ลูกเจ็บนะขอรับ! - 2
เพี๊ยะเพี๊ยะ
หลี่เหมยไม่พูดเปล่า นางยกไม้เรียวในมือขึ้นแล้วฟาดลงบนแผ่นหลังของหลี่หลงอย่างแรง หลี่หลงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เขาวิ่งหนีมารดาไปรอบ ๆ บ้านด้วยความตกใจ
"โอ๊ย ท่านแม่! ท่านตีลูกทำไมขอรับ!"
"ตีเพราะเจ้าสมควรถูกตี! พี่ชายน้องชายของเจ้าต้องทำนา ออกไปหาของป่ามาแลกเงินอย่างยากลำบาก! พวกเขาหาเงินส่งเจ้าไปเรียนหนังสือเพื่อให้เจ้าได้ดิบได้ดี! แต่ดูสิ! สิ่งที่เจ้าเอามาตอบแทนพวกเขาก็คือคำพูดที่ดูถูกและเหยียดหยามเช่นนี้หรือ! อาจารย์ที่สอนเจ้าคงจะสอนให้เจ้าเป็นคนขี้เกียจสันหลังยาว! เอาเปรียบคนอื่นใช่หรือไม่? ถ้าเป็นแบบนั้นก็ไม่ต้องไปเรียนอีกต่อไป!"
หลี่เหมยพูดออกมาอย่างเด็ดขาด นางไล่ตีหลี่หลงไม่หยุด
"โอยยย! ท่านแม่! ลูกเจ็บนะขอรับ!"
หลี่หลงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เขาวิ่งเข้าไปหลบหลังหลี่ซานด้วยความหวาดกลัว
หลี่เหมยมองไปยังลูกชายคนโตและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
"หลี่ซาน! ปล่อยให้มันออกมา! วันนี้ข้าจะสั่งสอนให้มันเป็นคนดีให้ได้!"
หลี่ซานมองหน้ามารดาด้วยความลังเล เขาไม่เคยเห็นมารดาโมโหให้น้องชายคนรองถึงเพียงนี้มาก่อน
"ท่านแม่ใจเย็น ๆ ก่อนเถิดขอรับ"
"ข้าจะใจเย็นได้อย่างไร! ดูสิ่งที่มันพูดออกมาสิ! มันดูถูกความยากลำบากของพวกเจ้า! เจ้าจะยืนเฉย ๆ ให้มันทำแบบนี้หรือ!"
คำพูดของหลี่เหมยทำให้หลี่ซานถึงกับหน้าแดงด้วยความตื้นตัน เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามารดาของเขาจะพูดปกป้องเขาและน้องชายคนที่สามได้ถึงเพียงนี้
หลี่เหมยหันไปมองหลี่หลงอีกครั้ง แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาด
"ฟังให้ดีนะหลี่หลง! พี่ชายของเจ้าทำงานหนักแค่ไหน เจ้าไม่เคยรู้!"
"..."
"พี่สะใภ้ของเจ้าดูแลปรนนิบัติเจ้ามานานแค่ไหน เจ้าก็ไม่เคยเห็น!"
"..."
"น้องชายของเจ้าขึ้นเขาหาของป่ามาแลกเงินลำบากแค่ไหน เจ้าก็ไม่เป็นห่วงเขา!"
"..."
"น้องสาวของเจ้าทำงานบ้านหนักแค่ไหน เจ้าก็ไม่เคยใส่ใจ! ซ้ำยังมองพวกนางอย่างด้อยค่า กล่าววาจาว่าสตรีต่ำต้อยไร้ประโยชน์"
"..."
"ทุกคนในบ้านนี้ต่างก็ทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงินมาให้เจ้าไปเรียนหนังสือ! มีแค่เจ้าคนเดียวที่เรียนหนังสือแล้วบอกว่าตัวเองลำบาก! ถ้าเจ้ายังคิดแบบนี้ต่อไปอีก ข้าจะไม่ยอมควักเงินแม้แต่อีแปะเดียวให้เจ้าอีกต่อไป!"
"..."
"ต่อจากนี้ไป! เจ้าจะไม่มีโอกาสได้เรียนอีกแล้ว! ข้าจะให้เจ้าไปช่วยพี่ชายของเจ้าทำนา! ดูสิว่าสิ่งที่พวกเขาทำ กับการเรียนของเจ้า อะไรกันแน่ที่เรียกว่าลำบากกว่ากัน!"
คำพูดของหลี่เหมยทำให้หลี่หลงถึงกับหน้าซีดเผือดด้วยความตกใจและโมโห เขาไม่เคยคิดเลยว่ามารดาจะทำเช่นนี้กับเขา
"ท่านแม่! ท่านทำแบบนี้กับลูกไม่ได้นะขอรับ!" หลี่หลงตวาดลั่น
หลี่เหมยไม่สนใจคำพูดของเขาเลยแม้แต่น้อย นางมองหน้าเขาด้วยสายตาที่เย็นชา ก่อนจะหันหลังกลับเดินเข้าไปในห้องนอนของตัวเองเพื่อไปดูเสบียงอาหารที่เหลืออยู่
เมื่อเข้ามาในห้องนอน
หลี่เหมยก็จัดการลงกลอนประตูห้องทันที เพื่อป้องกันไม่ให้ใครเข้ามาขัดจังหวะนางได้ แล้วนางก็เริ่มสำรวจข้าวของที่อยู่ในห้องนี้อย่างละเอียด นางจำได้ว่าในความทรงจำของร่างเดิมเก็บเงินไว้ใต้ที่นอน นางจึงรีบเปิดที่นอนขึ้นดู ก็พบว่ามีห่อผ้าที่ถูกซ่อนเอาไว้อย่างมิดชิด นางรีบแกะห่อผ้านั้นออกดูก็พบว่ามีเงินอยู่ 5 ตำลึง
"มีแค่ 5 ตำลึงเองเหรอ" หลี่เหมยพึมพำกับตัวเองด้วยความผิดหวัง
นางนึกขึ้นได้ว่าในความทรงจำของร่างเดิม นางตั้งใจจะขายลูกสาวกับหลานชายเพื่อแลกกับเงิน 10 ตำลึง เพื่อนำเงินส่วนที่เหลือไปให้ครอบครัวเดิมของนาง
หลี่เหมยคนใหม่รู้สึกโกรธเคืองเจ้าของร่างนี้อยู่ไม่น้อย นางจึงรีบเก็บเงิน 5 ตำลึงนั้นลงที่เดิม ก่อนจะหันไปดูที่ไหเก็บเสบียงที่วางอยู่ข้างเตียง
นางเดินไปเปิดฝาไหออกดูก็พบว่ามีข้าวฟ่างเหลืออยู่น้อยมาก ไม่น่าจะถึง 5 จินด้วยซ้ำ นางมองไปที่ตะกร้าที่วางอยู่ข้าง ๆ ก็เห็นว่ามีไข่อยู่แค่ 6 ฟองเท่านั้น ส่วนในห้องครัวก็มีแค่แป้งและเกลืออีกเล็กน้อย
"นี่คือสภาพที่แท้จริงของครอบครัวนี้สินะ ถ้าเป็นแบบนี้ทุกคนคงจะอดตายกันหมด"
หลี่เหมยถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน หลี่เหมยจึงตัดสินใจที่จะลองใช้มิติที่นางได้มาดู นางนึกถึงคำพูดของเสียงลึกลับที่บอกว่านางสามารถใช้มิติแห่งนี้ได้
"ต้องทำยังไงนะ" หลี่เหมยพึมพำกับตัวเอง
"ฉันอยากได้ข้าวสาร ไข่ น้ำมัน เกลือ น้ำตาล ซีอิ๊ว สาหร่าย"
ในขณะที่นางนึกถึงสิ่งของเหล่านั้นอย่างตั้งใจ พริบตาเดียวสิ่งของทั้งหมดที่นางต้องการก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าอย่างน่าอัศจรรย์ใจ
"ว้าว!"
หลี่เหมยร้องออกมาด้วยความตกใจ นางไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นไปได้จริง ๆ นางรีบเทข้าวสารที่เพิ่งได้มาใส่ลงไปในไหเก็บข้าวสารจนเต็ม ก่อนจะนำไข่และสิ่งของอื่น ๆ ไปจัดเก็บไว้ในห้องนอนเล็ก ๆ ของบ้าน นางไม่ลืมที่จะเก็บถุงพลาสติกที่ใช้บรรจุสิ่งของเหล่านั้นกลับเข้าไปในมิติอีกครั้งเพื่อป้องกันไม่ให้ใครสงสัย
"ใจจริงก็อยากจะเอาเนื้อออกมาบำรุงเด็ก ๆ เสียหน่อย แต่ถ้าทำแบบนั้นคงถูกสงสัยแน่ ๆ ไว้ค่อยออกไปเดินดูที่ตลาดแล้วกันว่ามีทางไหนพอจะหาเงินได้บ้าง"
หลี่เหมยยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความหวัง นางมองไปที่ไหเก็บข้าวสารที่เต็มจนล้นด้วยความดีใจ นางรู้แล้วว่านางจะสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อครอบครัวนี้ นางจะใช้ความรู้ความสามารถทั้งหมดที่มีเพื่อทำให้ครอบครัวของนางมีความสุขและรุ่งโรจน์ให้ได้
