ใส่ใจทุกรายละเอียด
[Khunsuk Talk]
ทฤษฎีที่ 4
ใส่ใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของเพื่อน
ห้องของขุนศึก
"โอ๊ยเจ็บ! หัวโนหรือแตกวะเนี่ย?"
ผมลูบหัวของตัวเองปอยๆ พร้อมกับเดินตรงปรี่เข้าไปส่องกระจกในห้อง ควานหาร่องรอยบาดแผลที่อาจจะเกิดขึ้นได้
หลังจากเจอเหลี่ยมของหัวขวดฟ๊อกกี้เจาะเข้าที่หนังหัวเสียเต็มแรง สรุปมันจงใจหรือไม่จงใจปามากันแน่วะ
"ดุจังวะ อีไก่บ้า!"
พูดแล้วก็อดหงุดหงิดไม่ได้ มีที่ไหนอุตส่าห์เข้าถึงตัวขนาดนั้น แทนที่จะเคลิ้มกลับได้ฟ็อกกี้เป็นรางวัลปลอบใจ แบบนี้ใครมันจะกล้าเข้าหาอีกวะ ผมแล้วหนึ่งแหละ
เข้าหาเหมือนเดิม ยัง! ยังไม่สำนึก! ไม่กลัวหรอกกะอีแค่ฟ็อกกี้ ถึงหัวจะโนปูดเป็นก้อนกลมดุ๊กดิ๊กให้หยอกเล่นของจริงก็เถอะ
"โอ๊ย! ดีนะไม่แตก มึงก็แม่นเกินอีแม่ไก่ห่วงไข่ โดนตัวขวดจะไม่ว่า นี่โดนจะงอยปากขวดอีก"
ผมบ่นพึมพำด้วยความหัวเสีย เมื่อสายตากลับเหลือบไปเห็นเรียวปากหยักได้รูปอมชมพูของตัวเอง คนอะไรปากสวยจังเหมือนไปฉีดฟิลเลอร์มาซะงั้น
"โธ่นี่มันไม่ใช่คนหล่อ นี่มันคนสวย!"
ผมยืนนิ่งจ้องมองเรียวปากของตัวเองอยู่สักพัก แต่ทว่ากลับทำให้ใจของผมเต้นสั่นขึ้น ถ้าตรงแก้มนั้นเป็นเรียวปากนุ่มของกรุ๊งกริ๊งจะเป็นไงวะ แต่เดี๋ยวนะ แค่นี้มันยังขว้างขวดฟ็อกกี้ใส่หัวผม แล้วถ้าผมทำอย่างอื่นมันจะไม่ถือมีดอีโต้ไล่สับหัวผมหรอกเหรอ!
"เฮ้อ! ท้อใจสุดๆ"
เอาเวลามาท้อใจต่อไม่ได้ เสื้อตัวเดียวที่เหลืออยู่ อยู่ที่ห้องมัน แล้วผมจะใส่เสื้อตัวไหนไปเรียนล่ะ นึกแล้วก็เศร้าผมต้องกลับไปหามันอีกรอบในขณะที่มันกำลังโมโหผมแบบนี้ ตายแน่ๆ งานนี้ ยิ่งกว่างานเข็นรถสิบล้อขึ้นภูเขาและกระโดดเอาตัวเข้าไปอยู่ใจกลางพายุทอร์นาโดแหงๆ
"แต่เอาวะ เป็นไงเป็นกัน เหลืออีก 50 นาที ก่อนเข้าเรียน ต้องง้ออีไก่บ้าตัวนี้ให้ได้ก่อน"
ผมรีบลนลานควานหาเสื้อยืดในตู้มาสวมใส่ก่อน และคว้าหยิบกุญแจรถออกจากห้องไป ก่อนจะค่อยๆ แนบหูลงที่บานประตูห้องมัน
เพื่อฟังเสียงว่ามันกำลังทำอะไรอยู่ แต่กลับเงียบได้ยินเพียงเสียงเพลงที่มันเปิดคลอเคลียเอาไว้เบาๆ ภายในห้อง
"เดี๋ยวมึงเจอกู อีไก่ อี...อีไก่เมากัญชา!"
โมโหแหละที่มันทำผมเจ็บ แต่ก็ทำอะไรมันไม่ได้เพราะผมก็ทำผิดกับมันจริงๆ แต่ก็แอบหมั่นไส้ ชี้นิ้วยาวไปที่บานประตูห้อง ก่อนจะถอยหลังเดินห่างออกมาและกดลงลิฟต์ไป
15 นาทีผ่านไป
ถุงกระดาษขนมครอฟเฟิลเจ้าดังหน้ามอ. ถุงเสื้อนักศึกษาตัวใหม่และถุงชาไข่มุกห้อยโตงเตงเบียดเสียดกันมาในมือของผม ก่อนจะเดินมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องของ กรุ๊งกริ๊ง และค่อยๆ แนบหูฟังเสียงอยู่ข้างใน ยังไงซะมันไม่มีทางไปเรียนก่อนผมแน่ๆ
คนอย่างกรุ๊งกริ๊งมีหรือจะยอมลำบากไปนั่งรถเมล์ ทั้งที่ความสะดวกสบายประเคนให้ถึงห้อง อย่างผมเอง แต่ครั้งนี้ผมก็เริ่มไม่แน่ใจเหมือนกัน เพราะมันกำลังโกรธกันอยู่ แถมโมโหจนหน้ามืดอีกต่างหาก
"เอาวะ ถ้าครั้งนี้ไม่หายโกรธกูจับกดลงเตียงและกระแทกแรงๆ เลยนะไอ้สัตว์"
อย่างน้อยถ้ามันเห็นของโปรดที่มันชอบกิน มันคงไม่ไล่ตีหัวผมหรอกมั้ง มั้งงั้นเหรอวะ? แต่ก็นะรักมันแล้วอะ ถ้ามันยังงอนอยู่คราวนี้คงต้องจับกระแทกจริงๆ แหละ อยากกระแทกมานานแล้วนะ เอาดีๆ นะมึง อีแม่ไก่!
แกร๊ก!!
แอ๊ด!!
ผมค่อยๆ ไขประตูห้องเข้าไปใหม่อีกครั้ง นิ้วค่อยๆ แง้มบานประตูออก ในใจหวั่นกลัวว่ามันจะถือมีดจ่อคอหอยเข้าให้ จึงคอยสอดส่องสายตาเข้าไปสำรวจดูในห้องก่อนอันดับแรก มันอยู่ไหนวะ?
"กริ๊ง!"
เสียงเรียกชื่อมันดังเบาๆ ในขณะที่บานประตูยังเปิดแง้มออกเล็กน้อย แต่ไม่วายสายตาสอดส่องหาคน แต่หายังไงก็ไม่เจอ หรือว่ามันไปเรียนแล้วจริงๆ โดยไม่รอผมวะ พอนึกได้ จึงรีบจับลูกบิดประตูเปิดกว้างออกกว่าเดิม
"เชี่ย!!"
มันก็จริงอย่างที่ผมคิดไว้ในใจ พายุทอร์นาโดยังไม่สงบอย่างพึ่งนับศพสุกร เอ๊ย! มันยังไม่หายโมโหผมจริงๆ กรุ๊งกริ๊งยืนอยู่หลังบานประตู มือหนึ่งเท้าสะเอว และอีกมือหนึ่งถือไม้กวาด ปั้นหน้าตึงเตรียมฟาดหัวผมอีกรอบ
แต่โชคดีขึ้นมานิดที่มันไม่ถือมีดจ่อคอหอยผมจริงๆ อย่างที่คิดเอาไว้ก่อน ถ้าเป็นงั้นมีหวังได้ออกข่าวหน้าสื่อโซเชียลกันให้ว่อนเน็ตแน่ เพื่อนรักหักมีดปักคอเพื่อนหน้าหล่อดับอนาถแหงๆ!
"มึงงงงง!!"
"ดะ เดี๋ยว"
ผมรีบเร่งมือยกถุงที่ห้อยพะรุงพะรังในมือสูง ปิดหัวเอาไว้ เผื่อมันจะเห็นของโปรดในมือผมบ้าง กระทั่งความเงียบเข้าสิงสู่ ดวงตาคมของสุดหล่อด้วยสวยด้วยอย่างผมค่อยๆ แหวกซอกถุงออกเพื่อมองหน้ามัน
"อ้าว!"
นี่แหละนาเขาบอกว่าเพื่อนรักนักปั๊มไข่ รู้ใจกันของจริง อีแม่ไก่ที่ยืนหน้าบึ้งตึงเมื่อกี้ มันกำลังยิ้มแฉ่งแก้มฉีกกว้างอย่างกับโจ๊กเกอร์แล้วตอนนี้ เมื่อตากลมคู่นั้นมองเห็นของโปรดที่อยู่ในมือของผม อีนี่มันเห็นแก่กินจริงๆ!
"ดีกันนะจ๊ะ เมียจ๋า"
"มึงมันไอ้ฉิบหาย ไอ้ห่า ฮ่าๆ"
"ฮ่าๆ"
หัวเราะแห้งๆ ตอนนี้ผมเริ่มสับสนว่าแท้จริงมันโกรธผมจริงๆ หรือเปล่า หรือมันแกล้งทำเป็นโกรธผมเพื่ออยากกินขนมในมือ ที่มันก็น่าจะรู้ว่าผมต้องง้อมันด้วยของกินอีกตามเคย แต่ช่างเถอะ! พอสถานการณ์เริ่มดีขึ้นผมจึงค่อยๆ เข้ามาหย่อนก้นนั่งลงบนโซฟาข้างๆ ร่างเล็ก
"กูขอโทษนะเว่ย"
ผมเอ่ยออกไปในขณะที่กรุ๊งกริ๊งกำลังหยิบขนม ครอฟเฟิลหน้าวิปครีมนูเทลล่ามิกซ์สตรอว์เบอร์รีที่มันชอบกินประจำขึ้นมา ยัดเข้าปากไปจนแก้มข้างขวาของมันที่มีรอยช้ำจากฟันของผมเบ่งบานป่องออก แถมครีมยังปูดออกมาเลอะเทอะเรียวปากอวบจนปลิ้นร่วงหล่นลงพื้นห้องอีก ลำบากผมต้องตามเก็บตามเช็ดล้างให้เช่นเคย อย่างเคยทำให้มาเสมอ จนอีแม่ไก่เริ่มเสียนิสัย
"กูไม่ได้ตั้งใจ ซื้อเสื้อมาทดคืนให้แล้วด้วย หายงอนกูได้ยัง?"
"เออ...หายก็ได้!"
พูดจบแล้วมันก็ยัดครอฟเฟิลหน้ากล้วยหอมนูเทลล่าเข้าปากไปอีกชิ้นด้วยท่าทางสุดจะสบายใจ ละมุนละไมอุราเสียจริงๆ อีคนที่มันโมโหไล่ตีผมเมื่อกี้มันหลบเข้าหลุมกลบดินฝังตัวเองไปแล้วมั้ง
"มึงนี่มันเป็นคนฉิบหายมากเลย รู้ตัวปะ!"
"แหม ก็แค่อยากหยอกเมียทำไม่ได้เหรอจ๊ะ"
"ได้สิค่ะผัวข๋าาาา เดี๋ยวเหอะไอ้ฉิบหาย"
อยากด่าผมยังไงก็ด่าไปเถอะ ผมก็คงฉิบหายจริงๆ แหละ นึกแล้วก็สงสารมัน รู้สึกผิดที่อดความมันเขี้ยวเอาไว้ไม่ได้ กัดแก้มมันแรงเกินไปจริงๆ นิ้วยาวของผมเร่งเขี่ยแก้มมันเบาๆ ตรงร่องรอยช้ำตามโครงสร้างของฟันผม แต่อีกใจเห็นแล้วก็อดขำไม่ได้ เออขำแม่งซะเลย
"ฮ่าๆ"
"ขำเหี้ยไรกูอีก?"
"มึงจะบอกเพื่อนว่าไงกับรอยนี้?"
ผมเองก็อยากรู้ เพราะอีกไม่ถึงสามสิบนาที เราสองคนต้องไปเรียนกันแล้ว แต่แก้มของกรุ๊งกริ๊งมันไม่มีทางหายช้ำได้ทันแน่ๆ ยิ่งมันเป็นคนผิวขาวแบบนี้หรี่ตามองมาตั้งแต่นอกโลกก็รู้ว่ามันเป็นร่องรอยของฟัน และรอยกัด ที่ผมเห็นทีไรรู้สึกพอใจกับผลงานของตัวเองจริงๆ
"เฮอะ!"
ยิ่งกว่าโดนดูดที่ต้นคออีกแบบนี้ใครเห็นก็ต้องคิดว่ามันโดนแฟนกัดมาแน่ๆ ถึงมันจะไม่เคยพูดชัดเจนเรื่องนี้ก็เถอะ เอารอยไปก่อนแล้วให้เพื่อนตามมาถามกันเองแล้วกัน
"หมากัด จบมะ?"
"กูไม่ใช่หมา"
"มึงไม่ใช่หมาธรรมดานะ...แต่มึงเป็นหมาว้อต่างหาก ไอ้ฉิบหาย!"
จะดีแล้วเชียว หมาเฉยๆ กับหมาว้อมันก็หมาอยู่ดีปะวะ ผมควรจะดีใจหรือต้องทำหน้ายังไง ถ้าเพื่อนถามมันจริงๆ ว่าใครกัด และมันบอกว่าเจอหมาว้อกัดมา หมาว้อกัดมาทั้งวันเลยนะเอาจริง
"แล้วเสื้อกูอยู่ไหนอะ?"
"นู่น! รีดไว้ให้แล้ว ย้ายร่างสี่ขาหมาว้อน้ำลายไหลสอของมึงไปเอามาห่อตัวได้แล้ว"
"แต่งเชี่ยอะไรของมึงวะเนี่ย เป็นคำคล้องกันอีก"
"ฮ่าๆ"
ผมมองหน้ามันที่กำลังดูดชาเขียวหวานน้อย น้ำตาลห้าสิบเปอร์เซ็นต์สูตรเดิม ร้านดังหน้ามอ.ที่มันชอบกิน เข้าปากด๊วบๆ อยู่ที่โซฟา ก่อนจะยันตัวลุกยืนเร่งมือถอดเสื้อยืดออก และกระชากชุดนักศึกษาที่แขวนไว้หน้าประตูห้องนอนเข้ามาสวมใส่ต่อหน้ามันที่นั่งมองผมอยู่ แต่ทว่าพอกดตาคมจ้องลงที่หน้ามันขณะกำลังนั่งอึ้ง ดวงตาเปิดกว้างราวกับกำลังตื่นตกใจกับอะไรบางอย่างจนผมเองเริ่มต้องแปลกใจไปด้วย
"มองทำไม? หุ่นกูดีใช่ปะล่ะ?"
"มึงลืมรูดซิป"
"ฮะ ชะ เชี่ย!!"
ทันทีสมองประมวลผลได้ทันเวลา ผมรีบก้มลงมองเป้ากางเกงของตัวเองทันที ฉิบหาย! กางเกงลิง ตัวจิ๋วสีแดงสดสุดล่อตาล่อใจ โผล่หัวออกมาเซฮายกรุ๊งกริ๊ง ไอ้ผมก็เลือกใส่ได้ถูกวันเสียด้วยจริงๆ เลย
"ฮ่าๆ เบบี้ขุนศึก เบบี้ขุนศึก ฮ่าๆ"
เสียงขำลั่น พร้อมกับคำล้อเลียนสุดจะขายขี้หน้าดังอยู่ข้างหลังของผม ในขณะที่นิ้วยาวเร่งรีบรูดซิปกางเกงที่ผมเองลืมรูดมันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ และที่สำคัญผมออกไปซื้อของมาให้มันอีกต่างหาก บ้าสุดๆ คนอื่นเห็นกันทั้งประเทศไทยแล้วมั้ง หรือช้างน้อยจอมซนอยากออกมาสูดอากาศกันแน่ เอาดีๆ นะ เบบี้ขุนศึกอายคนนะลูก!
"ไอ้ห่า!! กูลืมตั้งแต่ตอนไหนวะเนี่ย"
"ฮ่าๆ"
กรุ๊งกริ๊งก็เอาแต่ขำผมลั่นห้อง ขำจนหน้าดำหน้าแดงเร่งห่อตัวงอ ใช้นิ้วกดหน้าอกของตัวเองด้วยท่าทางพออกพอใจเสียเหลือเกิน
"หยุดขำกูเดี๋ยวนี้นะกริ๊ง"
"ไม่ ฮ่าๆ"
"กริ๊งหยุด"
"ฮ่าๆ เบบี้ขุน...ฮึก"
ความเขินอายและความตกใจ ผมรีบตรงเข้าไปกดตัวมันนอนลงที่โซฟา รีบขึ้นคร่อมร่างและยกนิ้วอุดปากมันเอาไว้ในขณะที่สีหน้าตึงขึงขังอย่างจริงจัง จ้องมองหน้าคนใต้ร่างของผมแน่นิ่ง อยู่ๆ หัวใจทั้งดวงของผมก็เต้นสั่น เมื่อนิ้วเรียวของมันยกขึ้นมาทาบหน้าอกที่อยู่ภายใต้ชุดนักศึกษาที่ยังไม่ได้ติดกระดุมเลยสักเม็ด
"กริ๊ง!"
แต่ทว่ามันกลับไม่ผลักดันตัวผมออก ได้แต่จ้องหน้ากันอยู่สักพักด้วยความรู้สึกมากมายที่ผมอยากจะทำกับมันจริงๆ และอยากจะทำเอามากๆ เพราะตอนนี้เบบี้ขุนศึกเริ่มไม่เบบี๋แล้วนะสิ เมื่อมันกำลังจะกลายร่างเป็นงูหลามอิ่มหมาในไม่ช้านี้แล้วนะมึง!
Talk
จากเบ้บี้ขุนจากกลายร่างเป็นงูหลามอิ่มหมา วะซ่าน5555
