ep6
“เราบอกเจ้าแล้ว ตำแหน่งเราสูงสุดได้แค่อุปราช จักไม่อาจขึ้นครองบัลลังก์ของเจ้าพี่ ขณะที่เจ้าพี่ยังคงมีชีวิตอยู่”
“แล้วถ้า มิได้มีพระชนม์อยู่เล่า”
“โอรสของเจ้าพี่ จึ่งควรมีสิทธิ์ขึ้นครองราชย์”
“อย่างไรท่านก็จักมิขึ้นครองบัลลังก์ ที่ข้าจักนำมาถวาย”
“ข้ามิอาจทรยศต่อเจ้าพี่ เมื่อได้ให้คำสัตย์สาบานต่อหน้าพระนระท่านแล้ว”
“เช่นนั้น ท่านจงพาบริวารออกท่าน ออกไปจากนอกเมืองเสียเถิด ข้าจำต้องกำจัด ผู้ที่มีอิทธิพลต่ออมริสาเช่นท่าน” นอกจากนั้น กองกำลังจากเปอร์เซีย ผู้เป็นพระญาติของพระนางเวรินทร์ย่อมเคลื่อนทัพหากพระนางเวรินทร์ยังอยู่ที่เมืองอมริสา แต่ยามนี้ พระสมุหกลาโหมมิกล่าวคำให้ระเคืองไปถึงผู้เป็นพระชายาผู้เปี่ยมเมตตาด้วย
“มิได้มีทางเลือกอื่นดอกรึ” กษิณะต่อรอง
“เมื่อท่านอยู่ โดยมิยอมขึ้นบัลลังก์ เหล่าราชวงศ์จักต้องกระด้างกระเดื่องด้วยมีท่าน แลข้าและกองทัพ มิอาจทำใจยอมรับท่านกวจะแลพระโอรสได้ เช่นนี้แล้ว จึงควรเชิญท่านออกนอกเมือง”
“แล้วท่านจักให้ผู้ใดขึ้นครองบัลลังก์”
“พระญาติของท่านโกฏิถกะ”
“ท่านเห็นควรแล้วรึ” โกฏิถกะ พระญาติฝ่ายมารดา ผู้อยู่ชานเมืองอมริสา เป็นผู้ใช้ชีวิตเรียบง่ายแลไม่มีกองกำลังในมือ หากขึ้นครองบัลลังก์ ย่อมมิพ้นการถูกชักเชิดโดยบุคคลกลุ่มนี้ มิใช่ว่าพระสมุหกลาโหม มิใช่คนดี หากแต่โดยศักดิ์แล้วอมริสาหาใช่เมืองของพระสมุหกลาโหมนี้
“ข้ามีทางเลือกให้ท่านเพียงสอง ท่านขึ้นครองบัลลังก์แทนท่านกวจะ หรือ นำบริวารของท่านออกไปเสียจากเมืองแห่งนี้”
“ท่านให้ทางเลือกเรา เพียงหนึ่ง”
พระสมุหกลาโหม น้อมศีรษะ ทางเลือกมีเพียงหนึ่ง เพราะแน่แก่ใจ กษิณะ หาได้เคยตระบัดสัตย์ ครั้งนั้น เมื่อกวจะขึ้นครองราชย์ ได้บังคับให้พระอนุชาทุกพระองค์กระทำสัตย์สาบานว่าจักมิแย่งบัลลังก์ของพระโอรสของพระองค์ คำสัตย์นั้นกระทำเบื้องหน้าของพระนระในเทวสถานแห่งนี้ มิเคยมีผู้ใดตระบัดสัตย์แล้วมีชีวิตยืนยาว แต่เฉพาะท่านท้าวกษิณะ จำต้องกล่าวคำสัตย์เป็นการเฉพาะ เนื่องจากท้าวกวจะ ผู้เป็นพระราชยาทั้งกริ่งเกรงและเกลียดชังผู้มีเชื้อสายเปอร์เซียเช่นพระนางเวรินทร์ ซึ่งเป็นพระชายาของท้าวกษิระเป็นที่ยิ่ง
คงไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้นในรัชกาลของพระองค์ หากพระเจ้ากวจะทรงประพฤติตนเช่นจักรวรรดิราชทั้งหลาย
“พระอนุชาต่างมารดาของเรา ล้วนถูกท่านกำจัดสิ้น” สุดท้ายสิ่งที่กษิณะอยากรู้ เพื่อการตัดสินใจ
สมุหกลาโหม ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมืองอมริสา ผงกศีรษะเชิงยอมรับ
“เป็นหรือตาย”
ความเงียบเกิดขึ้นชั่วครู่ หากเข็มเพียงเล่มหล่นกระทบพื้น ทั้งสองจักได้ยินเสียงนั้น
“พวกเขาเหล่านั้น ล้วนคืนกลับไปรับใช้องค์มหาเทพ”
สิ่งที่เปล่งออกมานั้น เบาแสนเบา หากแต่เนื้อความของประโยคเหมือนมีดที่พุ่งปักกลางร่างที่ยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้าให้ผงะถอย สิ้นแล้วหรือวงศ์อมริสา
“เหตุใด เจ้าจึงมิได้เปิดหาทางเลือกต่อพวกเขา” น้ำเสียงอันแหบโหย ย้อนถาม
“ข้าเปิดทางถอยสำหรับผู้แพ้เสมอ”
เสียงปรบมือดังขึ้นหนึ่งครั้ง ทหารโผล่หน้าประตูน้อมรับคำสั่ง สายตาที่มองสบ เพียงพอแล้วที่จะบอกให้คนหลังม่านรับรู้ ชั่วครู่พระเก้าอี้เคลื่อนมาอยู่เบื้องหลังกษิณะและพระสมุหกลาโหม
“ข้ารู้ สิ่งที่ท่านได้ยิน ย่อมทำร้ายจิตใจของท่าน แต่ขอให้ข้าได้ทูลต่อท่าน ข้ามิได้อยากกระทำการเช่นนั้น”
“แต่เจ้าก็กระทำ เช่นนี้แล้ว ชีวิตของเจ้าพี่จักปลอดภัยหรือ”
“พระอนุชาของพระองค์ มิเพียงรอให้ข้าเจรจา หากแต่จัดทหารเข้าสู้รบต่อข้า ข้าจึงมิอาจปล่อยวางคนเหล่านั้น”
“ทุกองค์?” ยังหวังพระอนุชาร่วมอุทร ซึ่งละไว้
“หามิได้ พระกรณัช พระอนุชาร่วมมารดาของท่านอพยพออกนอกเมืองไปทางเหนือแล้ว แต่พระอนุชาต่างมารดาของท่านล้วนสังเวยชีวิตในการสู้กับข้าโดยมิฟังคำเจรจา”
“เรื่องเช่นนี้....เหตุใดข้าจึงมิรู้ก่อนที่เจ้าจักมาหาข้า”
“เพราะผู้ใดส่งข่าว ล้วนมิได้มีชีวิตอยู่” เสียงนั้นเหี้ยมเกรียม ผิดกับถ้อยคำอ่อนโยนที่มีมาแต่แรก ลึกๆ แล้วสมุหกลาโหมผู้นี้ ย่อมใฝ่หาในอำนาจ
“พระขนิษฐาของข้าเล่า”
“ล้วนปลอดภัย” เสียงนั้นกลับอ่อนโยนลง กษิณะสะท้อนใจ พระขนิษฐาที่ยังมิออกเรือน จักมีชีวิตเช่นใดต่อไปในภายหน้า
“ท่านอย่าได้กังวล พระขนิษฐาของท่านนั้น หากมิได้เต็มใจที่จะร่วมวิวาห์กับข้า ข้าก็หาได้บังคับ พวกนางจะอยู่ดีมีความสุข ข้าจักมิทำอันตรายนางดอก”
“โกสุม พระขนิษฐาของข้าคงมิได้เป็นตัวประกันกระมัง”
เจ้าหญิงโกสุม ขนิษฐาร่วมอุทร เป็นหญิงที่งามโสภาจนหลายเมืองส่งทูตมาทูลเชิญขออภิเษกด้วย หากแต่ทูตเหล่านั้น ต้องมีอันเป็นไปเสียทุกรายจนกลายเป็นเรื่องราวกล่าวขาน งามแต่เป็นกาลกิณี เพราะเป็นเหตุให้บุรุษตาย กษิณะย่อมรู้ เหตุเกิดเพราะใคร
เสียงปรบมืออีกครั้ง ร่างงามที่ห่มคลุมชุดขาวปรากฏขึ้น ก่อนถวายความเคารพสูงสุดต่อคนที่อยู่ตรงหน้า
“โกสุม นั่นเจ้าใช่หรือไม่”
“ท่านพี่ ข้าเองโกสุม” ผ้าที่คลุมศีรษะถูกเลื่อนลง นางนั่งแทบเท้าของผู้เป็นพี่
“เจ้ากับเขา....”
“ข้ารักท่านสมุหกลาโหม มานานนัก ตั้งแต่เขายังเป็นทหารองครักษ์มากฝีมือ”
“ทูตเหล่านั้น....เจ้ารู้หรือไม่” โกสุม ก้มต่ำ พยักหน้าน้อย ๆ
กษิณะ นิ่งเงียบ ทูตจากต่างเมืองเสียชีวิตปริศนาหลังจากเดินทางกลับ กษิณะรู้ฝีมือพระสมุหกลาโหม หากแต่มิคิด โกสุมจักรู้เรื่องนี้
“มิใช่ความผิดของเจ้าหญิง หากแต่เป็นข้าที่เป็นผู้ลงมือ....ด้วยตนเอง”
“ยาพิษน้ำ ไร้ร่องรอย” อีกฝ่ายก้มหน้าน้อมรับ เป็นยาพิษจากรากไม้ กินแต่อยู่ในเมือง ออกฤทธิ์เมื่อเดินทางกลับ แลพิษนั้นปราศจากร่องรอย
"เพราะเจ้าใฝ่รักในโกสุม เจ้าถึงกลับกระทำการอันต่ำช้า” กษิณะบริภาษหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน
“ท่านพี่ หม่อมฉันขอประทานโทษด้วยเถิด เหตุนั้นสุดวิสัย”
