บท
ตั้งค่า

น้ำพุวิเศษ - 2

ซางจื้อและซางหยวนรับคำอย่างรวดเร็ว ก่อนจะวิ่งเข้ามานั่งล้อมวงกับท่านย่าของพวกเขา

"เสี่ยวม่าย หยุดทำงานแล้วมานั่งพักได้แล้ว ท้องโตใกล้คลอดไม่ต้องทำอะไรมาก"

"กวาดลานบ้านอีกไม่เยอะก็เสร็จแล้วเจ้าค่ะท่านแม่ ลูกทำได้เจ้าค่ะ"

เสี่ยวม่ายตอบกลับไปอย่างอ่อนน้อม นางยังคงรู้สึกงง ๆ กับท่าทีที่เปลี่ยนไปของแม่สามี นางยังคงคิดว่าที่แม่สามีดีกับนางเป็นเพราะหวังว่าในท้องของนางจะเป็นลูกชาย หากเป็นลูกสาวเล่า ไม่รู้ท่านแม่จะว่าอย่างไรบ้าง

ระหว่างนั้นหลี่ซุนกับหลี่หลงก็เก็บฟืนกลับมาพอดี หลี่เหมยจึงบอกให้ลูกชายทั้งสองเอาหน่อไม้ออกมาตากที่ลานหน้าเรือน แล้วให้ยกกระสอบงูขึ้นรถเข็น กินข้าวเสร็จจะออกเดินทางเข้าเมืองทันที

ทุกคนต่างก็รีบรับคำและทำตามคำสั่งของมารดาอย่างว่าง่าย กระทั่งข้าวสุก ไข่ตุ๋นเสร็จ ทุกคนจึงล้อมวงกินข้าว หลี่หลินยังได้ผัดหน่อไม้ตามที่มารดาสอนเมื่อวานขึ้นมาอีกหนึ่งถ้วยใหญ่

หลี่ซานชิมผัดหน่อไม้ของน้องสาวแล้วก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ

"อาหลินเจ้าทำอาหารเก่งขึ้นมากแล้วนะ ถึงจะไม่สู้ฝีมือของท่านแม่ที่ทำเมื่อวาน แต่ก็อร่อยไม่น้อยเลย"

หลี่เหมยได้ยินดังนั้นจึงได้แต่คิดในใจว่า หากหลี่หลินใส่เครื่องปรุงที่นางเตรียมไว้ เยอะหน่อย ผัดหน่อไม้ของเด็กสาวก็จะอร่อยไม่แพ้ที่นางทำเลย แต่เด็กสาวก็ยังคงเสียดายเครื่องปรุงเหล่านั้นจึงไม่กล้าใส่ให้มากนัก

ส่วนเด็ก ๆ พอได้กินไข่ติดกันสองวันก็พูดออกมาอย่างตื่นเต้น

"ท่านพ่อ นี่ข้าได้ขึ้นสวรรค์แล้วใช่หรือไม่ ข้าได้กินไข่กับข้าวขาวติดกันสองวัน ช่างดีอะไรปานนี้" ซางจื้อพูดไปยิ้มไป

พอทุกคนได้ยินคำพูดของซางจื้อก็หัวเราะร่วน หลี่เหมยจึงถือโอกาสนี้พูดออกมาช้า ๆ

"ตอนที่ย่าหมดสติไป ท่านปู่ของเจ้าบอกว่า หากครอบครัวของเรารักใคร่กลมเกลียวกัน ต่อไปพวกเราก็จะมีกินมีใช้ไม่อดอยาก ท่านปู่ของเจ้าจะช่วยพวกเรา ทำให้ครอบครัวเราโชคดียิ่ง ๆ ขึ้นไป เจ้าว่าดีหรือไม่อาจื้อ"

"ดีที่สุดขอรับท่านย่า อาจื้อรักท่านปู่ท่านย่าที่สุด" ซางจื้อตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่สดใส

คำพูดของหลี่เหมยไม่ได้ทำให้เด็ก ๆ สงสัยเลยแม้แต่น้อย ทุกคนล้วนจำได้ดีว่าท่านพ่อของพวกเขารักท่านแม่มากแค่ไหน ตอนที่ท่านพ่อยังมีชีวิตอยู่มักจะเอาใจท่านแม่ของพวกเขาตลอด หากดวงวิญญาณของท่านพ่อจะมาหาท่านแม่จริง ๆ พวกเขาก็เชื่อโดยไม่มีข้อกังขา

หลี่เหมยลอบยิ้มในใจ นางรู้สึกสบายใจที่ทุกคนในครอบครัวเชื่อในสิ่งที่นางพูดได้อย่างง่ายดายเช่นนี้

เมื่อความมืดมิดจางหายไป ท้องฟ้าก็เริ่มสว่างขึ้น ทำให้เด็ก ๆ มองเห็นใบหน้าของมารดาได้ชัดเจนขึ้น พวกเขาต่างก็ตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น

ผิวพรรณที่เคยคล้ำและหยาบกร้านของมารดา ตอนนี้กลับดูขาวผ่องและเนียนนุ่มราวกับผิวของเด็กสาววัยแรกรุ่น ใบหน้าที่เคยดูแก่กว่าวัยก็ดูอ่อนเยาว์ลงอย่างน่าประหลาดใจ

หลี่หลงสะกิดพี่ชายของเขาเบา ๆ แล้วกระซิบกระซาบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัย

"พี่ใหญ่ ท่านเห็นเหมือนข้าหรือไม่ เหตุใดท่านแม่ถึงได้ดูอ่อนเยาว์ลงเช่นนี้"

หลี่ซานพยักหน้าอย่างช้า ๆ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยปากถามมารดาตรง ๆ

หลี่เหมยเห็นท่าทางที่อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ของลูก ๆ ก็อดที่จะเอ่ยถามไม่ได้

"มีอะไรก็ว่ามา"

หลี่ซานรวบรวมความกล้าแล้วพูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก

"เอ่อ...ลูกว่าวันนี้ท่านแม่ดูเหมือนจะอ่อนเยาว์ลงนะขอรับ"

หลี่เหมยหัวเราะในลำคอเบา ๆ แล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาด

"หึ! พวกเจ้าคงตาฝาดไปแล้ว กินข้าวเถอะ เรายังต้องรีบเดินทางเข้าเมืองต่อ"

คำพูดของมารดาไม่ได้ทำให้ทุกคนเชื่ออย่างสนิทใจ แต่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะซักถามอะไรอีกนอกจากพยักหน้ารับคำ

"ขอรับ"

ทุกคนต่างก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวเช้ากันเงียบ ๆ แต่ในใจของพวกเขาก็ยังคงเต็มไปด้วยความสงสัยในตัวของมารดา ผู้ซึ่งเปลี่ยนไปราวกับคนละคน

หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว หลี่หลินก็รีบไปจัดการล้างชาม ส่วนหลี่หลง และหลี่ซุนก็รีบช่วยกันยกกระสอบงูขึ้นรถเข็นที่หลี่ซานได้ซ่อมแซมเอาไว้เมื่อหลายวันก่อน หลี่เหมยเดินตามหลังไปพร้อมกับเกาลัดที่คั่วแล้วในถุงผ้า

"เอาละ! เราไปกันเลย!"

เมื่อรถเข็นเริ่มเคลื่อนตัวออกจากบ้าน เสียงของเสี่ยวม่ายก็ดังขึ้นมา

"ท่านแม่! ระวังตัวด้วยนะเจ้าคะ!"

หลี่เหมยหันไปมองเสี่ยวม่ายแล้วพยักหน้าให้

"ไม่ต้องห่วง พวกเจ้าอยู่ทางนี้ก็ปิดประตูบ้านให้ดี"

นางเดินนำหน้าลูกชายทั้งสองคนไปตามทางเดินที่คดเคี้ยวของหมู่บ้าน ชาวบ้านที่เห็นหลี่เหมยเดินไปพร้อมกับรถเข็นที่บรรทุกสิ่งของก็มองมาด้วยสายตาที่สงสัยระคนประหลาดใจ

"นั่นอาหลงกับอาซุนไปไหนกันน่ะ" เสียงซุบซิบดังขึ้น

"แล้วนั่นหลี่เหมยเอาอะไรไปขายในเมืองหรือ นางคงหาเงินให้บ้านเดิมอีกแล้วสินะ"

หลี่เหมยไม่สนใจเสียงซุบซิบนินทาเหล่านั้น นางเดินตรงไปข้างหน้าอย่างไม่หวั่นเกรง นางรู้ดีว่าหลังจากวันนี้ไป ชีวิตของนางและลูก ๆ จะเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel