บท
ตั้งค่า

4 งาน

"กำลังออกไปแล้ว ๆ" ร่างบางที่หอบของพะรุงพะรังเอ่ยบอกคนในสาย วันนี้เป็นวันเริ่มต้นของสัปดาห์ นั่นก็คือวันจันทร์นั่นเอง และวันจันทร์เธอก็ต้องไปทำงาน... หือ ทำไมวันหยุดมันผ่านไปเร็วแบบนี้ เหมือนหลับตาตื่นมาอีกทีก็วันจันทร์แล้ว ส่วนคุณตากับคุณยายของเธอนั้นกลับไปตั้งแต่เช้าวันอาทิตย์แล้ว และเขาหลังจากเหตุการณ์ที่เขาจูบเธอในวันนั้น เธอก็ไม่ได้เจอกับเขาอีกเลย แต่เขาก็คงจะอาศัยอยู่บ้านข้าง ๆ เธอนั่นแหละ ตอนกลางดึกเธอตื่นมากินน้ำ หรือเข้าห้องน้ำก็เห็นว่าไฟบ้านเขายังเปิดอยู่ ท่าจะขยันจริงอย่างที่คุณตาชมนักหนา ชิห์ ขอให้งานทับตายไปเลย

ด้วยอาชีพที่ทำ ทำให้เธอต้องหอบข้าวของไปกลับที่ทำงานอยู่เสมอ และเธอก็ไม่มีรถส่วนตัวมันเลยลำบากในการเดินทางนิดหน่อย แต่ก็ไม่มากเท่าไรนัก เพราะว่าระบบขนส่งสาธารณะที่นี่ดีค่อนข้างดีเลยทีเดียว

"แฮ่ก อีกหนึ่งนาที ยังทัน" เสียงหอบหายใจด้วยความเหนื่อยหอบอยู่ข้างเครื่องสแกนบัตรเข้าทำงาน เป็นเพราะเธอลืมแบบงานที่ต้องนำเสนอลูกค้าไว้ที่บ้านเลยทำให้ต้องกลับไปเอาอีกรอบทั้งที่พึ่งลงจากสถานี ถ้าเธอลืมแบบอื่นไว้ก็คงไม่ต้องมายืนหอบแบบนี้แน่ แต่นี่เป็นแบบที่เธอต้องนำเสนอวันนี้ เลยต้องรีบกลับไปเอา และวิ่งมาบริษัท แถมหัวหน้ายังบอกว่าลูกค้าคนนี้เป็นคนสำคัญของบริษัทต้องดูแลอย่างดี จะมาเล่น ๆ ไม่ได้เด็ดขาด เพราะงั้นวันนี้เธอจึงใส่ชุดสูทสีดำกางเกงสแลคขายาวเข้ารูปกับรองเท้าส้นเข็มสีดำสูงปรี๊ด ก็แหม แต่งตัวเยอะไม่ได้ อย่างน้อยรองเท้าก็ขอหน่อยแล้วกัน

"แซนดี้คุณไหวแน่นะ" เจฟหัวหน้างานเดินมาถาม เมื่อเห็นหญิงสาวที่ต้องนำเสนองานให้กับบริษัทใหญ่ในวันนี้กำลังนั่งหอบอยู่

"แฮ่ก ไหว แซนดี้ไหว"

"ทางนั้นนัดไว้ตอนสิบเอ็ดโมง คุณนั่งพักให้หายเหนื่อยก่อนแล้ว เราจะออกไปตอนสอบสิบโมงยี่สิบ จากนี่เดินไปห้านาทีก็คงจะถึง กว่าจะถึงตอนนั้นคุณจะได้มีเวลาเตรียมตัวด้วย" เจฟบอกเวลาพร้อมกับจัดการให้เสร็จสับ เหลือเวลาอีกชั่วโมงกว่า เธอคงเตรียมตัวได้ทัน ถึงเขาจะเชื่อใจในฝีมือเธอก็เถอะ แต่ว่าบริษัทนี้นั้นใหญ่มากจริง ๆ ได้ยินมาว่าเป็นบริษัทใหญ่มาจากไทย ถ้าการร่วมงานในครั้งนี้เป็นไปได้ด้วยดี งานอื่นก็คงจะมีเข้ามาเรื่อย ๆ คงจะสร้างกำไรให้บริษัทได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

"แต้งกิ้วค่ะเจฟ" ว่าจบก็ส่งยิ้มให้อีกฝ่าย งานนี้มันต้องผ่านไปด้วยดี ถึงแม้ว่าเธอจะลืมตั้งแต่วันแรกก็เถอะ งานอื่นไม่ว่าเล็กใหญ่เธอก็ผ่านมาแล้ว งานนี้งานใหญ่อีกงาน มันต้องผ่านไปได้ แสนดี สู้เว่ย

"นั่นไง เขามาแล้ว"

"เป๊ะ เวอร์" ภัครมนก้มมองนาฬิกาเรือนสวยที่คุณตาสุดที่รักซื้อให้เป็นของขวัญ ก่อนจะพบว่าอีกหนึ่งนาทีก็จะถึงสิบเอ็ดโมง แต่ตอนที่เขาเดินมาถึงโต๊ะก็สิบเอ็ดโมงพอดี

"สวัสดีครับคุณวีร์" เจฟเอ่ยทัก

'ดะ เดี๋ยวนะ วีร์งั้นหรอ โลกคงไม่กลมขนาดนั้นหรอกมั้ง'

"ค คุณ!!"

"แซนดี้ นี่คุณวีร์ประธานบริษัทนิสที่เราต้องร่วงงานด้วย" ด้วยความเป็นชาวต่างชาติทำให้ไม่สามารถอ่านชื่อเต้มของบริษัทอีกฝ่ายได้ วีร์จึงให้เขาเรียกบริษัทของตนว่านีสเพียงเท่านั้น ทั้งที่ชื่อเต็ม ๆ แล้วคือนิวัศวงศ์

"ต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่คนของผมเสียมารยาท"

"ไม่เป็นไรครับ"

"เร็วสิแซนดี้ ทำความรู้จักเขา" เจฟพูดกระซิบให้ได้ยินกันสองคน เพราะจนป่านนี้แล้วแซนดี้ก็ม่ยอมทักทายอีกฝ่ายสักที

"ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ฉันแซนดี้ค่ะ" ถึงจะรู้ว่าเขาเป็นคนไทย แต่เธอก็แนะนำชื่อที่เธอใช้สำหรับพูดคุยกับคนที่นี่กับเขา เพราะถ้าแสนดีชื่อไทยนั้นจะมีแค่คุณตาคุณยายและพ่อวินท์แม่ขวัญของเธอที่ไทยเท่านั้น ที่เรียก

"ครับ"

"ถ้าอย่างนั้นเรามาเริ่มกันเลยไม่ครับจะได้ไม่เป็นการเสียเวลา" เจฟว่าขึ้นทำลายความเงียบ ไม่รู้สิเขาสัมผัสได้ว่าคุณวีร์มองคนของเขาแปลก ๆ แถมสองคนนี้ยังมีท่าทีเหมือนกับว่าเคยเจอกันมาก่อนอีกด้วย ไม่ได้การล่ะ กลับไปบริษัทต้องถามแซนดี้ให้รู้เรื่อง

"นี่คือแบบที่ฉันร่างไว้จากรายละเอียดที่คุณส่งมาค่ะ" แบบร่างในจอแลปท็อปถูกเลื่อนเปิดให้อีกฝ่ายดูทันที ก่อนที่เขาจะนั่งดูมันอย่างเงียบ ๆ โดยยังไม่ลงความเห็นใด เห็นเขาเงียบฟังและตั้งใจดูแบบนั้นเธอจึงพูดอธิบายไปเรื่อย ๆ

"เคาท์เตอร์ต้อนรับฉันเลือกเป็นหินอ่อนสีขาวจะได้ตัดผืนไม้สีเข้มด้านหลัง"

"แต่ที่ผมรีเควสไปเข้ม"

"แต่สีเข้มที่คุณเลือกมันจะกลืนไปกับผนังตกแต่งด้านหลังนะคะ" เธอเถียงเขากลับ อยู่อยู่หรอกว่าขอมาแบบนี้ แต่ถ้าเธอทำตามมันจะดูไม่สวย ไม่ใช่ว่าเธอยังไม่ลองทำตามคำขอของเขาสักหน่อย แล้วอีกอย่าง เวลาเธอปรับแก้อะไรลูกค้าก็มักจะเห็นด้วยอยู่เสมอ เพราะไม่ว่ายังไง เธอก็อย่างให้สิ่งที่ดีที่สุดกับลูกค้าอยู่แล้ว แต่หากลูกค้าไม่ชอบจริง ๆ เธอก็จะปรับไปเป็นแบบเก่าตามที่ลูกค้าต้องการ แต่กับเขา! เธอกลับไม่อยากจะยอมเขาง่าย ๆ เสียดื้อ ๆ

"คุณเจฟครับอินทีเรียร์ของคุณสามารถปรับแก้อะไรตามอำเภอใจแบบนี้ได้หรอครับ"

"เอ่อ เดี๋ยวผมจะให้แซนดี้ลองแก้แบบให้อีกทีนะครับ"

"แต่เจฟคะ แซนดี้ลองปรับเป็นสีเข้มตามที่เค้าบอกแล้วนะคะ แต่มันไม่เวิร์ค นี่ดูสิคะ" ว่าจบก็เปิดดูแบบสีเข้มตามที่เธอออกแบบไว้ตามคำขอของเขาขึ้นมา

"ถ้าตรงเคาท์เตอร์มันเป็นสีเข้มไม่ได้ คุณก็ควรจะปรับในส่วนอื่นให้ตรงเคาท์เตอร์เข้มเพื่อที่จะรับกันได้นี่ครับ ไม่ใช่มาปรับสเปคที่ผมล็อคไว้แบบนี้"

"นี่!"

"แซนดี้" มือหนาจับมือของลูกน้องไว้ทันที ก่อนจะส่ายหัวน้อย ๆ เป็นเชิงห้าม เมื่อเห็นว่าคุณเธอจะลุกขึ้นพูดโต้เถียงอีกฝ่าย ซึ่งสิ่งที่วีร์พูดมามันก็ถูก หากแบบนี้เคาท์เตอร์เป็นสีเข้มไม่ได้ เราก็สามารถปรับในส่วนอื่นให้รับกับเคาท์เตอร์ได้ แต่งานนี้เป็นของแซนดี้ เขายกอำนาจการตัดสินใจทั้งหมดให้เธอ เพียงแต่ตามดูแลอยู่ห่าง ๆ เท่านั้น จึงไม่สามารถพูดอะไรมากได้

"เอาเป็นว่าเดี๋ยวทางเราปรับแก้เสร็จยังไง จะนัดคุณวีร์อีกทีนะครับ ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะครับ"

"ไม่เป็นไรหรอกครับ แต่คุณก็ควรสอนเรื่องมารยาทในการปฏิบัติตัวต่อลูกค้ากับคนของคุณให้ดีหน่อย หวังว่าครั้งหน้าผมคงไม่เจอเหตุการณ์แบบนี้อีก"

"ครับ ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะครับ...แซนดี้ขอโทษคุณวีร์" ประโยคหลังเจฟพูดเสียงเบาบอกกับคนข้าง ๆ ที่ยังคงนั่งชาย จองอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง ยัง ยังไม่รู้ตัวเองว่าทำอะไรไว้

"ซอรี่"

"หึ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ" ว่าจบก็ลุกขึ้นจัดสูทให้เข้าที่ก่อนจะเดินออกไปทันที อย่างไม่สนใจคนตัวเล็กที่นั่งหน้าบูดอยู่ ๆ ข้าง ๆ เจพเลยแม้แต่น้อย

"แซนดี้ ทำไมถึงพูดแบบนั้นกับลูกค้า"

"เจฟ ก็ดูสิลูกค้าสิ เค้าไม่ยอมฟังเหตุผลของแซนดี้เลย"

"แต่เราเป็นคนรับงานเราต้องถามตามที่ลูกค้าบอก"

"ก็..."

"แซนดี้กับคุณวีร์เคยเจอกันมาก่อน แล้วมีปัญหากันใช่ไหมเพราะปกติถ้าลูกค้าสั่งแก้แซนดี้ไม่เคยคิดจะค้านลูกค้าหัวชนฝาแบบนี้"

"ไม่ แซนดี้ไม่เคยรู้จักกับเค้า และไม่คิดจะอยากรู้จักด้วย"

"หมดธุระแล้วงั้นแซนดี้ไปหาอะไรกินดีกว่า ยังพอมีเวลาก่อนจะถึงเวลาเริ่มงาน"

"แต่เราพึ่งกินไปนะ" เจฟว่าขึ้น เพราะระหว่างรอและคุยงานพวกเขาก็สั่งอาหารและของว่างเล็ก ๆ น้อย ๆ มาทานกัน

"ไม่อิ่ม"

"เหอะ จะกินเผื่อวันพรุ่งนี้เลยหรือไง"

"ก็ประมาณนั้น แซนดี้ฝากเก็บของกลับบริษัทด้วยนะ บ๊าย" ว่าจบหยิบกระเป๋าใบสวยขึ้นสะพายแล้วเดินออกจากร้านไปในทันที ทิ้งให้ เจฟมองตามอย่างเคือง ๆ

กริ๊ง กริ๊ง

เสียงกดอ๊อดที่ดังขึ้นทำให้คนที่กำลังจะปลดปล่อยหัวเสียขึ้นมาทันที

"จะไปไหนคะ"

"..." เขาเลือกที่จะไม่ตอบ มือหนาหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาพันกายก่อนจะเดินไปเปิดประตูด้วยความหงุดหงิด

"มีอะไร" เพราะคิดว่าเป็นเลขาที่พึ่งเอาเอกสารมาให้เซ็นต์ เขาจึงเอ่ยถามเสียงห้วน เพราะอารมณ์กำลังคุกรุ่นอยู่ เนื่องจากมีคนมขัดจังหวะเวลาผ่อนคลายของเขา

"อรึก ฉันมารบกวนคุณรึเปล่า" เสียงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ทำให้ขรินทร์ต้องเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปาก เมื่อเห็นว่าเป็นเธอ

"แล้วคุณคิดว่าไง" ดวงตาคมมองต่ำมาตามร่างกายเปลือยเปล่าของตัวเองที่มีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวปกปิดไว้ให้เธอมองตาม

"โรคจิต!"

"ทำไมออกมานานจังเลยค่ะ" สาวผมบลอนในชุดคลุมอาบน้ำ เดินนวยนาดเข้ามาหาคนทั้งคู่ กอดจะวาดแขนสวมกอดชายหนุ่มร่างกายกำยำไว้จากด้านหลัง

"แล้วเธอคนนี้เป็นใครกัน"

"แค่คนบ้านข้าง ๆ น่ะ อย่าไปสนใจเลย เราไปต่อกันดีกว่า"

"ดะ เดี๋ยวสิ" เสียงหวานเอ่ยขัดขึ้น เมื่อเห็นว่าคนทั้งคู่กำลังจะเดินกลับเข้าไปข้างใน ไม่บอกก็รู้ว่าจะไปทำอะไรกันต่อ แต่เรื่องนี้มันก็สำคัญกับเธอเหมือนกัน

"มีอะไร" เสียงเข้มติดหงุดหงิดเล็กน้อย เอ่ยถามคนตัวเล็กที่ยังคนยืนอยู่ด้านนอก โดยไม่แม้แต่จะหันมอง

"ฉันขอยืมห้องน้ำของคุณอาบน้ำได้ไหม น้ำบ้านฉันไม่ไหล" ถ้าไม่ติดว่าวันนี้เธอตะลอน ๆ ไปพบลูกค้าข้างนอกทั้งวัน จนเหนียวตัวไปหมด เธอจะไม่บากหน้ามาขอร้องเขาเด็ดขาด จะไปบ้านอื่นเธอก็ไม่รู้จัก อยากน้อยเขาก็เป็นคนที่คุณตาคุณยายรู้จัก เขาคงจะไว้ใจได้...

"แล้วผมจะได้อะไรตอบแทน" เขาว่าเสียงเรียบ ก่อนจะหันมานัวเนียกับหญิงสาวข้างกาย โดยไม่สนใจเธอที่ยืนอยู่ด้านหลังเลยแม้แต่น้อย

"เดี๋ยวฉันจะจ่ายค่าน้ำให้คุณ"

"ผมมีเงินมากพอ"

"แล้วคุณต้องการอะไร"

"หึ ห้องน้ำอยู่ชั้นสองขวามือ" เขาไม่ตอบในสิ่งที่ต้องการ เพียงแต่หันไปบอกตำแหน่งห้องน้ำกับเธอเท่านั้น ก่อนจะหันไปนัวเนียสาวสวยร่างสะบึ้มข้างกายต่อ เพื่อจบกิจกรรมที่คั่งค้างเมื่อครู่

"ทุเรศ" ภัครมนบ่นอุบ เธอก็ยืนอยู่ตรงนี้ อดทนหน่อยไม่ได้หรือไง รู้อยู่หรอกว่านี่เป็นบ้างเขา แต่ก็ควรเกรงใจแขกอย่างเธอบ้าง

"หึ"

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel