14 ความทรงจำ
ภัครมนวิ่งออกมาจากบ้านด้วยหัวใจบอบช้ำ ขนาดรองเท้าก็เป็นรองเท้าสลิปเปอร์เธอไม่แม้จะเปลี่ยนมันเลยด้วยซ้ำ เสื้อคลุมกันหนาวเธอก็ไม่ได้ใส่มาเช่นกัน ในตอนนี้แขนเรียวจึงยกขึ้นมากอดตัวเองเพื่อบรรเทาความหนาวที่มาเกาะกุมกายไปก่อนเท่านั้น
“ฮึก ฉันผิดมากใช่ไหม ผิดมากเลยงั้นหรอ” เสียงหวานสั่นคลอยามนึกถึงสิ่งที่เขาพูดใส่ จริงอยู่ที่เธอนั้นเป็นคนผิดที่ถือวิสาสะไปเปิดของของเขา แต่เธอก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะทำร้ายข้าวของของเขานี่ ขอโทษเธอก็พูดไปแล้ว จะซื้อใหม่เธอก็บอกไปแล้ว แต่เขาก็ยังตวาดไล่เธออย่างใจร้าย กิ๊บผีเสื้อนั้นมันคงมีความหมายกับเขามากสินะ เขาถึงโกรธเธอจะเป็นจะตายขนาดนี้
"กะ กิ๊บผีเสื้อ...อ้ะ" มือบางยกขึ้นกุมขมับทันที ก่อนจะเดินไปนั่งลงยังมานั่งใกล้ ๆ เพราะอาการปวดหัวที่แล่นเข้ามาจนเธอแทบจะทรงตัวไม่ไหว ภาพเด็กหญิงตัวน้อยที่หันหน้าเข้าหากระจกโดยมีเด็กชายวัยไล่เลี่ยกันกำลังติดกิ๊บให้อยู่ แล่นเข้ามาในหัว ละ และนั่น พี่ชายแสนดีของเธอ และก็เธอในตอนเด็กนี่ นะ ในมือของพี่ชายแสนดี ก ก็เป็นกิ๊บแบบเดียวกันกับที่เธอทำของขรินทร์แตก
"โอ้ย!!" อาการปวดจี๊ด ๆ ในหัวเพิ่มระดับความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อมีภาพเหตุการณ์บางอย่างซ้อนทับเข้ามาอีก
“กิ๊บผีเสื้อที่คุณย่าให้แสนดี พี่ขอได้ไหม”
“อันนี้หรอคะ”
“อืม”
“เก็บไว้ดี ๆ นะคะ ฮึก อันนี้กิ๊บตัวโปรดของแสนดีเลยนะ"
"นะ นี่มันอะไรกัน ฮึก โอ้ย" หยดน้ำตารินไหลเป็นสายทันทีเมื่อเหมือนว่าเธอเริ่มเข้าใจแล้วว่าภาพฝัน หรือภาพที่คอยวิ่งเข้าซ้อนทับกันเข้ามาในหัวตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้มันคืออะไร
มันคือภาพความทรงจำในวัยเด็กของเธอบางส่วนที่หายไปหลังเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ในครั้งนั้น ในวันนั้นคุณตากับคุณยายออกไปทำธุระข้างนอก เธอไม่อยากไปด้วย เธอเลยอยู่บ้านคนเดียว และด้วยความหิวทำให้เธอลงมือทำอาหารเอง แต่เพราะมีสายจากคนไกลดังเข้ามา ทำให้เธอละจากเตา วิ่งขึ้นไปรับสายโทรศัพท์ที่วางไว้บนบ้าน และหลังจากวางสายแล้วเธอก็พึ่งนึกได้ว่าทำอาหารทิ้งไว้ แต่นึกขึ้นได้ก็สายไปเสียแล้ว เมื่อเดินมาหยุดอยู่หน้าบันได้ ควันก็ลอยฟุ้งมาทั่วบ้านพร้อมกับแสงไฟสีแดงที่เริ่มลุกลามเข้ามาใกล้ และควันก็ทำให้วิสัยทัศน์ในการมองเห็นของเธอลดลงไปถนัดตา ขาที่กำลังก้าวเดินลงบันไดเพื่อที่จะหนีออกจากบ้านไปขอความช่วยเหลือจากคนข้างนอกเกิดก้าวพลาดเสียอย่างนั้น ด้วยความรีบร้อนและความกลัวทำให้เธอขาดความระมัดระวังไป การก้าวพลาดในครั้งนั้นทำให้เธอตกบันไดกลิ้งลงมากระแทกพื้นด้านล่างเต็มแรงจนหมดสติ เธอนอนจมกองไฟอยู่นานกว่าจะมีคนเข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คุณตาของเธอนั่นเอง
ในตอนนั้นหมู่บ้านที่เธออยู่บ้านแต่ละหลังนั้นอยู่ห่างกันพอสมควร กว่าเพื่อนบ้านจะเห็นก็ตอนที่ควันโขมงลอยขึ้นเต็มท้องฟ้าไปแล้ว นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอลืมเรื่องราวในอดีตไป เพราะหลังจากรู้สึกตัวอีกทีตัวเองก็มาอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว หากเธอจำไม่ผิดคุณหมอเองก็ถามเหมือนกันว่าเธอจำคุณตากับคุณยายได้ไหม ซึ่งเธอเองก็ตอบว่าจำได้ แถมยังบอกชื่อพ่อวินท์แม่ขวัญ พ่อแม่บุญธรรมที่เธอรักและเคารพดั่งพ่อแม่แท้ ๆ อีกด้วย เห็นเธอตอบแบบนั้นคุณหมอเลยไม่ได้ถามอะไรต่อ
และนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมคุณตาคุณยายของเธอจึงไม่ยอมปล่อยให้เธออยู่บ้านคนเดียวอีก หลังจากเกิดไฟไหม้เมื่อครั้งล่าสุด เธอเองก็ไม่อาจจะเถียงหรือต่อต้านอะไรได้มาก เพราะเธอเองก็ผิดจริง และทั้งชีวิตเธอก็มีคุณตาคุณยายดูแลประคบประหงมมาเป็นอย่างดี เธอรู้ว่าคุณตาคุณยายนั้นหวังดีและเป็นห่วงเธอมาก ๆ แต่เธอก็ดื้ออยากใช้ชีวิตอยู่รัฐนี้ต่อ จนต้องยอมรับข้อเสนอของคุณตาคืออยู่ร่วมบ้านกับเขา พี่วีร์ของเธอนั่นเอง... หากเธอจำพี่วีร์ได้มันคงจะดีไม่น้อย แต่ตอนนี้มันคงสายไปแล้
...
"ฮึก พี่วีร์... เป็นคุณจริง ๆ หรอ ฮือ ๆ พี่วีร์เกลียดแสนดีไปใช่ไหมคะ ฮึก เพราะว่าแสนดีลืมพี่วีร์ใช่ไหมคะ ฮือ เพราะว่าแสนดีจำพี่วีร์ไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่พี่วีร์ก็ถามเรื่องนี้กับแสนดีอยู่หลายครั้งแต่แสนดีก็บอกว่าจำไม่ได้ บอกว่าไม่รู้จัก ฮึก แสนดีขอโทษ ฮือ ๆ" มือบางยกขึ้นปิดหน้าอย่างเสียใจ เสียใจที่ถูกพี่ชายที่รักเกลียดเสียใจที่หลงลืมเขา เสียใจที่ถูกเขาข่มเหงรักแก ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนพี่วีร์เป็นพี่ชายที่แสนดีรักและดูแลเธอดีกว่าใคร ตอนเธอมาอยู่ที่นี่ใหม่ ๆ พี่วีร์จะคอยถามเสมอว่าอยู่ได้รึเปล่า ที่โรงเรียนเป็นไง การบ้านตรงไหนทำไม่พี่วีร์ก็จะช่วยสอน วันไหนที่อากาศหนาวมาก ๆ พี่วีร์ก็จะส่งข้อความมาบอกให้เธอสวมเสื้อคลุมหนา ๆ จนบางครั้งเธอแทบจะไม่ต้องดูพยากรณ์อากาศเลยด้วยซ้ำ เพราะทุกอย่างพี่วีร์จะเป็นคนบอกเธอเอง
แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว ฮึก พี่วีร์ไม่ใช่พี่ชายใจดีของเธออีกแล้ว พี่วีร์เปลี่ยนไปแล้ว ฮือ ๆ ทุกอย่างต่อจากนี้มันคงไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนอย่างในอดีตได้แล้วสินะ มารู้ตัวอีกทีว่ารักพี่ชายคนนี้มากแค่ไหนก็สายไปแล้ว แต่ไม่ว่าจะความจำเสื่อมหรือยังจำได้ เธอก็ยังคงตกหลุมรักพี่ชายคนนี้เสมอ ถึงจะรู้สึกรักพี่วีร์ไม่เปลี่ยนแปลง แต่เธอกลับเผลอปล่อยตัวปล่อยใจให้ใครที่ไหนก็ไม่รู้ อยู่ ๆ ก็รู้สึกรังเกียจตัวเองขึ้นมาเสียอย่างนั้น ที่ไม่ได้มีแต่พี่วีร์คนเดียว ยังมีใครก็ไม่รู้ที่ได้ครอบครองเธอ แม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับใครหลายคน แต่สำหรับเธอ... มันเหมือนว่าเธอไม่ซื่อสัตย์ต่อเขา มันเหมือนว่าเธอได้นอกกายพี่วีร์ เธอไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย
“แสนดีขอโทษ...ต่อจากนี้เรื่องขอเรามันคงไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมแล้วใช่ไหมคะ ฮือ ๆ” หญิงสาวร่างบอบบางนั่งกอดตัวเองด้วยความหนาวเหน็บที่เขามาเกาะกุมกายและใจอยู่นานกว่าจะรู้สึกตัวว่าที่ที่ตนอยู่มันห่างไกลจากผู้คนมากแค่ไหนก็สายไปเสียแล้วเมื่อมีกลุ่มวัยรุ่นกำลังจะเดินมาทางเธอ ดวงตากลมไหวสั่นด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะค่อย ๆ เบาใจลงเมื่อกลุ่มไว้รุ่นนั้นเพียงเดินผ่านเธอไปเฉย ๆ เท่านั้น แม้ว่าจะดูทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ น่าสงสัยก็ตาม แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เธอจะสนใจ เธอต้องพาตัวเองออกไปจากที่นี่และหาที่พักสำหรับคืนนี้ก่อน ขืนนั่งอยู่ตรงนี้ต่ออีกหน่อยเธอได้หนาวตายแน่
หมับ
“จะไปไหนคนสวย” แต่ยังไม่ทันที่ภัครมนจะเดินไปไหนได้ไกลกลุ่มไว้รุ่นเมื่อครู่ก็เดินมาขวางหน้าเธอไว้ พร้อมกับกระชากต้นแขนเธอไปประชิดตัว
“ปล่อยฉันนะ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!”
“เหอะ ปล่อยก็โง่สิ วันนี้นอกจากจะได้เงินแล้วยังได้สาวสวยอีกด้วย ดีจริงมึงว่าไหม” หนึ่งในกลุ่มวัยรุ่นว่าขึ้น ซึ่งเธอเดาว่าคงจะเป็นหัวหน้าของกลุ่มคนพวกนี้
“ไม่นะปล่อยฉัน ไม่งั้นฉันจะคอลไนล์วันวันนะ”
“ฮ่า ๆ คุณมีโทรศัพท์งั้นหรอ” จากการสังเกตเบื้องต้นแล้ว หญิงเอเชียตรงหน้าน่าจะไม่มีอะไรติดตัวมาเลยนอกจากเสื้อผ้า
“...” ภัครมนอึกอักขึ้นมาทันที เมื่อถูกว่าแบบนี้ ใช่ตอนนี้เธอไม่มีอะไรติดตัวเลยสักอย่างเดียว แม้แต่เงินดอลเดียวก็ไม่มี น้ำตาเอ่อคลออยู่บนดวงตาคู่สวย จวนจะไหลอยู่รอมร่อ เมื่อรู้ว่าตัวเองไม่อาจจะหนีพ้นเหตุการณ์เลวร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ จะขอความช่วยเหลือก็ไม่เห็นคนสัญจรไปมาเลยแม้แต่น้อย ชีวิตเธอทำไมถึงจะต้องถูกข่มเหงรักแกอยู่ตลอด ครั้งหนึ่งที่ผับเธอก็รังเกียจตัวเองจะแย่แล้ว หากถูกวัยรุ่นพวกนี้ย่ำยีด้วย เธอคงไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีก ‘ยายขาตาขา แสนดีขอโทษ ฮึก’
“ชูวห์ อย่าร้องไปเลยคนสวย พวกเราจะพาคุณไปมีความสุข ไม่ได้พาไปตกนรกสักหน่อย ฮ่า ๆ ไปพวกเรา” ว่าจบก็โอบไหล่ของหญิงสาวตรงหน้าทันที
“ฉันเดินเองได้ ไม่ต้องมาจับ”
“โอเค ๆ”
ผลัก
หลังจากเดินมาได้สักพัก ภัครมนก็คอยมองถนนหนทางและทางหนีทีไล่อยู่เสมอ อย่างน้อยเธอก็ขอสู้ก่อน ดีกว่าต้องยอมพวกมันอย่างไม่ได้ทำอะไร และเมื่อเดินผ่านเหมือนจะเป็นถนนตัดเส้นใหญ่แถมมีรถกำลังขับผ่านมาทางนี้ เธอก็ออกแรงถีบหัวหน้าแก๊งของพวกมันที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ทันที ก่อนจะวิ่งไปตัดหน้ารถที่กำลังขับมา
เอี๊ยดดดดดด
“Sh*t!!” ชายหนุ่มที่อยู่บนรถสปอร์ตคันหรู สบถขึ้นอย่างหัวเสียทันที หลังจากขับรถมาด้วยความเร็วแล้วมีบางอย่างวิ่งมาตัดหน้ารถเขา
“กรี๊ด!!!” พรึบ จากที่วิ่งมาตัดหน้ารถเพื่อจะขอความช่วยเหลือ แต่เมื่อรถที่เธอเลือกแล่นมาด้วยความเร็ว ดวงตาคู่สวยปิดสนิทอย่างยอมรับชะตากรรม พร้อมกับนึกถึงหน้าบุคคลอันเป็นที่รักหลังหลายในชีวิตก่อนสติจะดับวูบไปในที่สุด
ด้านกลุ่ม เมื่อเห็นมีรถวิ่งมาเหมือนจะชนเธอจากที่ไล่ตามพวกเขาก็หยุดทันที อย่างไม่อยากจะเข้าไปเสี่ยงเพราะพวกเขาเดินอยู่ในทางเดินสีดำ หากทำอะไรบุ่มบ่ามอาจจะซวยกันยกแก๊งได้ แค่ผู้หญิงคนเดียวหาใหม่ได้ไม่อยาก แม้หญิงสาวชาวเอเชียคนนี้จะสวยหวานซ่อนเปรี้ยว หาที่ไหนไม่ได้ก็เถอะ
“คุณ ค คุณแซนดี้!!” ชายหนุ่มตาน้ำข้าวรีบช้อนตัวหญิงสาวที่หมดสติอยู่หน้ารถตัวเองขึ้นอยู่ทันที หลังจากพลิกตัวเธอแล้วเห็นว่าเธอเป็นใคร ผู้หญิงที่ทำให้เขาตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น
“ทำไมคุณถึงไปอยู่ที่นั่นได้” เสียงทุ้มเอ้ยบอกคนที่หลับตาพริ้มอยู่บนเตียงนอนของตัวเองแผ่วเบา เขาไม่ได้พาเธอไปส่งโรงพยาบาลเพราะเขามั่นใจมากว่าเธอไม่ได้ถูกชน เขาเลยพาเธอมาที่คอยโดแทน อีกอย่างเขาอยากมีเวลาอยู่กับเธอด้วย จะว่าเขาเห็นแก่ตัวก็ได้ แต่เขารักเธอนี่นา
.
