EP.8 ลูกสาวคนสวย
เวลานี้เป็นเวลาสี่ทุ่มสิบห้านาที คามินเอนหลังพิงพนักพิงเก้าอี้ พลางยกแขนข้างซ้ายขึ้นมาดูนาฬิกาเรือนหรู เขาหลับตาอยู่คู่หนึ่งก่อนที่จะลืมตาขึ้นมา เมื่อรู้สึกเหมือนว่ามีลมร้อนผ่าวพ่นลดที่ใบหน้า ดวงตาคมค่อยๆ ปรือตาขึ้นมาอย่างช้าๆ เป็นนิสสาที่กำลังก้มหน้ามามองเขาเพียงคืบ ทั้งสองเมื่อจ้องตาประสานกันก็ตกใจสุดขีด
“เฮ้ย...คุณผมตกใจหมดเลย”
“คุณมาทำอะไรตรงนี้”
คนตัวเล็กยิ้มให้ผู้เป็นนายตัวเองแหยๆ ก่อนที่จะชี้ไปที่นาฬิกาเรือนใหญ่ที่แขวนไว้ที่ผนังห้อง
“ดึกแล้ว กลับบ้านกันยังคะท่านประธาน”
เสียงลมหายใจพ่นออกมาจากปากคามิน ใจเขาเต้นไม่อยู่กับเนื้อกับตัวทุกทีที่ได้ใกล้ชิดเธอระยะกระชั้นชิดขนาดนี้ ดวงตาดุจดังพญาเหยี่ยวจ้องมองนิสสาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ที่ทำให้เขาตกอกตกใจใจหล่นหายไปอยู่ที่ตาตุ่ม
“ไปก็ไป”
พูดจบคามินก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนที่จะก้าวเดินนำหน้านิสสา โดยที่นิสสาเดินตามมาติดๆ มือข้างขวาของคามินจับลูกบิดประตูแล้วเปิดมันออก
“เชิญ”
นิสสาทำตามอย่างว่าง่าย เธอเดินออกไปข้างนอกทันทีที่ได้รับคำสั่งจากคามิน คามินไม่ลืมที่จะกดปิดไฟที่อยู่ในห้อง ตอนนี้มีเพียงเขาสองคนที่อยู่ในออฟฟิศ ระหว่างทางเดินมีเพียงแสงไฟสลัวๆ จนทำให้นิสสารู้สึกกลัวอย่างห้ามไม่ได้
“ขอเกาะแขนเสื้อหน่อยได้ไหมคะท่านประธาน”
“ทำไม”
“มันมืดนิสสากลัวผี”
“อืม...ทำตัวเหมือนเด็ก”
เขาไม่ได้ปฏิเสธอะไร ปล่อยให้นิสสาเดินเกาะแขนตามมาต้อยๆ ราวกับเด็กน้อยที่แสนขี้ขลาด ทั้งสองเดินมาถึงลานจอดรถ ที่มีเพียงรถของคามินจอดอยู่แค่คันเดียว ทุกคนกลับบ้านกันหมดแล้ว
เสียงประตูรถถูกปลดล็อก คามินใช้มือข้างขวาเปิดประตูรถให้นิสสานั่ง เธอโค้งตัวเล็กน้อยเพื่อเป็นการขอบคุณ แล้วก้าวเท้าเข้าไปหย่อนก้นนั่งในรถสปอร์ตคันสีดำทันที ประตูรถถูกปิดลงอย่างเบามือ คามินสาวเท้าก้าวเดินมาหยุดอยู่ที่ประตูฝั่งคนขับแล้วเปิดประตูรถออก ไม่นานนักเขาก็พาตัวเองเข้าไปนั่งอยู่ข้างในรถ
รถค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากบริษัท ภายในรถไม่มีแม้แต่เสียงพูดคุยใดๆ บรรยากาศในรถเต็มไปด้วยความอึดอัด นิสสาภาวนาให้ถึงบ้านไวๆ แต่ดูเหมือนว่าคามินจะขับรถช้าเหลือเกิน
“แวะทานข้าวก่อนได้ไหม”
คามินเอ่ยถามทำลายความเงียบภายในรถ ตอนนี้เขารู้สึกหิวข้าวแล้ว เพราะเมื่อกลางวันก็ทานไปนิดเดียว ตอนเย็นยังไม่ได้ทานอะไรอีก ตอนนี้กระเพาะเจ้ากรรมเรียกร้องหาอาหารเข้าให้แล้ว
“ดะ ได้ค่ะท่านประธาน”
นิสสาตอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ใจอยากจะปฏิเสธแต่ก็ทำได้เพียงแค่ต้องทำตามในสิ่งที่คามินเอ่ย เพราะเธอเองก็หิวไม่แพ้กันกับเขา ความจริงเธอตั้งใจไว้ว่าจะไปต้มมาม่ากินที่บ้านเอาเพื่อประทังชีวิต
รถหรูค่อยๆ จอดเทียบบนไหล่ทาง เพราะตอนนี้ร้านอาหารใหญ่ๆ เริ่มปิดครัวรับออเดอร์แล้ว ก็คงจะมีแต่กับข้าวข้างทางนี่แหละ คามินหยุดรถอยู่หน้าร้านป้าสี เป็นร้านข้าวประจำของเขาที่เขาใช้ฝากท้องในทุกๆ มื้อเมื่อเขากลับบ้านดึกๆ
“ไม่ต้องเดี๋ยวผมช่วย”
พูดจบคามินเอามือทั้งสองข้างค่อยๆ ปลดเข็มขัดนิรภัยให้นิสสา เธอถึงกับหน้าแดงเป็นลูกตำลึง เมื่อปลายจมูกของทั้งสองเฉียดกันเพียงเสี้ยววินาที ลมหายใจอุ่นพ้นลดใบหน้า ดวงตามหาเสน่ห์ของคามินจ้องมองนิสสาอย่างห้ามไม่ได้ เขามองเธออยู่อย่างนั้นประมาณสิบวินาทีเห็นจะได้
“ท่านประธาน”
เสียงเรียกของนิสสาดึงสติของคามินให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว เขารีบปล่อยสายเข็มขัดนิรภัยออกจากมืออย่างไว แค่เพียงมองเธอเสี้ยววินาทีก็ทำให้ใจของคามินอยู่ไม่เป็นสุข
“โทษที...ป่ะ ร้านนี้อร่อยแล้วก็สะอาดด้วย”
พูดจบเขาก็เปิดประตูแล้วก้าวเท้าออกจากรถ เดินไปโต๊ะประจำของเขาอย่างเร็วเพื่อเป็นการแก้เขิน ไม่ได้รอนิสสาที่กำลังก้าวเท้าตามมาอย่างเร่งรีบจนขาแทบพันกัน รองเท้าเจ้ากรรมสะดุดเอากับพื้นต่างระดับจนข้อเท้าพลิก เธอล้มลงไปนอนกองกับพื้น คามินเห็นแบบนั้นจึงรีบวิ่งเข้าไปดูทันที
“โอ๊ยเจ็บ!!”
เสียงร้องโอดครวญของนิสสาดังขึ้น เธอเอามือทั้งสองข้างจับข้อเท้าตัวเอง มันเริ่มบวมแดงขึ้นมาทันที คนตัวสูงค่อยๆ นั่งยองยองลงข้างกายนิสสา เขาใช้มือจับข้อเท้าเธอขยับไปมาอยู่ครู่นึก
“ข้อเท้าพลิก...ซุ่มซ่ามจริงๆ เลย”
เสียงเคร่งขรึมบ่งบอกถึงความไม่พอใจเอ่ยขึ้น เธอทำให้เขาต้องมาวุ่นวายอีกแล้ว คามินไม่ได้พูดอะไรต่อ เขารวบร่างบางขึ้นสู่แผงอกแกร่ง แล้วย่างสามขุมพาเธอไปนั่งที่เก้าอี้พลาสติกสีน้ำเงินที่อยู่ภายในร้านทันที มือหนาจับข้อเท้าของเธอขยับไปมาอีกครั้ง เสียงกระดูกลั่นดังเป๊าะ
“โอ๊ย”
คนตัวเล็กร้องออกมาทันทีที่เกิดเสียง คามินเหลือบตาขึ้นไปมองนิสสาที่นั่งหน้าซีดอยู่แล้วหันกลับมาดูที่ข้อเท้าเธออีกครั้ง
“เข้าที่แล้ว ไม่ได้หัก เดี๋ยวพาไปหาหมอ”
น้ำเสียงราบเรียบ โทนเสียงเย็นชาเอ่ยขึ้น ไม่ใช่เสียงแต่รวมถึงใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก ตอนนี้เขานิ่งจนเธอเดาไม่ออกว่าคามินกำลังคิดอะไรอยู่ นิสสาคิดในใจไม่น่าซุ่มซ่ามเลย แต่ยังไม่ได้ทันได้คิดอะไรมากเธอก็ต้องตกใจอีกครั้ง เมื่อถูกรวบตัวขึ้นพาดบ่าแกร่งของคามิน แล้วถูกจับยัดเข้าไปในรถอย่างไร้การทะนุถนอม ประตูถูกปิดลงอย่างแรง เขารีบสาวเท้าอ้อมมาหน้ารถแล้วเปิดประตูฝั่งคน ก้าวขาเข้ามานั่งบนเบาะนุ่มอย่างหัวเสีย
รถพุ่งทะยานมุ่งหน้าไปสู่โรงพยาบาล นิสสาถูกนำตัวไปส่งที่ห้องอุบัติเหตุฉุกเฉิน เวลาเดินไปประมาณครึ่งชั่วโมง คามินนั่งรออยู่หน้าห้องอย่างรู้สึกอารมณ์เสีย ที่ต้องมานั่งแก่วอยู่แบบนี้ ไม่นานนักประตูห้องฉุกเฉินก็ถูกเปิดออก นิสสาที่นั่งอยู่บนรถนั่งถูกเข็นมาหยุดอยู่ที่หน้าของคามิน เธอยิ้มให้เขาแหยๆ พลางรีบก้มหน้าหลุบต่ำ เมื่อเห็นสายตาดุดันจ้องมองมาอย่างไม่สบอารมณ์ ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์จะมาเล่นสนุกกับเธอหรอกนะ
บุรุษพยาบาลเข็นรถนั่งที่นิสสานั่งอยู่ไปที่รถของคามิน เธอพยายามยืนขึ้นด้วยความยากลำบาก จนคามินอดที่จะสงสารไม่ไหวต้องรีบเดินมาช่วยพยุงร่างบางไว้ เขาค่อยๆ เปิดประตูรถและพาเข้าไปด้านในเธอหย่อนก้นลงนั่งเบาๆ ก่อนที่จะปิดประตูรถลง
“ขอบคุณครับ”
คามินไม่ลืมที่จะเอ่ยขอบคุณบุรุษพยาบาลที่อุตส่าห์เข็นรถมาให้ เขาก้าวเดินไปประจำที่คนขับแล้วขับรถพุ่งทะยานออกไปสู่ท้องถนนทันที ครั้งนี้บรรยากาศในรถอึมครึมยิ่งกว่าเดิมเป็นหลายเท่าตัว คามินนั่งขับรถหัวคิ้วยู่ติดกัน ไม่เอ่ยอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ไม่นานรถก็มาจอดอยู่ที่บ้านหลังไม่ใหญ่ไม่เล็กมากจนเกินไป เป็นบ้านหลังสีขาว มีรั่วระแนงล้อมรอบ ภายนอกมีสวนดอกไม้นานาพันธุ์อยู่ที่หน้าบ้านเต็มไปหมด นอกตัวบ้านมีไฟสีเหลืองโทนส้มของบ้านถูกเปิดสว่างไว้เพราะแผงโซล่าเซลล์
“ถึงแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
นิสสารีบปลดเข็มขัดนิรภัยออกทันที และพยายามดันตัวเองออกจากรถ แต่ก็ต้องถูกมือหนาจับเอาไว้
“ไม่ต้องขยับรอผมตรงนั้นแหละ”
คามินเปิดประตูรถออกไปแล้วเดินข้ามไปฝั่งที่นิสสานั่ง เขาเปิดประตูรถแล้วโค้งตัวเล็กน้อย ก่อนที่จะอุ้มนิสสาขึ้นสู่อ้อมอก แล้วก้าวเท้าเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูบ้าน
“เดี๋ยวผมเข้าไปส่ง”
คามินมองไปรอบๆ ภายนอกตัวบ้านที่ดูกว้างขวาง พลางคิดในใจผู้หญิงตัวเล็กๆ อยู่คนเดียวแบบนี้เธอไม่กลัวเลยหรืออย่างไร เขาคิดในใจแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป ทำเพียงสืบเท้าก้าวเดินเข้าไปด้านในเมื่อเจ้าของบ้านเปิดประตูด้วยความทุลักทุเล
ประตูบ้านด้านในถูกเปิดออก ในบ้านมีมุมรับแขกเล็กๆ น่ารัก บ้านหลังนี้เป็นบ้านไม้สองชั้นที่ถูกรีโนเวทแล้วตกแต่งเป็นแบบสไตล์มินิมอล ภายในบ้านมืดมิด มีเพียงแสงสลัวๆ จากด้านนอกที่สาดส่องเข้ามา คนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมอกของคามินรู้สึกใจเต้นระรัว เมื่อตอนนี้อยู่กับผู้ชายเพียงสองต่อสอง
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น กลัวผมจะปล้ำคุณรึไง หึๆ”
“เปล่า...เปล่าค่ะ”
นิสสารีบปฏิเสธทันทีเธอไม่กลัวเขาหรอก แต่เธอกลัวใจตัวเองมากกว่าตอนนี้มันเต้นระรัวราวกับกลองชุด เมื่อเนื้อสัมผัสแนบชิดกับแผงอกแกร่งมันยิ่งทำให้เธอรู้สึกหวาบหวามไปทั้งตัว คนตัวเล็กถูกอุ้มมาวางไว้ที่โซฟาตัวสีครีมตัวนิ่ม คามินพยายามมองหาบางสิ่งอยู่ภายในความมืดจนนิสสาอดที่จะสงสัยไม่ได้
“มองหาอะไรคะท่านประธาน”
“สวิตช์ไฟน่ะสิ จะอยู่กันแบบมืดๆ รึยังไง?”
“ทางโน้นค่ะ”
นิ้วเรียวชี้ไปที่มุมขวามือของคามิน มันอยู่ใกล้เขาเพียงคืบ แสงไฟถูกเปิดส่องสว่าง ทำให้เห็นมุมบ้านที่ตกแต่งอย่างน่ารัก ดูมินิมอลเหมือนเด็กน้อย
“บ้านน่าอยู่ดี”
“มาอยู่ด้วยกันไหมล่ะคะ”
พูดจบนิสสารีบเอามืออุดปากตัวเองอย่างไว ก่อนที่จะเจอสายตาพิฆาตมองมายังเธอ คนอะไรดูดุดันได้ตลอดเวลา เธอแค่แซวเล่นๆ เองไม่เห็นจะต้องซีเรียสอะไรขนาดนั้นเลย
“คุณแม่กลับมาแล้ว”
เสียงเด็กตัวจ้อยเอ่ยขึ้นมาทำเอาคามินหันขวับไปมองตามเสียงทันที นิสสายิ้มรับพลางกลางมือออกทั้งสองข้างเพื่อเตรียมรับอ้อมกอดของสาวน้อย
