คนบ้านหวัง - 2
หวังเฟยฮวา ภรรยาของหวังต้าก็รีบพูดออกมา
"ใช่แล้วท่านแม่! อย่าไปต่อปากต่อคำกับคนบ้า ๆ บอ ๆ อย่างนางอีกเลยเจ้าค่ะ! ปล่อยให้นางเป็นคนบ้าไปเถอะ! พวกเรากลับกันเถอะเจ้าค่ะ! รอดูเมื่อนางคิดได้แล้วมาขอโทษพวกเรา ถึงตอนนี้เราต้องเรียกร้องให้นางหาเงินมาให้สักหลายสิบตำลึงเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์อีกครั้ง"
เมื่อทุกคนได้ยินคำขู่ของหลี่เหมยแล้ว พวกเขาก็รีบพากันหยุดมือ ก่อนจะก่นด่าและคาดโทษนางเอาไว้ แล้วถอยกลับหมู่บ้านของพวกเขาไปอย่างไม่เต็มใจ
หลังจากที่ครอบครัวหวังจากไปแล้ว ทุกคนในบ้านหลี่ก็พากันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก พวกเขายังคงตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น หลี่ซานมองหน้ามารดาของเขาด้วยสายตาที่ทึ่งและประหลาดใจ
"ท่านแม่...ท่านช่างกล้าหาญยิ่งนัก"
"แม่ของเจ้าก็เป็นแบบนี้มาตลอดนั่นแหละ เพียงแต่พวกเจ้าไม่เคยเห็น" หลี่เหมยตอบกลับไปอย่างเรียบง่าย
ซางจื้อหลานชายตัวน้อยในวัยหกขวบเดินเข้ามาหาหลี่เหมย แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สดใส
"ท่านย่าเก่งที่สุด! ต่อไปอาจื้อจะเอาท่านย่าเป็นตัวอย่าง! ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ใครมารังแกบ้านเรา อาจื้อจะไล่ตะเพิดไปเลย!"
หลี่เหมยยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน แล้วลูบหัวซางจื้อด้วยความเอ็นดู นางมองไปยังเด็ก ๆ ทุกคนในครอบครัว แล้วคิดในใจว่า 'ลูกหลานดีขนาดนี้ เหตุไฉนร่างเดิมถึงไม่เห็นค่าเลย'
หลี่เหมยคิดว่าการที่นางหลุดเข้ามาในร่างนี้ อาจจะไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายอย่างที่คิดไว้ในตอนแรก เพราะการได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้ อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้นางมีความสุขได้มากกว่าการเป็นเจ้าของห้างค้าส่งขนาดใหญ่
"เอาละ! ทุกคน! เข้าไปในบ้านได้แล้ว! เราจะได้กินข้าวเย็นกันสักที! วันนี้ข้าจะทำไข่น้ำให้พวกเจ้ากินเป็นพิเศษ!"
คำพูดของหลี่เหมยทำให้ทุกคนในบ้านยิ้มออกมาด้วยความดีใจ พวกเขารีบพากันเข้าไปในบ้านแล้วไปล้างมือเตรียมจัดโต๊ะ
หลี่เหมยมองตามหลังลูกหลานที่เดินเข้าไปในบ้านด้วยความรู้สึกที่อบอุ่นหัวใจ แล้วพูดพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ว่า...
"การเริ่มต้นชีวิตใหม่ในยุคที่แตกต่างกันเช่นนี้ อาจจะเป็นเรื่องที่สนุกก็ได้"
หลี่เหมยยืนอยู่หน้าเตาไฟที่กำลังลุกโชน นางมองไปยังน้ำในหม้อที่เริ่มเดือดพล่านด้วยความตื่นเต้น ยามที่นึกภาพสีหน้าแต่ละคนยามได้กินไข่น้ำที่นางตั้งใจปรุงเป็นพิเศษ นางถือตะกร้าไข่และเครื่องปรุงต่าง ๆ ไว้ในมือแล้วเริ่มลงมือทำอาหารทันที
เมื่อน้ำในหม้อเดือดได้ที่ นางก็เริ่มปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาล และซีอิ๊วเล็กน้อย กลิ่นหอมของเครื่องปรุงที่ทำมาจากถั่วอบอวลไปทั่วทั้งห้องครัว ทำให้หลี่หลินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ถึงกับเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
"น้ำดำ ๆ ที่ท่านแม่ใส่ลงไปคืออะไรเจ้าคะ"
หลี่หลินเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะนางไม่เคยเห็นเครื่องปรุงเช่นนี้มาก่อน หลี่เหมยยิ้มเล็กน้อยแล้วตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น
"เรียกว่าซีอิ๊ว เป็นเครื่องปรุงชนิดหนึ่งที่ทำมาจากถั่ว จะทำให้รสชาติอาหารดีขึ้น"
เมื่อปรุงรสได้ที่แล้ว นางก็ตอกไข่ทั้งหมดลงในชามแล้วตีรวมกัน ก่อนจะเทไข่ที่ตีแล้วให้เป็นสายลงไปในน้ำที่กำลังเดือดพล่าน ไข่ขาวค่อย ๆ จับตัวเป็นก้อนในขณะที่ไข่แดงยังคงเป็นสีเหลืองอ่อนลอยอยู่บนผิวน้ำ จากนั้นนางก็เติมสาหร่ายอบแห้งที่นำออกมาจากมิติลงไปในหม้ออีกครั้ง
"แล้วนี่คืออะไรเจ้าคะท่านแม่"
หลี่หลินถามอีกครั้งเมื่อเห็นสิ่งที่ลอยอยู่ในหม้อ นางไม่เคยเห็นสิ่งของเช่นนี้มาก่อน
"มันคือผักแห้งชนิดหนึ่ง" หลี่เหมยตอบกลับไปอย่างเรียบง่าย หากจะบอกว่าเป็นสาหร่ายวากาเมะ พวกเขาก็คงจะไม่รู้จัก
หลังจากที่ชิมรสชาติจนได้ที่แล้ว นางจึงบอกให้ลูก ๆ มาช่วยกันยกหม้อข้าวและไข่น้ำไปที่โต๊ะกลมกลางบ้าน ทุกคนในครอบครัวต่างก็มารวมตัวกันที่โต๊ะกินข้าวด้วยใจที่จดจ่อ กลิ่นข้าวขาวต้มมันช่างหอมจนท้องของพวกเขาร้องโครมครามอยู่เนือง ๆ
มื้อนี้ทุกคนได้ข้าวต้มขาวคนละหนึ่งถ้วยและไข่น้ำอีกหนึ่งถ้วย ทั้งแปดคนนั่งล้อมวงกันเงียบ ๆ ไม่มีใครกล้าที่จะเริ่มกินอาหารตรงหน้า หลี่เหมยสังเกตเห็นท่าทางที่ลังเลของเด็ก ๆ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าในยุคนี้ ผู้ใหญ่ในบ้านต้องเริ่มกินก่อน เด็ก ๆ จึงจะสามารถกินตามได้ นางจึงไม่รอช้าที่จะหยิบตะเกียบขึ้นมาแตะอาหารเป็นคนแรก
ทันทีที่หลี่เหมยเริ่มกิน ทุกคนก็ยกถ้วยไข่น้ำขึ้นซดอย่างรวดเร็ว ส่วนอาหยวน หลานชายตัวน้อยในวัยสี่ขวบนั้นมีหลี่ซานผู้เป็นพ่อคอยดูแลและป้อนให้อย่างอ่อนโยน
ซางจื้อที่นั่งอยู่ข้างนางนั้นมองดูไข่น้ำในถ้วยด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอยากอาหาร หลี่เหมยจึงตักไข่น้ำของนางขึ้นมาแล้วเป่าให้หายร้อน ก่อนจะป้อนให้เขา
ทันทีที่ไข่น้ำคำแรกเข้าสู่ปากของซางจื้อและทุกคนในครอบครัว พวกเขาต่างก็น้ำตาคลอเบ้าด้วยความซาบซึ้งและประหลาดใจ รสชาติของมันช่างอร่อยเกินกว่าอาหารที่พวกเขาเคยกินมาตลอดหลายปี
"ท่านแม่! ไข่น้ำอร่อยมากขอรับ!" หลี่ซานเอ่ยปากชมออกมาเป็นคนแรก
"ใช่เจ้าค่ะ! อร่อยเหลือเกิน!" หลี่หลินพูดเสริมด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น
"ก็...พอใช้ได้" แม้แต่หลี่หลงที่เพิ่งถูกลงโทษไปก็ยังเอ่ยปากชมออกมาอย่างไม่เต็มใจ
หลี่เหมยยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อได้เห็นทุกคนกินอาหารด้วยความเอร็ดอร่อย นางสังเกตเห็นว่าซางจื้อกินอาหารเหมือนกลัวว่าอาหารตรงหน้าจะหมด นางจึงตักไข่น้ำของนางไปใส่ถ้วยให้เขาเพิ่ม
"อาจื้อกินเยอะ ๆ หน่อย โตมายังต้องเลี้ยงดูท่านย่าอีกนะ"
คำพูดของหลี่เหมยทำให้ซางจื้อถึงกับหยุดกิน และเงยหน้าขึ้นมองนางอย่างไม่เชื่อสายตา นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านย่าพูดดี ๆ กับเขา และยังแสดงความเมตตาให้เขาเห็นอีกด้วย ซางจื้อยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ
"ขอรับ ท่านย่าเมตตาอาจื้อ...อาจื้อจะทดแทนคุณท่านย่าเอง"
"ช่างเป็นเด็กที่รู้ความจริง ๆ"
หลี่เหมยลูบหัวซางจื้ออย่างอ่อนโยน เด็กที่จิตใจดีเช่นนี้ไม่สมควรที่จะถูกทอดทิ้งอย่างที่ร่างเดิมทำเลยแม้แต่น้อย
