EP.9 ครอบครัวสุขสันต์
เด็กสาวผมเปียตัวจ้ำม่ำวัย 5 ขวบ กระโดดลงจากอ้อมอกวศิน แล้ววิ่งเข้ามาโผลกอดนิสสาทันทีที่เห็นแม่ตัวเองมาถึงบ้าน นิสสารีบรับอ้อมกอดของเด็กตัวอ้วนด้วยความคิดถึง
“ข้อเท้าไปโดนอะไรมา”
วศินชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าหล่อเหลามีเคราบางๆ เอ่ยขึ้น พลางจ้องมองคามินด้วยสายตาที่ไม่ค่อยพอใจนักที่เห็นเขาอยู่กับนิสสาในเวลานี้
“ข้อเท้าพลิกน่ะ ท่านประธานเลยพามาส่ง”
นิสสาเอ่ยพลางเอามือมาจับที่ข้อเท้าของตัวเอง วศินรีบเดินเข้ามาดูข้อเท้าที่ถูกพันผ้าไว้ด้วยความเป็นห่วง โดยไม่ได้สนใจคามินที่นั่งอยู่ข้างๆ นิสสาเลยแม้แต่นิดเดียว
“ท่านประธาน...เป็นถึงท่านประธานมาส่งเลขาฯ เนี่ยนะ”
เสียงบ่นพึมพำออกมาจากปากคนตัวสูงที่กำลังนั่งจับข้อเท้านิสสาดูอยู่อย่างเป็นห่วงเป็นใย จนนิสสาอดไม่ได้ที่จะเอามือเรียวตีเข้าให้ที่แผ่นหลังกว้างเบาๆ เพื่อเป็นการปรามไม่ให้วศินพูดจากแบบนี้
“จิ๊!!...เสียมารยาท ท่านประธานอุส่าห์มาส่งนิสสา”
เมื่อโดนตำหนิวศินถึงกับหน้าหงอยทันที ก่อนที่จะจ้องมองคามินตาขวางอย่างเอาเรื่อง ตอนนี้คามินรู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นส่วนเกินของครอบครัวนี้ไปเสียแล้ว
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
“ขอบคุณมากนะคะท่านประธาน”
คนตัวสูงยืนขึ้นก่อนที่จะยิ้มอ่อนให้กับเด็กหญิงตัวอ้วนจ้ำม่ำ ที่กำลังยืนยิ้มให้เขา คามินรู้สึกใจสั่นไม่น้อยที่รู้ว่านิสสามีครอบครัว ทำไมกันทั้งๆ ที่เพิ่งเจอกันเพียงแค่สองวันเท่านั้นเอง หรือเป็นเพราะเขาเองก็แอบมีใจให้เธอโดยไม่รู้ตัวหรือเปล่านะ คามินสะบัดความคิดบ้าๆ ออกจากหัวก่อนที่จะก้าวขาเดินออกไปจากบ้านของนิสสาทันที
“ถ้าวันนี้ไม่พาเจ้าตัวเล็กมาหาก็คงไม่รู้ว่ามีผู้ชายมาติดนะเนี่ย”
วศินเอ่ยขึ้นพลางเหลือบหางตามองนิสสาเพื่อนรักของตัวเอง “น้องนีน่า” ลูกสาวคนเดียวของนิสสา ที่ฝากแม่ของเธอเลี้ยงดูอยู่ที่บ้านต่างจังหวัด ขึ้นมาหาเธอที่นี่ โดยมีวศินเพื่อนสนิทสมัยเรียนตั้งแต่ประถม มาคอยช่วยอยู่ดูแลลูกให้ คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องทำงานหาเงินคนเดียว จึงไม่ค่อยมีเวลาได้อยู่กับลูกสาวตัวเองมากนัก แต่ว่าฐานะทางบ้านเธอก็ไม่ได้จัดว่ายากจนจนต้องดิ้นรนกัดก้อนเกลือกินอะไรขนาดนั้น
“พูดเป็นบ้าอะไร รู้ไหมนั่นใคร เจ้านายฉันนะ”
“จ้า แต่ดูสายตาที่มองแล้วไม่เหมือนเจ้านายกับลูกน้องเลยนะ...ฉันเป็นผู้ชายฉันดูออก”
นิสสาถลึงตาใส่วศินทันทีที่ได้ยินเขาพูดแบบนั้น ก่อนที่จะหันไปหาลูกตัวเอง มือทั้งสองข้างของนิสสาจับเบาๆ ที่แก้มทั้งสองข้างของนีน่า เธอคิดถึงลูกสาวตัวเองใจจะขาด อ้อมกอดที่แสนอบอุ่นมันทำให้เด็กตัวน้อยรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาทันที
“หนูจะมาอยู่กับแม่ช่วงปิดเทอม”
ตอนนี้เด็กนักเรียนชั้นอนุบาลปิดเทอมแล้ว ครั้นจะให้อยู่กับยายที่ต่างจังหวัดเจ้าตัวแสบก็ไม่ยอม อยากจะมาอยู่กับแม่ที่กรุงเทพฯ ดังนั้นวศินจึงต้องเป็นคนพามาและคอยดูแลให้ เพราะเขาก็ไม่ได้มีงานที่ต้องทำอะไร นั่งกินนอนกินอยู่ที่บ้านสบายๆ ไปวันๆ เพราะฐานะทางบ้านร่ำรวยอยู่แล้ว
“จริงเหรอลูก แล้วแม่ไปทำงานใครจะดูหนูหล่ะ”
“ฉันไง...ไปๆ มาๆ เอา ไม่อยู่ด้วยทุกวันหรอก เด็กน้อยเดี๋ยวก็เบื่อ คิดถึงเดี๋ยวก็พามาหา”
“ขอบใจแกมากนะ”
ด้วยความที่แม่ของนิสสาไม่ชอบวิถีชาวกรุง เลยจำเป็นต้องแยกกันอยู่แบบนี้ ครั้นจะบังคับให้ท่านมาอยู่เลี้ยงลูกให้ก็กลัวว่าท่านจะเหงา กลายเป็นโรคซึมเศร้าไปเสียก่อน เลยต้องยอมให้ท่านเลี้ยงหลานอยู่ที่ต่างจังหวัดเอา บ้านหลังนี้ก็ซื้อไว้ให้ตอนที่นิสสาเรียนปริญาตรีฯ เธอไม่ได้เช้าห้อง อยู่คอนโด เพราะนิสสาไม่ชอบแบบนั้น
“ว่าแต่แกช่วยไปต้มบะหมี่ให้กินหน่อยสิ ยังไม่ได้กินอะไรมาเลยหิวชะมัด”
คนถูกใช้ถึงกับทำหน้าเซ็ง แต่ก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร วศินลุกขึ้นยืนแล้วสาวเท้าก้าวเข้าไปในครัว ไม่นานก็ได้กลิ่นหอมของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสต้มยำกุ้งลอยมา วศินถือชามบะหมี่มาวางไว้ตรงหน้านิสสา เธอรีบตักมันเข้าปากอย่างไม่รู้สึกกลัวความร้อน
“คุณแม่คะ วันนี้หนูจะนอนกอดคุณแม่ทั้งคืนเลย”
ไม่พูดเปล่าคนตัวน้อยก็เอามือทั้งสองข้างโอบเอวบางของแม่ตัวเองที่กำลังนั่งกินบะหมี่อย่างเอร็ดอร่อย
“แม่ก็จะนอนกอดหนูทั้งคืนเลย”
มือเรียวยกขึ้นไปขยี้หัวเจ้าตัวเล็กจนฟูฟ่อง ก่อนที่จะหันหน้ากลับมาทานบะหมี่ต่อ
“พรุ่งนี้คงไปทำงานไม่ได้แน่เลย...เพิ่งทำงานได้สองวันก็จะหยุดซะแล้ว”
นิสสาบ่นพึมพำอยู่คนเดียว พลางคิดในใจว่าเธออาจต้องโดนไล่ออกแน่ถ้าขืนยังเป็นอย่างนี้อยู่ พรุ่งนี้เธอตั้งใจว่าจะให้วศินไปส่งที่ทำงาน แล้วขอท่านประธานเอาว่าไม่ต้องให้เดินมาก จะได้ทำงานได้ เธอจะได้ไม่ต้องลางาน
รุ่งอรุณเช้าวันใหม่นิสสาตื่นขึ้นมาแต่เช้า วันนี้เป็นวันที่พิเศษกว่าวันอื่นๆ เพราะมีเจ้าตัวเล็กนอนอยู่ข้างกาย เธอจ้องมองหน้าลูกสาวตัวเองอยู่สามนาทีได้ ก่อนที่จะใช้นิ้วชี้เขี่ยไปมาที่แก้มยุ้ยของเด็กเจ้าเนื้อ ริมฝีปากบางหอมลงที่แก้มนุ่มนิ่มของนีน่า แล้วนิสาก็ก้าวลงจากเตียงด้วยความทุลักทุเล เพื่อไปอาบน้ำแต่งตัว
นิสสาใช้เวลาในการอาบน้ำเกือบครึ่งชั่วโมง แล้วใช้เวลาลาในการแต่งแต้มเครื่องสำอางลงบนใบหน้าอีกครึ่งชั่วโมง วันนี้เธอใส่ชุดเดรสสีแดงเพลิงรัดรูปที่เห็นถึงส่วนเว้าส่วนโค้ง แต่ก็ไม่ได้ดูโป้มากนัก สีชุดขลับให้ผิวเธอดูขาวผ่องเป็นยองใย
“นีน่าแม่จะไปทำงานแล้วนะคะ”
เด็กน้อยเอามือข้างขวาขยี้ตาตัวเอง พลางพยักหน้าตอบรับว่าเธอเข้าใจในสิ่งที่แม่ของตนพูดแล้วก็นอนหลับต่อ เมื่อเห็นลูกสาวนอนต่อนิสสาจึงไม่ได้กวนอะไร ปล่อยให้เจ้าตัวเล็กหลับอยู่อย่างนั้น แล้วเดินออกมาข้างนอกตัวห้องนอน พบวศินยืนรออยู่ด้านนอกแล้ว
“เอ้าตื่นแต่เช้าเลย มายืนทำไมตรงนี้เนี่ย”
นิสสาเอียงคอมองวศนพลางเอ่ยปากถามขึ้นมา
“ก็จะไปส่งแกไง เดี๋ยวมาอุ้มเจ้านีน่าไปด้วย ตื่นมาไม่เห็นใครร้องไห้ตายเลย”
วศินพูดจบก็เดินเข้าไปในห้องแล้วไปอุ้มนีน่าออกมา เขาทำหน้าที่ราวกับว่าเป็นพ่อของนีน่า ทำได้ดีมากเลยเสียด้วย นิสสาได้ยินวศินพูดก็พยักหน้ารับคำก่อนที่จะค่อยๆ พยุงตัวเองลงจากชั้นสองของตัวบ้าน เพื่อไปที่รถ BMW สีขาวของวศิน
นีน่าถูกวางไว้ที่คาร์ซีทเบาะด้านหลังทั้งๆ ที่ยังหลับอยู่ ส่วนนิสสานั่งอยู่ด้านหน้าข้างเบาะคนขับ เป็นตุ๊กตาหน้ารถของวศิน ถ้าใครๆ มองก็คงคิดว่านี่เป็นครอบครัวสุขสันต์ ขับมาไม่นานรถก็พุ่งทะยานมาจอดอยู่ที่หน้าบริษัทใหญ่ นิสสาลืมตัวไปว่าที่นี่เธออยู่ในฐานะอะไร เธอไม่ได้บอกวศินไว้ว่าเธออยู่ในฐานะแฟนของท่านประธาน ขืนเขาลงไปส่งเธอคงได้มีแต่คนมองเป็นแน่
แต่ก็ไม่พ้นสายตาของคามินและเหมันต์ที่กำลังเดินเข้ามาในบริษัท คามินเห็นวศินกำลังเดินมาเปิดประตูรถให้นิสสา พร้อมกับพยุงตัวเธอออกมาจากด้านในตัวรถอย่างทะนุถนอม
“ใครวะ?”
เหมันต์เอ่ยถามคามินขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นวศินกำลังพยุงตัวนิสสาอยู่ราวกับคู่รัก รวมถึงพนักงานหลายต่อหลายคนด้วย ตอนนี้คามินทำตัวไม่ถูกเลยว่าจะต้องเล่นบทไหน ถ้าเข้าไปจะทำให้เขาบ้านแตกหรือเปล่า แต่ถ้ายืนอยู่นิ่งๆ จะกลายเป็นขี้ปากพนักงานว่าให้ผู้ชายคนอื่นมาส่งแฟนตัวเองถึงบริษัท แถมยังมีทีท่าเหมือนคนเป็นคู่รักกันอีก
“ผัวเขา นิสสามีลูกแล้ว”
คามินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ แต่เหมันต์ถึงกับไปไม่เป็น หน้าชาไปหมดเหมือนถูกค้อนทุบ ไม่คิดว่าคนที่ตัวเองหมายปองจะมีเจ้าของแล้ว
ร่างสูงของคามินรีบเดินจ้ำอ้าวไปหานิสสา แล้วประคองเธอไว้อย่างถือวิสาสะ ไม่แคร์ว่าวศินจะรู้สึกอย่างไร เขาของเพียงแค่ไม่ให้ใครมองว่าถูกแย่งแฟนไปต่อหน้าคนอื่นก็พอ
“เดี๋ยวผมช่วยครับ”
คามินเอ่ยขึ้นกับวศิน นิสสาพยักหน้าให้วศินปล่อยมือ เพื่อนรักทำตามอย่างไม่เข้าใจ ว่าทำไมเจ้านายกับลูกน้องต้องทำท่าทีราวกับคู่รักแบบนี้ด้วย
“วศินดูนีน่าด้วยนะ ถ้าตื่นแล้วอย่าลืมป้อนข้าวล่ะ”
“กลับบ้านได้แล้ว เดี๋ยวเย็นนี้นิสสาโทรบอกว่าให้มารับกี่โมง”
วศินพยักหน้ารับคำนิสสา
“ไม่ต้องมารับครับเดี๋ยวผมไปส่งเอง”
คามินเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่แฝงไปด้วยความเย็นยะเยือก แลดูน่าเกรงขาม สายตาคมจ้องมองหน้าคนตัวเล็กราวกับว่าอยากจะถามว่าผู้ชายคนนี้คือสามีเธอใช่หรือไม่ แต่ก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยออกไป
“งั้นไม่ต้องมารับวศิน เดี๋ยวนิสสาให้ท่านประธานไปส่ง”
วศินเกาหัวตัวเองแกกๆ พลางพยักหน้ารับคำของนิสสา ก่อนที่จะเดินกลับไปที่รถแล้วขับรถออกไปจากบริษัท
ทันทีรถของวศินเคลื่อนตัวออกไปจากบริษัท ร่างบางก็ถูกรวบขึ้นสู่แผงอกแกร่งของคามินทันที เขารีบพาเธอเดินฝ่าฝูงชน เหล่าบรรดาพนักงานไปห้องทำงานของตัวเอง ทุกสายตาต่างพากันจับจ้อง คามินหันกลับไปมองด้วยสายตาแข็งกร้าว จนพนักงานทุกคนต่างพากันก้มหน้าหลุบต่ำ ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามอง
นิสสามุดหน้าอยู่ในแผงอกแกร่ง หัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ อยู่ๆ ทำไมเขาถึงต้องทำสีหน้าท่าทางแบบนี้กับเธอด้วยนะ ดูเหมือนว่าเธอกำลังทำอะไรให้เขาไม่พอใจอีกแล้ว สายตาคมจ้องมองคนที่อยู่ในอ้อมแขนราวกับว่าจะคาดโทษ คามินก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปโกรธนิสสาเรื่องอะไร
