ตอนที่ 3 ม่านฟ้า.. เธอเป็นคนจริงจังแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ (2)
ตอนที่ 3 ม่านฟ้า.. เธอเป็นคนจริงจังแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ (2)
พวกเราเดินหอบหิ้วถุงอาหารมากมายออกมาทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก เดินมุ่งหน้าตรงไปยังห้องทำงานของท่านประธานปิติภัทรด้วยใบหน้าและอารมณ์ที่บูดบึ้ง ก่อนจะผลักประตูเข้าไปโดยที่ไม่ได้เคาะบอกกับคนด้านในแม้แต่น้อย ภาพที่เห็นเบื้องหน้าเป็นภาพของประธานหนุ่มสุดหล่อที่กำลังตักอาหารเข้าปากเคี้ยวตุ้ย ๆ ด้วยท่าทางต่างจากก่อนหน้านี้สิ้นเชิง
“ตกใจหมด! เดี๋ยวนี้เข้าห้องไม่เคาะประตูละหรอ”
เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงทะเล้นแสดงออกอย่างเห็นได้ชัดว่าเขานั้นกำลังกลั่นแกล้งฉันอย่างชัดเจน สายตาของฉันปาดมองไปยังอาหารที่เขาเพิ่งบอกว่าไม่อร่อยไม่กินที่แทบจะไม่มีชีวิตหลงเหลือในจาน
“ไหนบอกไม่อร่อยไม่กินไงคะ”
“ก็เธอทำงานช้า.. แล้วฉันก็หิวมาก”
“หิวมากเลยหรอคะ”
“ใช่! หิวมาก หิวมาก ๆ”
ฉันยืนมองเขาที่แสดงท่าทางน่าหมั่นไส้ด้วยความรู้สึกไม่พอใจที่อัดแน่นในอก ก่อนจะยกยิ้มขึ้นที่มุมปากฉันมั่นใจว่าเวลานี้ใบหน้าของฉันน่าจะเหมือนใบหน้าของปีศาจไม่น้อย
“เข้าใจแล้วค่ะ.. ถ้าอย่างนั้น~”
ฉันเอ่ยออกมานิ่ง ๆ ก่อนจะเดินนำถุงอาหารทั้งหมดวางกระแทกลงบนโต๊ะให้เขาด้วยเสียงที่ดังมาก
“ทานให้หมดนะคะ! จะได้ไม่หิว!”
พูดจบก็ลากแขนของอันวาออกมาจากห้องทำงานของประธานอย่างรวดเร็ว
“ยู! ประธานจะไม่หักเราเดือนเราใช่ปะ”
“ทำไมต้องหัก”
“ก็เราไปทำกิริยาแบบนี้กับเขา ที่รัก~ ไอไม่มีเงินจ่ายค่าห้องเลยนะเว้ย”
“ถ้าโดนหักจริงไอจะซื้อคอนโดให้ยูเลยอะ”
“ทำเป็นพูดไป ไอไม่ปฏิเสธนะ ฮ่า ๆ”
“ไม่โดนหักหรอก.. ยูกลับไปทำงานเถอะ ตอนบ่ายประธานมีประชุม”
“อือ.. ไว้เจอกัน”
ติ๊ง!
‘พวกเรากำลังจะบินกลับไทยแล้วนะครับ’
ฉันเปิดมือถืออ่านข้อความของผู้ชายคนหนึ่งด้วยใบหน้าที่ไม่สามารถหุบยิ้มได้เลยแม้แต่น้อย
‘ครับ.. รีบมานะ’
ฉันกดส่งข้อความตอบอย่างไม่ลังเล ก่อนจะเดินกลับมานั่งโต๊ะทำงานหน้าห้องของตัวเองโดยที่ใบหน้ายังไม่อาจหุบยิ้มได้ลง
“อุ๊ย! ตกใจหมด! ท่านประธานมายืนทำอะไรเงียบ ๆ คะ”
“คุยกับใครทำไมมีความสุขขนาดนั้น”
“นี่เรื่องส่วนตัวนะคะ.. ประธานไม่น่าจะมีเหตุผลที่เข้ามายุ่งเรื่องนี้”
“แต่นี่เวลาทำงาน”
“ก็ใช่ไงคะ.. ฉันกำลังจะนั่งทำงานนี่ไง”
“ม่านฟ้า! เธอหัดเถียงฉันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ตั้งแต่ที่คุณปิติภัทรใช้ฉันซื้ออาหารสี่รอบ! น้ำสองรอบ! ด้วยเหตุผลไม่น่าฟังนั่นแหละค่ะ”
“เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะมาคิดเล็กคิดน้อยเรื่องพวกนี้นี่นา”
เขายกมือของตัวเองเกาหัวตัวเองเบา ๆ เป็นการแก้เขิน แต่นั่นไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกว่าจะน่ารักเลยแม้แต่น้อย
“มีอะไรอีกไหมคะ.. ไม่มีฉันจะได้ทำงาน”
ฉันยืนมองผู้ชายคนนี้ด้วยใบหน้าที่ราบเรียบ ก่อนจะเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นเป็นเชิงถามอีกครั้ง
“มี!”
“มีอะไรคะ”
“อยากกินกาแฟ”
“คุณนี่มัน!.. ได้ค่ะ รอ! ซัก! ครู่! นะ! คะ!”
ฉันสะบัดหน้าเดินออกมาเล็กน้อยก่อนจะหยุดเท้าแล้วหันหลังเพื่อที่จะเดินกลับไปยังโต๊ะทำงาน ก็เห็นว่าประธานปิติภัทรกำลังเดินเข้าไปเอื้อมมือกำลังจะหยิบมือถือของฉันอยู่ก่อนแล้ว
“พี่เธียร!”
ฉันรีบสาวเท้าวิ่งกลับไปคว้ามือถือของตัวเองออกจากมือเขาอย่างรีบร้อน ด้วยอารมณ์ที่ไม่พอใจเอามาก ๆ ก่อนจะยืนตรงจ้องหน้าเขาเขม็ง
“ทำอะไร! นี่มันของส่วนตัวของฉันคุณไม่มีสิทธิ์”
ฉันตะเบ็งเสียงใส่เขาอย่างคนที่หมดความอดทน เห็นใบหน้าที่แสดงออกถึงความตกใจและเหวอจนเหลอหลาของผู้ชายคนนี้อย่างเห็นได้ชัด
“ม่านฟ้า.. ทำไมต้องโมโหขนาดนี้ด้วย ผมแค่หยอกคุณเล่นเอง”
“คุณทำตัวให้มันน่าไว้ใจน่าเคารพหน่อยได้ไหมคะ คุณเป็นถึงประธานบริษัทดูแลลูกน้องเป็นร้อยคนยังมีอารมณ์มาเล่นเป็นเด็กแบบนี้หรอ.. อีกอย่างคุณจำไว้ให้ขึ้นใจ ฉันกับคุณเราไม่ได้เป็นอะไรกันไปมากกว่าเจ้านายลูกน้อง ฉันดูแลคุณในฐานะเจ้านาย คุณก็อย่าได้คืบจะเอาศอกให้มากนัก”
“อย่าคิดว่าการที่เราเคยรู้จักกันมาก่อนจะทำให้คุณอยากทำอะไรกับฉันก็ได้ ข้าวของของฉันคือสิทธิส่วนบุคคลของฉัน คุณไม่มีสิทธิ์มายุ่มย่ามวุ่นวายและอย่าลืมฐานะของตัวเอง ฉันไม่อยากมีปัญหาทีหลัง”
“ม่านฟ้า.. เธอเป็นคนจริงจังแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็ตั้งแต่ที่ได้รู้จักคุณนั่นแหละค่ะ”
