาก นางเลยมาซื้อธัญพืชไปเพิ่มให้ ส่วนเงินนั้นเอาไว้ให้อีกอาทิตย์หน้า
เมื่อนางซื้อธัญพืชเสร็จยังไม่ได้เอาไปให้ลูกชายอีกรอบ ก็เจอกับลูกสะใภ้ภรรยาของลูกเลี้ยงนาง
นางหลี่ซือเห็นผ้าห่มในถุงที่เรียบก็ตาโต เนื้อผ้าเพียงมองผ่านก็รู้ว่าเนื้อดี! ไม่รู้ว่าจะผืนใหญ่แค่ไหน ไม่เพียงมีผืนเดียว ยังมีอีกหลายผืน!
“โอ้ ลูกสะใภ้อยู่ดีกินดี ปล่อยแม่สามีอดอยาก โอ้! สวรรค์” นางหลี่ซืออุทานขึ้น
เหอเสี่ยวหงเหลือบมองนางหลี่ซือครู่หนึ่งก่อนจะละสายตาไม่สนใจนาง ททำไมนางต้องสใจน หากเป็นแม่แท้ ๆ ของสามีนาง อย่างน้อยหากเป็นอย่างนางหลี่ซือนางอาจส่งธัญพืชไปให้บ้าง แต่นี้ไม่ใช่
“สะใภ้รองเธอมาทำอะไรที่นี่”
นางหลี่ซือที่เห็นเหอเสี่ยวหงไม่สนใจก็เดินมาถามเหอเสี่ยวหง
“ฉันมาทำอะไรเกี่ยวอะไรกับคุณ” เหอเสี่ยวหงตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่นิ่ง
“โอ้ นี่หรือสะใภ้ฉัน!” นางหลี่ซือคร่ำครวญ
ผู้คนที่เดินผ่านเลียวมองสองแม่สามีลูกสะใภ้ที่เห็นว่าเริ่มมีปากมีเสียง
“สะใภ้? หึ! สะใภ้คุณก็ภรรยาลูกชายคุณสิ!” เหอเสี่ยวหงไม่สนใจ เธอกระแทกเสียง
“โอ้ ผ้านวมผืนนี้คงจะเป็นของลูกชายฉันสินะ ได้ ๆ เดี๋ยวฉันเอาไปให้เอง” นางหลี่ซือยื่นมือมาจะจับผ้านวมที่เหอเสี่ยวหงเตรียมไว้
“อะไร? ผ้านวมพวกนี้ของฉันกับลูกสาว!” เหอเสี่ยวหงปัดมือนางหลี่ซือออก
‘โอ้! ทำไมนางถึงปัดมือแม่สามีแบบนั้น’
‘ใช่ ๆ’
‘นางไม่เคารพแม่สามี!’
‘อกตัญญูจริง ๆ’
‘โอ้ บ้านไหนได้นางเป็นสะใภ้กัน!’
‘ถ้าเป็นฉัน ฉันไม่เอานางมาเป็นสะใภ้!’
‘ลูกสะใภ้แบบนี้ ฉันไม่เอา!’
‘อกตัญญู อกตัญญู!’
เหอเสี่ยวหงยืนนิ่ง นางหลี่ซือคงคิดไว้แล้วว่านางจะเป็นแบบนี้ ถึงกล้าจะหยิบของของนาง
“ตะ...แต่ว่า” นางหลี่ซือบีบน้ำตา
“พี่สะใภ้รอง!”
โจวมี่ตะโกนเรียกเหอเสี่ยวหงเสียงดังเพราะเห็นนางหลี่ซือและคนอื่น ๆ ยืนมุงทั้งสองอยู่ นางเพิ่งเสร็จจากการเอาจักรยานไปลงทะเบียนกับคนที่รู้จักมา
‘นางมาได้ยังไงกัน!’ นางหลี่ซือคิด
นางคิดว่าสะใภ้รองคนนี้มาคนเดียวเสียอีก! หากมีแค่สะใภ้รองนางคงไม่ต้องคิดหนักเพราะไม่มีคนแก้ต่างให้สะใภ้รอง!
“คุณมายุ่งอะไรกับพวกเรา!” โจวมี่จูงจักรยานมาข้าง ๆ เหอเสี่ยวหง
‘นางเป็นใครกัน’
‘เมื่อกี้นางเรียกพี่สะใภ้ แสดงว่านางต้องเป็นน้องสาวของสามีสิ!’
‘ใช่’
‘เกิดอะไรขึ้น
‘นั่นสิ’
ผู้คนที่มามุงเริ่มเสียงแตกกันเพราะหากนางหลี่ซือเป็นแม่สามีของเหอเสี่ยวหงจริง ทำไมผู้หญิงที่เรียกเหอเสี่ยวหงว่าพี่สะใภ้ถึงไม่เรียกนางว่าแม่
“โอ้ ลูกสาวสามลูกก็มาด้วยหรอ” นางหลี่ซือปั้นหน้ายิ้ม
“ฉันไม่ใช่ลูกคุณ” โจวมี่แววตาสั่นไหว
ถึงนางหลี่ซือจะเป็นแม่เลี้ยงของนาง แต่นางก็ผูกพันธ์กับแม่เลี้ยงคนนี้มาก และนางก็คิดว่านางหลี่ซือจะรักนางเหมือนที่นางรักแม้ไม่มากก็น้อย
แต่นางกลับคิดผิด! เมื่อเกิดเรื่องขึ้นนางหลี่ซือกลับต่อว่านางและผลักไสไล่นาง ดีที่พี่สะใภ้ทั้งสองเมตตา นางกับลูก ๆ ถึงยังอยู่กันได้
“ทำไมเสี่ยวมี่ถึงพูดแบบนั้นล่ะจ๊ะ” นางหลี่ซือเอ่ยขึ้น
เสี่ยวมี่เป็นชื่อในวัยเด็กของนางเมื่อโตขึ้น ทุกคนก็เปลี่ยนมาเรียกโจวมี่ ยกเว้นพี่ชายทั้งสองที่ยังเรียกนางว่าเสี่ยวมี่อยู่บางครั้ง
“คุณไล่ฉันออกมาแล้ว!” โจวมี่เสียงสั่น
“ไล่อะไรจ๊ะ ตอนนั้นบ้านรองมีปัญหาแม่เลยไม่ได้คุยกับเสี่ยวมี่ เสี่ยวมี่ตามพี่สะใภ้ออกไป” นางหลี่ซือกลับดำเป็นขาวอย่างหน้าตาเฉย
‘โอ้ ลูกสาวก็เป็นอย่างนั้นรึ!’
‘สงสารนาง’
‘โอ้ สวรรค์! ฉันเพิ่งเคยเห็นลูกอกตัญญูต่อแม่!’
‘นางแต่งเข้าบ้านไหนน่ะ’
‘คุ้น ๆ เหมือนเคยเห็น
‘ใช่’
‘ใช่แล้ว! นางเป็นสะใภ้บ้านหลี่ ที่เพิ่งถูกหย่าเมื่อ 10 วันก่อน!’
‘คงจะนิสัยแบบนี้สินะ ถึงถูกหย่า’
เหอเสี่ยวหงส่ายหน้า นางหลี่ซือแสดงเก่งจริงๆ กลับดำเป็นขาว กลับขาวเป็นดำ หากให้เธอทำแบบนี้ก็คงจะทำไม่ได้!
“หึ! ตามออกมางั้นหรอ” เหอเสี่ยวหงหัวเราะ
นางหลี่ซือเริ่มใจสั่น
“น้องสาวสามีฉันถูกแม่เลี้ยงอย่างคุณไล่ออกจากบ้านเพราะกลัวหลานสาวแปดเปื้อน” เหอเสี่ยวหัวเราะ
“คุณเป็นแค่แม่เลี้ยง ไม่มีสิทธิ์มาสั่งพวกฉัน!” เหอเสี่ยวหงพูดต่อ
“คุณไล่โจวมี่ออกมาเพราะโจวมี่พูดเพียงว่าหย่ากับสามีแล้ว ทั้ง ๆ ที่หล่อนก็ส่งเงินให้แม่เลี้ยงอย่างคุณตลอด!” เหอเสี่ยวหงเปล่งเสียงเพิ่มขึ้น
“อกตัญญูงั้นหรอเหอะ! นางและลูกชายของนางมากกว่าที่อกตัญญู!” เหอเสี่ยวหงหันไปตวาดพวกที่มามุงเพราะเห็นว่าโจวมี่เริ่มร้องให้แล้ว
“บ้านใหญ่ของพี่ชายใหญ่กับพี่สาวฉันนั่นดีแค่ไหน! พี่ชายใหญ่เป็นถึงทหารแต่ลูกสาวไม่มีสิทธิ์เรียน ก็เพราะนางบอกพ่อสามีของฉันว่าหากให้หลานสาวเรียน โจวกว่างลูกชายของนางก็จะไม่มีเงินใช้ ยังไม่พอ! พอได้ข่าวว่าพี่ชายใหญ่บาดเจ็บไม่สามารถทำงานต่อได้
ก็ยึดเงินชดเชย แล้วไล่พี่สะใภ้ใหญ่ของฉันกับหลานสาวเล็ก ๆ ไปลงงานแลกข้าวให้นาง!!” เหอเสี่ยวหงเริ่มพูดเพิ่มขึ้น
“มะ...ไม่” ยังไม่ทันได้อ้าปากนางหลี่ซือก็โดนเหอเสี่ยวหงพูดตัด
“เมื่อสามีของฉันถูกย้ายไปทำงานที่อื่น ทั้ง ๆ ที่ฉันเพิ่งตั้งท้องอ่อน ๆ ก็ถูกนางไล่ไปลงแปลงนา! ฉันจะทำอะไรได้? เป็นลูกสะใภ้ให้นางสั่งจนต้องแท้งลูก!!” ยิ่งคิดเหอเสี่ยวหงยิ่งแค้น
“พอฟื้นขึ้นมานางกลับตบลูกสาวของฉันเพราะเพียงฉันตื่นไปทำงานไม่ได้!”
“จนฉันต้องแยกบ้าน และคุณลืมเรื่องแยกบ้านงั้นหรือ” ประโยคแรกเอ่ยกับคนที่มามุง และประโยคสุดท้ายเอ่ยเสียงต่ำกับนางหลี่ซือ
นางหลี่ซือหน้าซีด นางลืมเรื่องแยกบ้านไปแล้วจริง ๆ มัวแต่คิดว่าจะเอาผ้านวมไปให้ลูกชายเพื่อให้เขาไม่โกรธ
“อ๋อ ลูกชายของคุณควรที่จะจ่ายเงินมาให้บ้านใหญ่และบ้านรองที่ส่งเสียให้เรียนได้แล้ว” เหอเสี่ยวหงว่า
“จ่ายงน จ่ายเงินอะไร ไม่มีหรอก!” นางหลี่ซือว่าก่อนจะวิ่งผ่าวงออกไป
‘โอ้! มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ'
‘ฉันงง’
‘ตกลงมันยังไงกันแน่’
‘นางเป็นแม่เลี้ยงสินะ’
‘จะเอาผ้านวมของภรรยาลูกเลี้ยงไปให้ลูกชายตัวเอง จะเกินไปแล้ว!’
‘ใช่ นางเกินไปแล้ว!’
เหอเสี่ยวหงจ้องมองไปยังทิศทางที่นางหลี่ซือวิ่งออกไป แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร หันหลังกลับมามองโจวมี่แล้วเอ่ยขึ้น
“เธอเลิกร้องได้แล้ว! นางไม่ใช่แม่ของเธอเสียหน่อย” เหอเสี่ยวหงว่าก่อนจะเดินไปขึ้นรถจักรยานคันใหม่ของเธอ
“ฉันจะกลับแล้ว” เหอเสี่ยวหงปั่นจักรยานนำเกวียนวัวที่เช่าเอาไว้
ส่วนเสียงนินทาของผู้คนเธอไม่ได้สนใจ เมื่อกี้ยังว่านางกับน้องสาวสามีอยู่เลย พอนางพูดความจริงกลับเข้าข้างนาง
เหอเสี่ยวปั่นจักรยานนำโจวมี่กลับหมู่บ้านเพราะจักรยานของโจวมี่พวงด้วยพ่วงและมีของเต็มทำให้มันหนักมาก
จากปกติใช้เวลาเดินทางแค่ 1 ชั่วโมง แต่วันนี้เหอเสี่ยวหงกับโจวมี่ใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมง
ในการกลับบ้าน อาทิตย์ก่อนเพราะเหอเสี่ยวหงเอาของใส่ตอนใกล้เข้าหมู่บ้านมันจึงไม่ได้ใช้เวลามากนัก
“พี่สะใภ้รองหยุดทำไมคะ?” โจวมี่มองอย่างสงสัย
เมื่อถึงปากทางเข้าหมู่บ้านโจว เหอเสี่ยวหงก็หยุดจักรยาน ทำให้โจวมี่ที่ปั่นตามหลังหยุดจักรยานมตาม ก่อนที่เหอเสี่ยวหงจะบอกเหตุผล
“อะแฮ่ม ของพวกนี้ถ้าชาวบ้านเห็นคงจะไม่ดี” เหอเสี่ยวหงว่า
“มันก็ไม่ได้มีอะไร-” โจวมี่ที่พูดยังไม่จบก็หยุดเสียงพูด
”เธอจะบอกว่าเธอซื้อมาเองงั้นหรือ” เหอเสี่ยวหงมองนิ่ง
ทั้ง ๆ ที่ก็รู้ว่าผ้านวมเป็นของหายากและไม่มีใครกล้าขายในฤดูที่ไม่ใช่ฤดูหนาว ที่ตอนนี้พวกเธอมีได้ก็เพราะเหอเสี่ยวหงกล่าวอ้างว่าได้มาจากสหาย
หากชาวบ้านรู้เข้าก็คงต้องถามหาสหายคนนั้น และแน่นอนว่าสหายคนนั้นของเหอเสี่ยวหงไม่มีตัวตน!
“กะ...ก็บอกว่าพี่ชายรองส่งมาให้ก็ได้” โจวมี่เอ่ยเสียงเบา
พี่ชายของหล่อนยังไม่มีใครกลับมาทำให้ที่บ้านตอนนี้มีแค่ผู้หญิง ถึงหากมีอาวุธก็ไม่แน่ว่าจะสู้ผู้ชายได้เพราะมีแต่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ในบ้าน หากกล่าวอ้างก็ไม่มีใครสงสัย
“อ้าาาาา จริงสิ!” เหอเสี่ยวหงอุทาน แววตาวาววับเป็นประกาย
เพียงแค่กล่าวอ้างถึงสามีก็ไม่มีใครสงสัยเพราะสามีของเธอได้ไปทำงานที่มณฑลอื่น ถ้าเกิดสามีกลับมาแล้วสามีถามค่อยบอกว่าสหายหามาให้แล้ว และตัดปัญหาด้วยการบอกว่าของสามี!
“ป่ะ! เราไปกลับบ้านกันเถอะ! เด็ก ๆ คงจะรอกันแล้ว” เหอเสี่ยวหงว่าก่อนจะปั่นจักรยานเข้าหมู่บ้าน
โจวมี่ปรับอารมณ์ตามพี่สะใภ้รองแทบไม่ทัน เมื่อกี้พี่สะใภ้รองของหล่อนยังมีสีหน้ายุ่งอยู่เลย ตอนนี้กลับยิ้มแย้ม
“รอฉันด้วยค่ะ!” โจวมี่ตะโกนตามหลัง
