สามสิบตำลึง! - 1
"เมื่อก่อนข้ายังโง่งมหลงเชื่อคำพูดของพวกเขา ในบ้านมีอะไรข้าก็เอาไปให้พวกเขาหมด แต่พวกเขาก็ไม่ได้มองข้ากับลูก ๆ เป็นคน ตอนนี้ข้าคิดได้แล้วว่าข้าแต่งออกจากบ้านหวังแล้ว ถึงตายตอนนี้ข้าก็เป็นคนของบ้านหลี่! ชีวิตที่เหลือข้าจะทำเพื่อลูกหลานของข้าเท่านั้น"
"..."
"ส่วนสิ่งที่พวกเขาทำวันนี้คือการปล้นทรัพย์และทำร้ายร่างกายผู้อื่น ทำร้ายร่างกายของลูกสาวข้าจนสลบไป ทำร้ายลูกสะใภ้ที่ท้องแก่ของข้าจนตกเลือด ไม่รู้ว่าจะรักษาชีวิตของแม่ลูกไว้ได้หรือไม่ ข้าจะขอแจ้งความกับทางการเจ้าค่ะ!"
พอคนบ้านหวังได้ยินอย่างนั้นก็หน้าซีดเผือด แม่เฒ่าหวังจึงรีบพูดขึ้นว่า...
"ลูกไม่สามารถแจ้งเอาผิดกับบุพการีได้!"
เมื่อพ่อเฒ่าหลี่ได้ยินแบบนั้นจึงพูดขึ้นว่า...
"เช่นนั้นข้าจะแจ้งเอง! บ้านหลังนี้เป็นทรัพย์สินของลูกชายข้า พวกนางที่ถูกทำร้ายก็เป็นหลานข้า! ไปกันอาเฉียง! ไปเรียกชาวบ้านมาจับตัวคนบ้านหวังไปส่งทางการ! วันนี้ข้าจะแจ้งข้อหาปล้นทรัพย์และทำร้ายร่างกายผู้อื่น!"
หลี่เฉียงจึงรีบรับคำ
"ขอรับท่านพ่อ!"
พ่อเฒ่าหวังกับคนบ้านหวังได้ยินแบบนั้นก็หน้าซีดเผือด
"ช้าก่อน! พวกเราคุยกันก่อนดีหรือไม่! มันก็แค่เรื่องเข้าใจผิด! อาเหมย ลูกจะกล้าให้พ่อแม่ไปตกระกำลำบากเช่นนั้นจริงๆ หรือ"
พ่อเฒ่าหวังหันไปหาลูกสาว
"ข้าไม่ได้ทำอะไรนี่เจ้าคะ!" หลี่เหมยตอบด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
"..."
"ทั้งหมดก็เป็นการตัดสินใจของพ่อสามี เราก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันแล้ว ท่านก็คงต้องยอมรับผลของการกระทำ เพียงแต่...เรื่องนี้คงส่งผลไปถึงหวังจงที่กำลังจะเข้าสอบเป็นบัณฑิต สามชั่วอายุคนห้ามมีคดีความ แต่จะทำอย่างไรได้ ก็พวกท่านเองที่ตัดอนาคตของลูกหลาน"
หวังต้ากับภรรยาได้ยินแบบนั้นก็รีบมาขอร้องมารดา
"อย่าทำให้เรื่องนี้ส่งผลไปถึงหวังจงเด็ดขาดนะท่านแม่!"
แม่เฒ่าหวังได้ยินแบบนั้นก็จำต้องยอมทำตามที่ลูกชายขอ เพราะนางเองก็หวังพึ่งพิงหลานชายคนนี้เช่นกัน
"พวกเจ้าจะทำยังไงถึงจะยอมให้เรื่องนี้ผ่านไปโดยไม่แจ้งทางการก็ว่ามา!"
พ่อเฒ่าหลี่จึงมองหน้าลูกสะใภ้อย่างขอคำตอบ หลี่เหมยจึงเอ่ยขึ้นว่า
"พวกท่านต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลของลูกสาวและลูกสะใภ้คนละห้าตำลึง และค่าปลอบขวัญพวกนางคนละสิบตำลึง รวมเป็นสามสิบตำลึง พร้อมกับลงชื่อรับประกันว่าจะไม่มายุ่งเกี่ยวกับพวกเราอีก"
"..."
"และยินยอมตัดสัมพันธ์กับข้า หากผิดคำพูดหรือผิดสัญญา สามารถดำเนินการแจ้งความเอาผิดเรื่องนี้ได้ทุกเมื่อ โดยที่พวกเราไม่ต้องคืนเงินสามสิบตำลึงนี้ และให้บันทึกเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ไว้อย่างละเอียด"
พอแม่เฒ่าหวังได้ยินแบบนี้ก็ตาโตเท่าไข่ห่าน
"ทำไมเจ้าไม่ไปปล้นเอาเสียเลยล่ะ! เงินตั้งสามสิบตำลึง!"
"ข้าไม่ใช่ท่าน เหตุใดต้องปล้นผู้อื่น เงินแค่สามสิบตำลึงยังเทียบไม่ได้กับเงินที่ข้าให้พวกท่านไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา! ตกลงว่าพวกท่านจะเอาอย่างไร ถ้าไม่ตกลงก็เข้าเมืองเสียตอนนี้เลย!"
"ตกลง...ข้าตกลง" แม่เฒ่าหวังพูดอย่างไม่เต็มใจ
"..."
"แต่เจ้าต้องห้ามแจ้งทางการหรือทำร้ายอนาคตของหลานข้าเด็ดขาด"
"ท่านวางใจเถอะ ข้าย่อมไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับครอบครัวของท่าน กลับไปเตือนคนในครอบครัวของท่านให้ดีเถิด หากยังมาพูดให้ข้ารำคาญใจแม้เพียงครึ่งคำ ข้าย่อมต้องลากพวกท่านลงนรกไปพร้อมกัน"
คำพูดของหลี่เหมยทำให้แม่เฒ่าหวังลอบกลืนน้ำลายลงคอ นางไม่เคยเห็นหลี่เหมยแข็งกร้าวและดุดันเพียงนี้มาก่อน
จากนั้นหัวหน้าหมู่บ้านจึงเริ่มร่างหนังสือสัญญา 2 ฉบับมีเนื้อหาอย่างครบถ้วนให้บ้านหลี่และบ้านหวังลงชื่อ แม่เฒ่าหวังควักเงินออกมาจ่าย 30 ตำลึงด้วยความไม่พอใจ ก่อนที่คนบ้านหวังจะกลับไปพร้อมกับสัญญา
"ข้าขอบคุณหัวหน้าหมู่บ้านกับท่านพ่อท่านแม่และทุกคนมากนะเจ้าคะ หลังจากนี้ใครมีอะไรให้ช่วยข้าย่อมตอบแทนแน่นอน"
"เอาเถอะสะใภ้เล็ก เห็นเจ้าเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น พ่อแม่ก็อุ่นใจแล้ว วันนี้พวกเราจะกลับก่อนนะ" พ่อเฒ่าหลี่พูด
"เจ้าค่ะท่านพ่อ"
หลี่เหมยตอบอย่างนอบน้อม หลังจากทุกคนกลับไปหมดแล้ว หลี่เหมยก็รีบเข้าไปดูลูกสาว แล้วนำน้ำพุวิเศษออกมาให้หลี่หลินกิน พริบตาเดียวบาดแผลของนางก็หายเป็นปลิดทิ้ง ไม่นานนางก็รู้สึกตัวขึ้นมา
ส่วนหลี่ซุนกับหลานน้อยทั้งสองก็ช่วยกันเก็บเสบียงเข้าที่เข้าทาง ยังโชคดีที่วันนี้พวกเขาเอาเนื้อแห้งไปตากไว้หลังบ้าน บ้านหวังจึงไม่เห็น
"อาซุน เจ้ารีบตามเข้าไปดูว่าพี่สะใภ้ของเจ้าเป็นอย่างไรแล้วกลับมาบอกแม่ ทางนี้แม่จะดูแลต่อเอง"
"ขอรับท่านแม่"
ในห้องครัวของบ้าน หลี่เหมยกำลังพาหลี่หลินทำความสะอาดเครื่องในหมูที่ได้มาจากตลาด ซางจื้อกับซางหยวนคอยหยิบจับสิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามที่นางบอกไม่ห่าง ใบหน้าของเด็กน้อยทั้งสองเต็มไปด้วยความตั้งใจ แม้จะยังไม่เข้าใจว่าเครื่องในหมูที่ดูแปลก ๆ นี้จะนำไปทำอะไรได้
"ท่านแม่เจ้าคะ ท่านว่าพี่สะใภ้จะปลอดภัยหรือไม่"
หลี่หลินเอ่ยถามด้วยความเป็นกังวล สีหน้าของนางยังคงมีร่องรอยของความตกใจจากเหตุการณ์เกิดขึ้น
