2 บุคคลปริศนา
"ได้ติดต่อน้องบ้างรึเปล่าวีร์" เสียงใสของขวัญข้าวเอ่ยถามลูกชาย ที่กำลังจะไปเรียนต่ออีกไม่กี่วันข้างหน้า พร้อมทั้งยังไปขยับขยายธุรกิจของครอบครัวอยู่ที่นั่นไปด้วยเลย นั่นก็คือธุรกิจส่งออกไวน์ของไร่อาทิตย์และธุรกิจโรงแรมนั่นเอง
"..." ดวงตาคมวูบไหวเล็กน้อยเมื่อแม่พูดถึงเธอคนนั้น น้องน้อยที่ขาดการติดต่อกับเขาไปเกือบสิบปี สิบปีแล้วที่เธอไม่ติดต่อกลับมาหาพี่ชายคนนี้เลย ไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุอะไรเธอถึงไม่ยอมติดต่อกลับมาหาเขาเลย เธอคงจะมีรักครั้งใหม่แล้วลืมพี่ชายอย่างเขาแล้วก็ได้ หึ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามเขาไม่สนใจอีกแล้ว ว่าเธอจะเป็นยังไง เธอเลือกที่จะหนีหายไปเอง
และไม่ใช่ว่าเขาจะไม่พยายามติดต่อหาเธอเลย ช่วงสามปีแรกเขาลองแล้วทุกช่องทางที่เคยใช้พูดคุยกัน แต่ผลที่ได้คือว่างเปล่า ไม่ว่าจะเป็นอีเมล ช่องแชท เธอก็ไม่ตอบกลับมาเลย อย่าว่าแต่ตอบกลับเพียงแค่เปิดอ่านเธอก็ไม่ทำมัน หรือแม้แต่โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้เหมือนกับว่าเธอเปลี่ยนเบอร์ใหม่ เพื่อตัดการติดต่ออย่างไรอย่างนั้น หึ
"เดี๋ยวไปอยู่นั่นก็คงจะได้เจอกัน" วายุว่าขึ้นแทนลูกชายที่เอาแต่นั่งเงียบ ไม่ตอบอะไรเลย ซึ่งมันก็เป็นปกติของลูกชายของเขาอยู่แล้วในช่วงสิบปีมานี้ เพราะว่าแต่ก่อนก็พูดคุยปกติ พอเข้าสู่ช่วงมัธยมปลายนี่แหละก็เริ่มพูดน้อยเก็บตัว เขากับภรรยาก็คิดว่าน่าจะเป็นเพราะช่วงวัยของลูกเลยไม่ได้อะไรมาก เพราะลูกอาจจะต้องการความเป็นส่วนตัว แต่ไม่นานก็เริ่มที่จะรู้สาเหตุ
จากปกติที่มักจะพูดถึงสาวน้อยที่ไปเรียนไกลถึงอเมริกาให้พ่อกับแม่ฟัง คอยอ้อนให้พาไปหาน้องทุกซัมเมอร์ อยู่ ๆ ก็เลิกพูดถึงและเลิกอ้อนไปอย่างไร้สาเหตุ เขากับภรรยาเลยลงความเห็นกันว่าอาจจะทะเลาะกับอดีตลูกสาวที่เขาเคยอุปการะ แต่เท่าที่เขาพูดคุยกับคุณปู่คุณย่ากับทางนั้นก็ดูเหมือนว่าสาวน้อยจะปกติดี สดใสร่าเริงยิ้มแย้ม จะผิดปกติก็แต่ลูกชายเขาสินะ หึ
นี่ก็ต้องไปเรียนต่อและทำงานอยู่ที่นั่นด้วย ไม่รู้ว่าพอเจอกันแล้วจะเป็นยังไง เขาก็หวังว่าทุกอย่างมันจะเป็นไรด้วยดี เพราะเขาเบื่อจะเห็นหน้าซังกะตายของไอลูกชายเต็มทีละ จะทำหน้านิ่งเย็นชาไปถึงไหน ไม่รู้หรือไงว่าแม่มันเป็นห่วง
"หึ ไม่หรอกครับ"
"ผมขอตัวไปตรวจดูเอกสารก่อนนะครับ รักแม่นะครับ" ว่าจบก็ลุกขึ้นเดินไปหอมแก้มแม่เบา ๆ ก่อนจะเดินขึ้นไปห้องทำงานต่อ โดยไม่สนใจสายตาขวางของพ่อที่มองมาเลยแม้แต่น้อยที่มาหอมแก้มเมียสุดรักสุดหวงของเขา ที่หวงแม้แต่กับลูกชาย
"พี่วินท์ว่าเราคิดถูกรึเปล่าคะ"
"ก็คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามโชคชะตา แต่พี่เชื่อนะว่าเจ้าวินท์น่ะรักแสนดีมาก มันไม่ปล่อยแสนดีไปง่าย ๆ หรอก"
"แต่ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะไม่ได้ติดต่อกันนานแล้วนะคะ ขวัญกลัวว่าทุกอย่างมันอาจจะไม่เหมือนเดิมแล้ว อีกอย่าง เรื่องในตอนนั้นเราก็ยังไม่ได้บอกลูกเลยด้วย..."
"เอาน่า ถ้าทั้งสองคนเป็นคู่กันแล้วก็คงไม่แคล้วกันหรอก เหมือนเราไง"
"ชิห์ ขวัญไม่คุยด้วยแล้ว ไปเตรียมของว่างให้ลูกดีกว่า"
"พี่ก็ทำงานนะ ลูกไม่ได้ทำคนเดียวสักหน่อย"
"ยังไม่เลิกอิจฉาลูกอีกหรอคะ"
"ก็พี่กลัวขวัญรักลูกมากกว่านี่นา"
"พี่วินท์คะ นี่ลูกนะคะ" เธอล่ะเชื่อกับเขาเลยจริง ๆ
...
อีกฝั่งของนครที่ไม่มีวันหลับใหล ร่างบางในชุดเดรสรัดรูปสีดำเดินอวดหุ่นสวย เดินเข้าไปในสถานที่ที่เต็มไปด้วยแสง สี เสียง และเหล่าผีเสื้อราตรี ให้หนุ่มตาน้ำข้าวมองตามเธออย่างไม่ละสายตา บ้างก็ถึงกับเดินมาขอเธอไปต่อตรง ๆ เลยก็มี อย่างที่รู้กันว่าเป็นเมืองเสรี
"แซนดี้ทางนี้" สาวผมบลอนในชุดเดรสสั้นสีแดงเพลิงเอ่ยเรียกเพื่อนสาวชาวเอเชีย
"ขอแบบเดิมแล้วกัน" เมื่อมาถึงก็เอ่ยบอกกับเพื่อนที่กำลังจะเอ่ยถามว่าวันนี้เธอจะรับอะไร ซึ่งไม่ทันที่เพื่อนจะอ้าปากพูด เธอก็รู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายจะพูดว่าอะไร
"พวกเธอสองคนแต่งให้มันเบา ๆ หน่อยได้ไหม ฉันเบื่อสายตาที่พวกผู้ชายมองมาโต๊ะเราจะแย่"
"คริส นี่มันเทคนะไม่ใช่โบสถ์" โรซี่ หรือโรสว่าขึ้น
"ไม่ใช่เพราะหึงหรือไง" หญิงสาวชาวเอเชียหนึ่งเดียวในโต๊ะว่าขึ้น
"หึงบ้าอะไร ฉันไปละ" ว่าจบก็ถือแก้วไวน์เดินออกไปหาสาวสวยที่ส่งสายตาให้เขาอยู่ก่อนหน้าทันที อย่างไม่คิดจะสนใจในคำพูดของแซนดี้เพื่อนสาวเลยแม่แต่น้อย
"ชิห์จะไปก็ไปสิ จะมาบอกทำไม"
"ไปเต้นกัน" ภัครมนเอ่ยชวนเพื่อนสาวที่เริ่มอารมณ์ไม่ดี
"แป๊บ โรสขอหมดแก้วนี้ก่อน" ว่าจบก็สาดน้ำสีอำพันลงคอทันที ภัครมนเองก็เช่นกัน พรุ่งนี้เป็นวันหยุด เพราะงั้นคืนนี้เต็มที่ ไม่มีอะไรต้องกังวล
ร่างบางของสองสาวเพื่อนรักโยกย้ายส่ายสะโพก วาดลวดลายไปตามจังหวะเพลงอย่างเมามัน โดยมีสายตาคมจากมุมมืดมองเธอ พร้อมกับกระดกเหล้าในมืออย่างเงียบ ๆ
"หึ"
"กลับกันเถอะแซนดี้ โรสเริ่มไม่ไหวแล้ว" โรซี่เอ่ยบอกเพื่อนสาวที่ยืนเต้นอยู่ใกล้ ๆ เพราะเธอรู้สึกว่าโลกมันจะเริ่มหมุนแล้ว
"งั้นแซนดี้ขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ จะไปด้วยกันไหม" ภัครมนว่าขึ้น เพราะเธอเองก็เริ่มจะไม่ไหวเหมือนกัน ก่อนจะขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เพราะวันนี้ดื่มค่อนข้างเยอะทำให้เธอปวดเบาอยู่บ่อย ๆ
"โรสขอนั่งรออยู่ตรงนี้แล้วกัน" จะให้เดินไปกับแซนดี้ มีหวังได้หัวคะมำตั้งแต่ยังไม่ถึงห้องน้ำแน่
"งั้นเดี๋ยวแซนดี้ไปบอกให้คริสมานั่งเป็นเพื่อนแล้วกัน" เห็นเพื่อนดูท่าจะไม่ไหวเอามาก ๆ เธอจึงไม่อยากปล่อยเพื่อนไว้คนเดียว
"หมอนั่นไม่มาหรอก ป่านนี้ไปกกอยู่กับแม่สาวนมโตแล้วมั้ง แซนดี้รีบไปเถอะไม่ต้องเป็นห่วงโรส โรสโอเค" เห็นสายตาเป็นห่วงของเพื่อน โรสจึงเอ่ยบอกให้เพื่อนสบายใจ แค่นี้สบายเธออยู่ได้
"ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวแซนดี้จะรีบไปรีบกลับนะ" สายตาเหลือบไปเห็นคริสตินเดินมายังโต๊ะที่พวกเธอนั่งอยู่พอดี ก็เลยตัดสินใจเดินออกไปอย่างหายห่วง โดยไม่รู้เลยว่าตัวเองนั่นแหละ ที่น่าเป็นห่วงมากกว่าใคร
"จำได้ว่าเข้าครั้งก่อนพื้นมันไม่เอียงนี่" คนเมาว่าขึ้น หลังจากเดินมาได้สักพักพื้นมันก็เริ่มเอียง
"นี่ปล่อยฉันนะ" มือบางยกขึ้นผลักชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งตาน้ำข้าวให้ออกจากตัว หลังจากที่เธอเข้าห้องน้อง ล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นแล้ว เดินออกมาก็ถูกอีกฝ่ายเกี่ยวรั้งเอวบางเข้าไปกอด
"ไปต่อกันดีกว่าที่รัก"
"ต่อบ้าอะไรขอแก ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!!"
ผลัก
แรงที่มีผลักให้ตัวเองหลุดจากพันธการ ก่อนจะตีเข่าใส่กล่องดวงใจของอีกฝ่าย แล้วใช้จังหวะที่อีกฝ่ายกำลังกุมกล่องดวงใจด้วยความเจ็บปวด เดินเซออกมาทันที
"เมื่อกี้ก็พึ่งจะล้างหน้าไปให้สร่าง ไหงมารู้สึกโลกหมุนอีกแล้วล่ะเนี่ย บ้าชะมัด"
ผลัก
"อารายอีกเนี่ย" พึ่งจะหลุดจากอีกคนก็มาชนเข้ากับอีกคน นี่มันวันบ้าอะไรเนี่ยเธออยากกลับบ้านไปนอนจะแย่แล้ว
"หึ"
"ปล่อยฉ้านนะ" น้ำเสียงคนเมาว่าขึ้น ก่อนจะพยายามดินหลุดจากมือหนาที่รวมข้อมือบางของเธอไว้เหนือหัว ติดกับผนังทางเดิน ลมหายใจอุ่น ๆ เป่ารดต้นคอ ให้เธอต้องเบือนหน้าหนี กล่าวว่าอีกฝ่ายให้ปล่อยตนไป
"อายโรคจิต ปล่อยฉ้านนะ ไอบ้า จะทำอะไร!" คนเมาว่าขึ้นเสียงสั่น เมื่ออยู่ ๆ อีกฝ่ายก็ดูดเม้นเข้าที่ซอกคอขาวเนียน จนเกิดรอยแดงช้ำ สีกุหลาบ
"หึ"
"เป็นบ้าอะไรเนี่ย!!" เธอขึ้นอย่างหัวเสีย มาดูดคอเธอแล้วก็ไปเนี่ยนะ แถมตรงที่ยืนอยู่ก็เป็นแสงสลัว ๆ มองไม่เห็นหน้าว่าอีกฝ่ายหน้าหน้าตาเป็นยังไง แต่เธอรับรู้ได้ว่าเขาสูง และก็แรงควายเอามาก ๆ จะตามไปเอาเรื่องแต่สภาพตอนนี้ก็ของตัวเองในตอนนี้ เดินไปถึงโต๊ะและกลับบ้านได้ก็หรูแล้ว
"ก็แค่ดูดคอ ถ้าฉันเห็นหน้านายละก็ ครั้งหน้าฉันจะ..." ภัครมนว่าขึ้นอย่างหัวเสีย ระหว่างเดินกลับไปยังโต๊ะ
"ฉันจะอะไร" แต่เธอพูดยังไม่ทันจบก็มีเสียงแหบพร่าดังคลอเคลียอยู่ข้างหู จนเธอผงะถอยหลังอย่างไม่ทันตั้งตัว แผ่นหลังบางสัมผัสเข้ากับอกแกร่งของคนด้านหลัง พาให้เธอสะดุ้งตัวไปด้านหน้าอีกรอบแต่ครั้งนี้ไม่มีอะไรมารองรับอยู่ด้านหน้า ทำให้คนเมากรึ่ม ๆ ล้มหน้าคะมำอย่างเลี่ยงไม่ได้
"อ้ะ ไอ้!" จะหันไปว่าคนเขาแต่ก็พบกับความว่างเปล่า มีเพียงสูธตัวใหญ่ที่เขาโยนมันคลุมต้นขาขาวเนียนของเธอที่เดรสสั้นมันร่นขึ้นมาเผยให้เห็นอะไรต่อมิอะไร จากการล้มเมื่อครู่
"ฉันไม่ขอบคุณ คุณหรอกนะ ฉันรู้ว่าคุณได้ยินมัน ส่วนสูทราคาแพงนี้ ฉันขอแล้วแล้วกัน" ว่าจบก็ค่อย ๆ พยุงร่างตัวเองลุกขึ้นยืน ก่อนจะใช้สูทที่บุคคลปริศนาทิ้งไว้มาคลุมเดรสตัวสั้นจิ๋วของตัวเอง ขาเรียวรีบก้าวไปยังโต๊ะทันที ขืนเธอมัวแต่เดินช้าอยู่อีก มีหวังไอโรคจิตนั่นได้มาป่วนอีกแน่
"ฝากไว้ก่อนเถอะ" หน้าก็ไม่เห็น เมื่อกี้อยู่ที่สว่างพอจะเห็นหน้าแล้วเชียว แต่อยู่ ๆ เขาก็หายไป ทำตัวลึกลับจริง แปลกคน แต่อย่าให้มีครั้งหน้าอีกแล้วกัน เธอไม่ยอมให้เขาแกล้งอยู่ฝ่ายเดียวอีกแน่
