1 อดีต
ดวงตาคมทอดมองแสงตะวันที่เริ่มลับขอบฟ้า ก่อนจะนึกถึงอดีตที่ผ่านมา อดีตที่ทำให้เขาต้องเจ็บและกลายเป็นคนที่ทุกคนว่าเขาไร้หัวใจตอนนี้
“พี่วีร์จะพาแสนดีไปไหนหรอคะ”
“…”
“เดี๋ยวคุณพ่อกับคุณแม่มารับจะไม่เห็นพวกเรานะคะ”
“พาไปเดินเล่น”
“เดินเล่นหรอคะ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวแสนดีส่งข้อความไปบอกคุณแม่ก่อนดีกว่าค่ะ เดี๋ยวคุณแม่มาแล้วไม่เห็นจะเป็นห่วง”
“ไม่ต้อง พ่อบอกพี่แล้วว่าวันนี้จะมารับช้า ให้พาเราไปเดินเล่นก่อน”
สรรพนามที่เคยใช้ค่อย ๆ เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ เมื่อสองพี่น้องเริ่มสนิทกันมากขึ้น ด้วยความขี้อ้อนให้มาเล่นด้วยกันของน้องสาว แล้วด้วยมีกันอยู่สองคนพี่น้องสถานการณ์จึงบังคับให้ทั้งสองต้องเล่นหรือทำกิจกรรมหลาย ๆ อย่างร่วมกันไปโดยปริยาย
อีกทั้งยังต้องเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน ชั้นเดียวกัน ห่างกันแค่ห้องเท่านั้นเพราะขรินทร์จะอยู่ห้องแรก ส่วนเธออยู่ห้องสอง เพราะผลการเรียนของเขานั้นดีเลิศ ส่วนเธอ…ถึงจะชอบอ่านหนังสือมากแค่ไหนแต่ก็ยังเอาชนะเขาหรือพี่ ๆ ที่เกิดก่อนเธอไม่ได้อยู่ดี ด้วยอายุที่คาบเส้นเพราะเกิดต้นปีทำให้เธอได้อยู่ชั้นเดียวกันกับพี่ชายดั่งใจหวัง แต่ก็ไม่สมหวังไปเสียทั้งหมด เพราะเขานั้นอยู่อีกห้อง… แต่ถึงอย่างนั้นความสนิทที่มีนั้นก็มากขึ้น ถึงขั้นเหนียวแน่นเลยก็ว่าได้
“งั้นวันนี้เราจะไปไหนกันดีคะ…” วันสุดท้ายแล้วที่แสนดีจะได้เล่นกับพี่วีร์แบบนี้ วันสุดท้ายแล้วที่เราจะได้เดินเล่นด้วยกัน ฮึก พอคิดได้แบบนั้นก็น้ำตาตกในทันที ดวงตาคู่สวยแดงก่ำ ก่อนจะมีหยาดน้ำตาคลอน้อย ๆ เธอไม่รู้ว่าความความรู้สึกนี้คืออะไร แต่เธอไม่อยากจากพี่ชายตรงหน้าที่แสนดีคนนี้ไปเลย ฮึก เธอไม่อยากห่างจากพี่ชายเลยจริง ๆ
“ไม่เอาน่า อย่าร้อง เราไม่ได้จากกันตลอดสักหน่อย เรายังติดต่อกันได้ตลอดนี่ จริงไหม” ถึงจะพูดไปแบบนั้นก็เถอะ เขาเองก็ไม่อยากห่างเธอไปแบบนั้น แต่ถ้ามัวแต่มานั่งเสียใจ คงจะไม่มีเวลาสร้างความทรงจำดี ๆ ร่วมกันพอดี เพราะฉะนั้นเขาต้องทำแข็งใจ ไม่แสดงความเสียใจให้เธอได้เห็น
ทั้งที่ในใจก็รู้สึกเจ็บปวดไม่ต่างจากเธอ
“หัวแสนดียุ่งหมดแล้ว พี่วีร์เล่นอะไรเนี่ย อา ผมแกะก็หลุดด้วย” มือบางยกขึ้นปัดมือพี่ชายออกจากผมเธอทันที ที่อยู่ ๆ พี่ชายก็เอามือมา ยีหัวเธอแรง จนผมเปียแกะที่แม่ขวัญมัดให้เธอไว้หลุดออก
“หลุดก็มัดใหม่ได้นี่”
“แต่นี่แม่ขวัญมัดให้แสนดีนะคะ” ว่าแล้วก็ทำหน้าเศร้าขึ้นมาอีกทันที เมื่อคิดได้ว่านี่ก็คงจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วเหมือนกันที่เธอจะได้มัดผมสวย ๆ แบบนี้… ทั้งที่เมื่อกี้เขาแกล้งให้เธอยิ้มได้แล้วแท้ ๆ
“แสนดี…แสนดี” เสียงเรียกชื่อน้องสาวดังขึ้นอยู่ถึงสองครั้ง ทำให้พี่ชายที่มีความรู้สึกเกินพี่น้องหันไปมองด้วยสายตาดุ ๆ และยิ่งจ้องอีกฝ่ายตาเขม้นเมื่อน้องสาวตนยิ้มให้อีกฝ่าย
“อ่าวซี มีอะไรรึเปล่า” มือบางยกขึ้นรวบผมมัดไว้ลวก ๆ ก่อนจะเดินไปหาเพื่อนร่วมห้องที่ถือถุงกระดาษสีหวานในมือ
“วันนี้เป็นวันเกิดแสนดี เราเลยอยากเอาของขวัญมาให้น่ะ”
“ขอบคุณนะ” ภัครมนยิ้มรับ ก่อนจะรับเอาของขวัญวันเกิดมาถือไว้
“ในนั้นมีผ้าพันคอกับยางมัดผมนะ เราเห็นแสนดีชอบมัดผมเราเลยซื้อมาให้ ส่วนผ้าพันคอ…แสนดีจะต้องไปอยู่เมกา เรากลัวแสนดีจะหนาว ล แล้ว….”
“พรุ่งนี้เราคงจะไม่ได้เจอแสนดีแล้ว คือเรา เรามีเรื่องจะบอกแสนดี…”
“แสนดีไปกันเถอะ” คนที่ทนฟังน้องสาวพูดคุยกับเพื่อนร่วมห้องอยู่นานถึงกับเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายจะมาพูดอะไรกับน้องสาวของตน
“เดี๋ยวสิคะพี่วีร์ ซีมีอะไรจะพูดกับแสนดี แสนดียังไม่ได้ฟังเลย”
“เดี๋ยวคุณพ่อจะมารับแล้ว ถ้าไม่รีบไปเดินเล่นตอนนี้ จะไม่มีเวลาแล้วนะ”
“ซี งั้นเราขอตัวก่อนนะ ขอบคุณนะสำหรับของขวัญ :) ” เมื่อได้ยินพี่ชายพูดมาแบบนี้ก็รีบเอ่ยลาเพื่อนร่วมชั้นทันที เพราะเธอเองก็อยากมีเวลาอยู่เล่นกับพี่ชายนาน ๆ ก่อนจากกันเช่นกัน อันที่จริงวันนี้เธอสามารถกลับบ้านได้เลยตั้งแต่ช่วงเที่ยงของวัน เพราะว่าวันนี้เธอมาเพียงแค่บอกลาเพื่อน ๆ เท่านั้น
แต่กลับถูกครูประจำชั้นและเพื่อน ๆ รวมตัวกันจัดงานเลี้ยงส่งเธอเล็ก ๆ ทำให้เธอได้อยู่ต่อ แต่แบบนี้มันก็ดีเหมือนกันเธออยากเก็บความทรงจำที่มีร่วมกันกับทุกคนไว้ ความทรงจำดี ๆ ที่ได้ทำอะไรร่วมกัน…
“เราชอบเธอแสนดี เราชอบเธอ!” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวที่ตนรักถูกพี่ชายจูงมือไป ก็รีบสารภาพความในใจทันที เขาแอบรักเพื่อนร่วมห้องมานานหลายปีแล้ว เขาตั้งใจจะบอกเธอเมื่อเรียนจบมัธยมต้น แต่ก็ไม่คิดว่าเธอจะต้องย้ายโรงเรียนแบบนี้ แถมย้ายไปไกลถึงอเมริกาเสียด้วย หากไม่ได้บอกตอนนี้คงจะไม่มีโอกาสแล้ว เพราะพรุ่งนี้เธอก็ไม่อยู่แล้ว
“ซี…” ขาเรียวที่ก้าวเดินตามพี่ชายหยุดชะงักเมื่อได้ยินคำสารภาพรักจากเพื่อน ซึ่งพี่ชายเธอเองก็หยุดเดินเหมือนกัน เพราะเขาเองก็อยากรู้ว่าน้องสาวเขาจะตอบกลับอีกฝ่ายไปว่าอย่างไร
“แสนดีล่ะ รู้สึกยังไงกับเรา”
“แสนดี แสนดี…”
“แสนดีจะไม่ความรู้สึกอะไรให้กับนายทั้งนั้น ฉันไม่อนุญาตให้น้องฉันมีแฟน หรือมีความรักในตอนนี้” ว่าจบก็จูงมือน้องสาวที่ว่าเดินออกมาทันที
เขาเห็นท่าทางอ้ำอึ้งของเธอแล้วก็รู้สึกเจ็บขึ้นมานิด ๆ ในใจ ไม่รู้ว่าเธอมีความรู้สึกดี ๆ อะไรให้กับมันรึเปล่าถึงได้ดูทำตัวไม่ถูกแบบนั้นแบบนั้น
“พี่วีร์เดินช้า ๆ ค่ะ แสนดีเดินตามไม่ทัน” ถูกพี่ชายจูงมือเดินออกมาแบบนี้ทั้ง ๆ ที่เธอยังพูดกับเพื่อนชายไม่จบแบบนี้ แต่เธอกลับไม่รู้สึกโกรธพี่วีร์ของเธอเลย ออกจะขอบคุณเสียด้วยซ้ำที่พาเธอเดินออกมาจากสถานการณ์ที่ลำบากใจนั้นได้ ความรักหรอ? ความรักมันคืออะไรกันล่ะ มันใช่แบบที่เธอรักคุณพ่อกับคุณแม่ไหม หรือมันใช่แบบที่เธอรักกับพี่วีร์รึเปล่า…
ดวงตาคู่สวยมองไปตามมือที่ถูกจับจูงโดยพี่ชายแสนดีของเธอ รักมันคืออะไรกันนะ แล้วความรู้สึกแปลก ๆ ที่เธอมีให้พี่ชายตรงหน้านี้มันคืออะไรกันแน่
“ถึงแล้วล่ะ”
“สวนสาธารณะ?”
“อืม ใช่ ทำไมหรอ”
“ป เปล่าค่ะ แสนดีแค่แปลกใจ ไม่คิดว่าพี่วีร์จะพาแสนดีมาที่นี่”
“ก็เมื่อห้าปีก่อน มีใครไม่รู้ร้องอยากกินสายไหม อยากถีบเรือเป็ด”
“ใครหรอคะ ทำไมแสนดีไม่เห็นจำได้ แสนดีรู้จักรึเปล่าคะ” เสียงหวานเอ่ยถามพี่ชายด้วยความสงสัย
“รู้จักสิ รู้จักดีด้วย”
“งั้นบอกแสนดีได้ไหมคะ ว่าเป็นใคร”
“ไปซื้อสายไหมกันดีกว่าตอนนี้ยังไม่มีคนต่อแถวด้วย ไปเร็ว” กรวีร์เลือกที่จะไม่ตอบ มือหนาออกแรงดึงเบา ๆ ให้เธอเดินตามเขาไป บอกไปให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าลำบากหรือยังไง ถ้าเธอรู้ว่าเป็นสิ่งที่เธออยากทำเมื่อตอนยังเด็กแล้วเขาจำได้ มีหวังได้ซักไซ้เขาไม่หยุดแน่
“อากาศดีจังเลยค่ะ ลมผัดเบา ๆ แสนดีอยากอยู่แบบนี้นาน ๆ จัง” ภัครมนว่าขึ้นหลังจากขึ้นมานั่งถีบเรือเป็นกับผู้เป็นพี่ชาย
“แสนดีขอถอนคำพูดแล้วกันค่ะที่ว่าอากาศดี” เพราะหลังจากเธอพูดจบลมก็พัดมาจากไหนไม่รู้ ทำเอายางมัดผมที่มัดไว้ลวก ๆ หลุดออก ผมยาวสลวยพลิ้วไหวไปตามแรงลม บ้างก็มาติดกับสายไหมที่เธอกำลังถืออยู่ รวมถึงของเขาด้วย
“อา พึ่งชมกันอยู่หยก ๆ แท้ ๆ ดูสิแสนดีผมยุ่งหมดเลย ยางมัดผมก็ตกน้ำไปแล้ว” มือบางยกขึ้นรวบผมมากุมไว้ในมือหลวม ๆ ก่อนจะเอ่ยบอกพี่ชาย
“แสนดีขอโทษนะคะ สายไหมพี่วีร์เละหมดเลย แต่ว่าพี่วีร์ช่วยหยิบยางมัดผมในถุงกระดาษให้แสนดีได้ไหมคะ แสนดีจะมัดผม” เพราะลมที่ยังคงพัดแรงอยู่ ทำให้เธอไม่กล้าที่จะปล่อยมือที่รวบผมไว้ ด้วยกลัวว่ามันจะปลิวไปติดกับสายไหมอีก แค่นี้หัวเธอก็เหนียวมากพอแล้ว
“นี่หรอ” เขาชูถึงกระดาษที่เธอฝากไว้ขึ้น เมื่อตอนก่อนจะขึ้นมานั่งบนเรือถีบนี่
“ใช่ค่ะ ซีบอกว่าซื้อยางมันผมมาให้แสนดี แสนดีเลยจะเอามัดผมก่อน”
“ว้า พี่ทำตกน้ำซะแล้วสิ” ถุงกระดาษสีชมพูอ่อนตกน้ำไปต่อหน้าต่อตาเธอ ตามคำพูดของเขา
“พี่วีร์ทำอะไรของพี่วีร์ แล้วแสนดีจะมียางมัดผมที่ไหนมามัดละคะแบบนี้” เธอไม่รู้ว่าที่พี่ชายทำแบบนั้น ต้องการที่จะแกล้งเธอ หรือต้องการอะไรกันแน่ แต่เธอไม่อยากจะเก็บมาใส่ใจ เพราะพรุ่งนี้เราก็จะไม่ได้อยู่ด้วยกัน มาโกรธมางอนมันก็ไม่ใช่เรื่อง เธออยากใช้เวลาที่เหลืออยู่ให้คุ้มค่าและมีความสุขกับมันมากที่สุด
“ก็นี่ไง” พูดจบก็ชูยางมัดผมที่มีดอกไม้ติดอยู่สองสามดอกขึ้นมาให้คนตรงหน้าดู
“หันหลังมาสิ เดี๋ยวพี่มัดให้”
“พี่วีร์มัดเป็นหรอคะ” ถึงจะถามแบบนั้นแต่ก็ยอมหันหลังให้พี่ชายมัดผมให้แต่โดยดี
“ก็เคยมัดให้เด็กสี่ขวบอยู่ครั้งหนึ่ง”
“โห เด็กสี่ขวบเลยหรอคะ แต่เดี๋ยวนะคะ เด็กสี่ขวบคนนั้น…ก็แสนดีนี่คะ”
“ทีแบบนี้จำได้ด้วยหรอ”
“จำได้สิคะ ก็ตอนนั้นพี่วีร์น่ะดุมากเลย ต่างกับตอนนี้มาก ๆ ที่ใจดีแล้วก็น่ารักกับแสนดีสุด ๆ”
“ขนาดนั้นเลย”
“ก็ใช่น่ะสิคะ”
“หึ”
“พี่วีร์มือเบามากเลย เบากว่าตอนนั้นอีก”
“ถือให้พี่ก่อนพี่จะรวบผมอีกค้าง”
“ยางมัดผมสวยจังเลยค่ะ เป็นดอกไม้แบบที่แสนดีชอบด้วย แต่ว่านี่มันดอกอะไรหรอคะ” ภัครมนมองยางมัดผมสีหวานในมือที่ดอกไม้ติดอยู่รอบ ๆ ก่อนจะเอ่ยถามคนที่ยื่นมันให้กับเธอ
“ดอก forget me not”
“เอ๋ ดอกอย่าลืมฉันหรอคะ?”
“จะว่างั้นก็ได้”
“ถ้าอย่างนั้นแสนดีขอเก็บไว้ได้ไหมคะ เก็บไว้ดูเวลาที่แสนดีอยู่ที่นู่นจะได้ไม่ลืมพี่วีร์”
“อืม เก็บไว้สิ ถือว่าเป็นของขวัญวันเกิดจากพี่ก็แล้วกัน” ถึงเธอไม่ขอเขาก็ตั้งใจจะให้เธออยู่แล้ว และไอถุงกระดาษที่ตกไปก็เป็นความตั้งใจของเขา
ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้ไอหมอนั่นมันเอาของมาให้เธอซ้ำกับเขากันล่ะ
แค่นั้นยังไม่พอ มันยังมาบอกชอบเธออีก โดนแบบนี้ก็สมควรแล้ว
“แต่ว่าไม่ว่ายังไงแสนดีก็ไม่มีวันลืมพี่วีร์แน่นอนค่ะ พี่ชายที่แสนดีและน่ารักขนาดนี้ แสนดีจะไม่มีวันลืมเด็ดขาด”
“พูดแล้วนะ ไม่ใช่ว่าเจอกันอีกครั้งจำพี่ไม่ได้ล่ะก็ โดนดีแน่”
“พี่วีร์จะลงโทษแสนดีหรอคะ แสนดีไม่กลัวหรอกค่ะ พี่วีร์ของแสนดีไม่กล้าทำร้ายแสนดีหรอก พี่วีร์ใจดีจะตาย” พูดพร้อมกับหันมามองพี่ชายแสนใจดีของตน ดวงตากลมจ้องมองใบหน้าพี่ชาย พร้อมกับรอยยิ้มเต็มใบหน้า
ส่วนผู้ที่รับบทเป็นพี่ชายแสนดีเอง ก็มองลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยตรงหน้า ก่อนจะมองต่ำลงมายังริมฝีปากบางน้อย ๆ ที่ขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างเป็นธรรมชาติ ใบหน้าหล่อเหลาที่ถอดแบบมาจากผู้เป็นพ่อไม่ผิดเพี้ยนค่อย ๆ โน้มลงมาเรื่อย ๆ ก่อนที่ริมฝีปากหนาจะทาบทันลงริมฝีปากบางของน้องน้อยที่เขาคิดเกินกว่าพี่น้องกัน
สัมผัสอ่อนโยนและแผ่วเบา ไร้การล่วงล้ำใด ๆ บนริมฝีปากบางเนิ่นนาน ก่อนจะค่อย ๆ ถูกผละออก
“จ จูบ พ พี่วีร์จูบแสนดีทำไมคะ…” ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้ว่าการจูบนั้นมันคืออะไร ตอนเด็ก ๆ ด้วยความซุกซนเธอมักจะวิ่งไปหอมแก้มคุณแม่ คุณพ่อ
หรือแม้แต่พี่ชายเป็นประจำ แต่การจูบ เท่าที่รู้ จ จูบแบบนี้มันมีไว้สำหรับคนรักกันไม่ใช่หรือ พี่น้องจูบกันแบบนี้…มัน มัน
ครืด ครืด เสียงโทรศัพท์ เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้สมองน้อย ๆ ที่กำลังถกเถียงกันภายในเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ต้องหยุดลงทันที ก่อนจะรีบหันไปตามเสียง
“คุณแม่โทรตามแล้วไปกันเถอะ”
“พี่วีร์..” มือบางยกขึ้นสัมผัสริมฝีปากที่ถูกพี่ชายจูบเบาๆ ก่อนจะมองตามมือที่มีพี่ชายยื่นมาให้เธอจับเพื่อขึ้นไปบนฝั่ง
“มาเร็ว พี่จะพาเราไปเดินเล่นต่อ” เมื่อเห็นคนตรงหน้ายังไม่ยอมจับมือเขาเพื่อขึ้นฝั่ง กรวีร์ก็พูดเร้าทันที
“เมื่อกี้…” หลังจากจับมือพี่ฝ่ายเดินขึ้นฝั่งมาแล้วภัครมนก็เอ่ยถามในสิ่งที่ตนสงสัยทัน
“ไปอยู่ที่นู่นดูแลตัวเองดี ๆ นะ เป็นเด็กดีของคุณตาคุณยาย” เขาเลือกที่จะไม่ตอบในสิ่งที่เธอส่งสัย แต่กลับพูดอย่างอื่นขึ้นมาแทน
“ส่วนแฟนหรือคนรัก… ก็อย่ารีบมีล่ะ ตั้งใจเรียน หรือถ้ามีก็พามาให้พี่ดูก่อนเข้าใจไหม” กรวีร์ก้มลงลูบหัวเด็กหญิงข้างกายที่อีกไม่นานก็คงจะโตเป็นสาว มีความรัก มีหนุ่ม ๆ มาจีบ อยู่นี่เขาอาจจะกันผู้ชายที่เข้ามาได้ แต่พอเธอไปอยู่ที่นู่นแล้ว เขาก็ทำได้เพียงแต่ภาวนาให้เธอรอเขาเท่านั้น ให้เธออย่าพึ่งไปมีใคร ให้เธอรอพี่ชายคนนี้
“แสนดีไม่อยากไปเลยค่ะ แสนดีอยากอยู่กับพี่วีร์ อยากอยู่กับพ่อวินท์แม่ขวัญ ฮึก”
หมับ ว่าจบก็โผลเข้ากอดพี่ชายตรงหน้าทันที ใบหน้าหวานซุกลงบนอกแกร่งของพี่ชาย โดยมีมือหน้าคอยลูบผมให้เธออย่างปลอบโยน
“พี่จะอยู่ในใจเราไง” ส่วนเราก็จะอยู่ในใจพี่เหมือนกัน
“พี่วีร์ต้องอยู่ในใจแสนดีตลอดไปนะคะ ห้ามไปไหนเด็ดขาด”
“ถ้าเราต้องการพี่ ยังนึกถึงพี่ พี่ก็จะอยู่กับเราไม่ไปไหน”
“สัญญาแล้วนะคะ”
“อืม”
“แล้วเราล่ะ จะลืมพี่รึเปล่า”
“ไม่ค่ะ แสนดีจะไม่มีวันลืมพี่วีร์เด็ดขาด แสนดีสัญญา”
…
สนามบิน
“พี่วีร์อย่าลืมแสนดีนะคะ…ถ้าแสนดีไปอยู่ที่นู่นพี่วีร์ต้องตอบกลับข้อความแสนดีนะคะ ต้องตอบเมล์แสนดี ฮึก”
“แล้วก็อยู่ที่นี่ก็อย่าลืมดูแลตัวเองดี ๆ นะคะ … ยิ้มเยอะ ๆ นะคะ”
“ส่วนนี้เป็นรูปที่เราถ่ายคู่กันวันนี้ค่ะ มีของวีร์หนึ่งอัน ของแสนดีหนึ่งอัน แสนดีทำกรอบเองเลยนะคะ ฮึก เก็บมันไว้นะคะ เพื่อว่าวันไหนพี่วีร์คิดถึงแสนดี…”
“กิ๊บผีเสื้อที่คุณย่าให้แสนดี พี่ขอได้ไหม” เสียงทุ้มเอ่ยพูดกับน้องสาวตรงหน้า หลังจากที่เธอบอกลาทุกคนเสร็จและเดินมาบอกลาเขาเป็นคนสุดท้าย
“อันนี้หรอคะ” นิ้วเรียวชี้ไปยังกิ๊บติดผมบนหัวที่เธอติดอยู่ เพราะอันนี้ถือเป็นกิ๊บตัวโปรดของเธอเลยก็ว่าได้ เธอไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมพี่ชายตรงหน้าถึงขอมันกับเธอ ทั้ง ๆ ที่เธอพูดออกไปตั้งยื่นยาว แต่พี่ขายกลับพูดตอบกลับมาแค่ขอกิ๊บผีเสื้อเธอ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยอมถอดกิ๊บออกยื่นให้เขาตามคำขอ
“อืม”
“เก็บไว้ดี ๆ นะคะ ฮึก อันนี้กิ๊บตัวโปรดของแสนดีเลยนะ”
“เลิกร้องไห้ได้แล้ว คุณตากับคุณยายรออยู่นะ”
“ฮือ ๆ งั้นแสนดีไปก่อนนะคะ”
หมับ
ยังไม่ทันที่สาวน้อยจะเดินออกห่างจากพี่ชาย ก็ถูกมือหนาของพี่ชายคว้าไว้ ก่อนจะดึงเธอไปกอดไว้แนบอก โดยไม่แคร์สายตาของคุณตาคุณยายหรือคุณพ่อคุณแม่เลยแม้แต่น้อย
“รอพี่นะแสนดี” เสียงเบาเอ่ยบอกน้องสาวในอ้อมกอด เพราะมัวแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นทำให้ไม่ได้ยินว่าพี่ชายพูดอะไรกับตัวเองบ้าง ได้แต่กอดตอบพี่ชายแน่น จนผู้เป็นพ่อต้องกระแอมขึ้นเบา ๆ เมื่อมองไปเห็นว่าคุณตาของลูกสาวจ้องลูกชายเขาอย่างเอาเรื่อง
“ปล่อยน้องได้แล้ววีร์ ใกล้ถึงเวลาเครื่องออกแล้ว”
มือที่กอดน้องสาวอยู่ค่อย ๆ คลายออก ก่อนจะยกขึ้นเช็ดน้ำตาให้แผ่วเบา
“แสนดีไปก่อนนะคะ ฮึก แสนดีไปก่อนนะคะแม่ขวัญ ไปก่อนนะคะพ่อวินท์ แสนดีรักพ่อวินท์กับแม่ขวัญนะคะ” สองมือยกขึ้นไหว้คู่ชายหญิงตรงหน้าอย่างสวยงาม คนที่เธอรักและเคารพเหมือนท่านเป็นพ่อแม่ของเธอจริง ๆ
ก่อนจะยกขึ้นโบกมือลาทุกคน ริมฝีปากแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มที่เธอแถมจะปั้นมันขึ้นมาไม่อยู่ แต่ก็ไม่อยากให้คนที่นี่เป็นห่วง รวมถึงคุณตาคุณยายด้วยหากเธอเอาแต่ทำหน้าเศร้า
ด้านคนที่ต้องจากสาวน้อยในดวงใจไปได้แต่มองตามหลังน้องน้อยจนลับสายตา
ไม่ลืมงั้นหรอ ติดต่อตลอดงั้นหรอ หึ หลอกลวงสิ้นดี