ใครก็คิดแบบนั้น
[Kungking Talk]
ทฤษฎีที่ 4
ทำเป็นนิ่งเฉย เมื่อถูกคิดว่าเป็นแฟนกันจริงๆ
"อื้อ อะ ปล่อย"
ใบหน้าหวานที่นิ่งเฉยแล้วจริงจังของขุนศึก จ้องมองหน้าของฉันใกล้ๆ และเริ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ กระทั่งนิ้วมือของฉันที่อุตส่าห์แอบแต๊ะอั๋งเนินอกของมันรับน้ำหนักมากขึ้นไม่ไหว มันจึงดึงสติสตังของฉันที่กำลังหลงใหลในกลิ่นกายของมันกลับมา ฉันจึงรีบยกมือดึงนิ้วของมันที่อุดปากเอาไว้ออก และผลักตัวมันไปกระทั่งร่างใหญ่ล้มลงไปนั่งที่พื้น
"เค็มว่ะ! มึงฉี่แล้วล้างนิ้วบ้างป้ะเนี่ย?"
"พึ่งล้างก้นมา ไม่ได้ล้างด้วยสบู่"
"แหวะ!"
รู้ว่ามันแกล้งฉัน แต่ฉันก็แค่ไหลตามน้ำไปงั้น เพราะสายตาของมันบ่งบอกได้โคตรจะโคตรชัดเจนเลยว่าคิดอะไรกับฉันจริงๆ แถมยังไหลวูบตกลงราวกับกำลังเสียดาย รู้แหละว่าเสียดายแค่มันไม่ยอมพูดออกมาตรงๆ สักครั้ง เอาสักทีเถอะขุนศึก ถ้าพูดออกมาตรงๆ นี่ยอมหมดเลยนะ
"ล้อเล่นน๊า"
"เฮอ! รีบแต่งตัวได้แล้ว อีก 20 นาทีจะ 10 โมงละนะ"
ขุนศึกพยักหน้าให้ฉัน ก่อนที่มันจะรีบยันตัวลุกขึ้นเดินตัวเอียงๆ พลางหันหลังผ่านหน้าฉันไป ด้วยท่าทางสุดจะแปลกประหลาด ราวกับซ่อนอะไรไว้ด้านหน้า ไม่อยากให้ฉันเห็น เอ๊ะ! หรือว่ามีบางอย่างกำลังชูคอรอให้ซากหมาในท้องย่อยก่อนวะ แน่! รู้นะไอ้ขุน!
"เฮ่ยๆ ไรวะ"
เมื่อรู้ทันฉันก็แกล้งมันด้วยการเดินเข้าไปใกล้ๆ ทำเหมือนกับว่าจะเดินเข้าไปมองดูน้องชายสุดหล่อของมัน อยากแกล้งแหละ หมั่นไส้!
"เฮ่ย! อะไรของมึงเนี่ย?"
"เฮ่ย! ซ่อนอะไรไว้วะ?"
แกล้งโง่ ให้มันคิดว่าฉันเป็นไก่ไปก่อน ขุนศึกรีบลนลานเร่งเท้าเดินหนีฉันตรงไปยังห้องน้ำ เพราะกลัวฉันจะเห็นเบบี้ขุนของมัน แต่จังหวะที่มันเผลอหันมาปิดประตูห้องน้ำ ชัดเจนเต็มเป้าเลยสิครับ หน้าแดงยิ่งกว่าไฟแดงแยกราชประสงค์อีก
"ไอ้บ้าเอ๊ย เร็วๆ นะ"
รอยยิ้มกรุ้มกริ่มเผยออกมาจากเรียวปากของฉัน หุบไม่ได้ บ้าเรายิ้มอยู่! เป็นอย่างนั้นเกือบสามนาที ก่อนที่ประตูห้องน้ำจะเปิดกว้างออก พร้อมกับร่างของขุนศึกเดินออกมา แต่คราวนี้มันไม่มองหน้าฉัน เอาแต่หน้าบึ้งตึง รีบเดินจ้ำอ้าวคว้าเสื้อยืดตัวเองและเดินออกจากห้องฉันไป
"ฮึก ฮ่าๆ"
ขำสิครับรออะไรก่อน ท่าทางสุดจะง้องอนที่ความต้องการของมันไม่บรรลุผล คงจะปวดหนึบแหละดูออก แต่ก็อย่างว่าถ้ามันกล้าปริปากบอกคำว่ารักกันสักนิดก็ยังดี แต่นี่อะไรอมสากกะเบือยันเรือรบ เอาไว้ตั้งแต่ปีหนึ่งยันตอนนี้ปีสี่แล้วปะ นี่เทอมสองแล้วนะก็จะเรียนจบกันแล้วเหอะ นึกแล้วก็เศร้าใจ สรุปฉันกับมันจะไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้เลยเหรอวะ นอกจากคำว่าเพื่อนกันเนี่ย?
มหาวิทยาลัย BU
คณะนิเทศศาสตร์
ห้องเรียน
"เฮ่ย! ผัวเมียคู่นี้มาเรียนเกือบสายนะมึง"
เสียงเพื่อนๆ เอ่ยปากแซวฉันกับขุนศึกที่เดินเข้ามาพร้อมๆ กัน ในขณะที่อาจารย์เข้ามารอในห้อง และกำลังวุ่นวายกับการต่อสายโน๊ตบุ๊คอยู่ เอาจริงก็เกือบสายจริงๆ แหละ ปกติแล้วฉันจะกะเวลาก่อนเริ่มเรียนเกือบสามสิบนาที แต่วันนี้มันเกิดเหตุฉุกละหุกไปหน่อย
"เออสาย!"
แต่ทว่าด้วยความเคยชินที่โดนเพื่อนในห้องเอ่ยแซวกันเป็นประจำ จนฉันกับขุนศึกขี้เกียจปฏิเสธพวกมันไป เพราะปฏิเสธยังไงมันก็แซวกันเหมือนเดิม จึงปล่อยเลยตามเลย ยิ้มหวานให้เพื่อน ก่อนจะเดินตรงมาใกล้กลุ่มเพื่อนสนิท
"เฮ่ยอีกริ๊ง! แก้มมึงไปโดนใครกัดมาวะ?"
คิดไว้ไม่มีผิดลูกน้ำที่เห็นหน้าฉันเป็นคนแรกของกลุ่มเอ่ยทักขึ้น ก่อนที่เพื่อนๆ คนอื่นๆ จะหันมามองเป็นตาเดียว ต้องตอบยังไง หมาว้อกัดมามันคงจะเชื่อกันหรอก แต่ถ้าบอกความจริงไป มีหวังเพื่อนล้อตายห่าว่าฉันเยเย้กับไอ้หน้าห่านนี้แล้วแหงๆ
"เอ้า! สรุปใครกัดมึงมา?"
"อีชะนี! พวกมึงนี้มันโง่จริงๆ มันอยู่กับไอ้เหี้ยขุน ถ้าไม่ใช่ไอ้เหี้ยนี่จะเป็นใครล่ะ?"
"เฮ่ย!"
ไททันและแตงกวาชี้หน้ากันทำท่าเลิ่กลั่กๆ จนมันน่าสงสัยว่ามันสองคนมีอะไรปิดบังฉันหรือเปล่า กระทั่งหันมาเจอไอ้หน้าหวานยังคงยิ้มกริ่มให้ฉันด้วยท่าทางพอใจในผลงานของตัวเอง
"เออ ไอ้หมาว้อนี่แหละมันกัดกู"
"เฮ้ย! อย่าบอกนะว่ามึงสองคน?"
"ไม่มีอะไร! มันแค่เล่นกับกูแรงไปหน่อย จริงปะไอ้ขุน"
ก็ไม่รู้จะปฏิเสธเพื่อนไปทำไม เมื่อมันก็รู้อยู่แล้วว่าไม่ใช่รอยอื่นแน่ๆ มันออกจะฟกช้ำดำเขียวชัดเจนขนาดนี้ว่าเป็นรอยฟันคนกัดมา ฉันจึงเลือกที่จะพูดความจริงไป ยังไงเสียมันก็รู้ว่าฉันอยู่กับขุนศึกอยู่แล้ว
ก่อนจะหาตัวช่วยคือกระทุ้งศอกเข้าที่ท้องของขุนศึกที่นั่งอมยิ้มกริ่มอยู่โต๊ะข้างๆ ให้มันช่วยฉันอธิบายหน่อย แต่แม่งก็เงียบเฉย เฉยเกิน จนแม่อยากจะเอาปากกาในมือจิ้มตาเยิ้มๆ ของมันสักที
"มึงนะ มึงสองคนนะ"
"อะไร?"
"ถ้าจะเยเย้กันก็รีบๆ ขอกันเป็นแฟนให้มันจบๆ กูเบื่อแล้วไอ้สัตว์"
"เฮ้ยไอ้เหี้ยคี!"
วันนี้มันเป็นวันอะไรกันทำไมเพื่อนฉันในกลุ่ม มันทำท่าทางแปลกประหลาดกัน ฝั่งชายระริกระรี้ให้ฉันกับขุนศึกได้กัน แต่ทว่าฝั่งหญิงทำเหมือนห้ามกันสุดฤทธิ์สุดเดช จนฉันเริ่มสงสัย งานนี้จะปล่อยผ่านได้ยังไง ขี้เสือกขนาดนี้
"มีอะไรกันวะ?"
"เปล่า ไม่มีเลย"
"อย่าคิดมากมึงอะ สนใจนู้นอาจารย์ศักดิ์ชัยมาแล้ว"
ลูกน้ำ และคีตะเร่งปฏิเสธฉันหน้าตาย เฮอะ! มองยังไงไอ้ตัวแสบทั้งกลุ่มนี้ก็มีพิรุธอะบอกเลย
"ฮัลโหลพวกเธอได้ยินอาจารย์ไหมคะ?"
ยังไม่ทันได้ที่ฉันจะจับไต๋เพื่อนในกลุ่มได้ อาจารย์ศักดิ์ชัยก็ประกาศใส่ไมค์ดึงความสนใจนักศึกษาคนอื่นๆ จนกระทั่งฉันต้องจำใจตีความสงสัยนั้นกลับเข้าสู่ซอก หลืบหัวใจอีกรอบ เอาไว้ก่อน เดี๋ยวมาตามทุบหัวทีละคนเลย เดี๋ยวก่อนเหอะ
1 ชั่วโมงผ่านไป
"ไหนตอบอาจารย์มาสิคะนักศึกษา?"
ในขณะที่เพื่อนนั่งเรียนกันอยู่ในห้อง อาจารย์ศักดิ์ชัยก็สอนไปตามสไตล์ผู้ชายมุ้งมิ้ง จิตใจไม่เต็มร้อย เอ่ยถามถึงเรื่องราวของเนื้อหาเกี่ยวกับบทเรียนขึ้น ก่อนที่ร่างท้วมจะเดินอุ้ยอ้ายถือไมค์สุ่มหานักศึกษาที่จะตอบคำถามแกได้ แต่เดี๋ยวก่อนนะทำไมเข้ามาใกล้ฉันเรื่อยๆ วะ เอาดีๆ นะอาจารย์
"เธอ!! ยัยหน้าสวย"
อ้าวหน้าสวยไหนละ ถึงจะยอมรับว่าตัวเองสวยแต่ฉันก็ไม่อยากตอบแกเหมือนกันนะ เพราะในสมองไม่มีอะไรเลยนอกจากนั่งเหงาหลับกำลังจะเคลิบเคลิ้มเข้าเฝ้าพระอินทร์ เมื่อคืนดูซีรีส์ดึกไปหน่อยยาวเกือบถึงตีสาม แต่เสียงของอาจารย์ที่กระแทกเสียงเข้มใส่ไมค์ทำให้ฉันสะดุ้งตื่นอีกรอบ
"เธออะ!!"
เธออะ เธอไหน! ฉันก็ไม่รู้เพราะตอนนี้ฉันก้มหน้าต่ำหลบสายตาอาจารย์อยู่ กลัวแกถาม อย่าถามเลยนะ ถามมาก็ตอบไม่ได้อายเพื่อนค่ะอาจารย์ โปรดเห็นใจด้วย
"ยัยหน้าสวย ยัยแฟนขุนศึกอะ ชื่ออะไรนะ?"
"กรุ๊งกริ๊งค่ะอาจารย์!!"
ฉิบหาย! รู้ดีอีกท้วงกันขนาดนี้ฉันก็ต้องยอมเงยหน้าขึ้นแล้วปะ แล้วมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ สายตาของเพื่อนทั้งห้องหันมาจับจ้องมองที่ฉันนิ่ง พร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคักๆ กันด้วยความสะใจ ไม่เว้นแม้แต่สายตาภายใต้แว่นตาใสของอาจารย์ที่มองมาที่ฉันเพื่อคาดคั้นเอาคำตอบ
"เอ่อ...อาจารย์ ขอคำถามอีกรอบหน่อยได้ไหมคะ?"
"ฉันว่าละยัยนี้ไม่ฟังที่ฉันสอน มัวแต่นั่งหลับฉันเห็นนะ"
"แฮร่!"
เห็นอีก อุตส่าห์หลบมุมแล้วนะอาจารย์ ถามมาก็ตอบไม่ได้อยู่แล้วปะ แถมไม่รู้แม้กระทั่งคำถาม ยิ้มแห้งให้แล้วกัน ถามว่าฉันอายเพื่อนไหม อายมากค่ะเพื่อนได้โปรดอย่าขำเยอะ เกรงใจหน้าสวยของฉันด้วย
"ใครกัดแก้มเธอมาเนี่ย?"
"ฮ่าๆ"
เพื่อนในห้อง ต่างหันมามองหน้าฉันพร้อมกับเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น ไม่ต่างจากเจ้าของรอยฟันที่ทิ้งไว้บนแก้มของฉันเช่นเดียวกันอีกต่างหาก หน็อยแน่! ไอ้! ไอ้ห่านแก่หัวโปก
"เออ แฮร่"
"ไอ้หล่อนี่ละสิ เฮ้อ! เด็กสมัยนี้จริงๆ เลย"
หนักใจที่ต้องมาตอบนะ แค่เพื่อนในกลุ่มไม่ว่านี่เพื่อนทั้งห้องที่ยังไม่เห็นกลับต้องมาเห็นก็ตอนนี้แหละอาจารย์จะจี้ไปไหนก่อน
"เออคือ..."
"ถ้าตอบไม่ได้ก็ให้แฟนเธอตอบ"
"แฟนหนู?"
นิ้วเรียวชี้เข้าหาตัวเองทั้งสองข้าง พลางกะพริบตาปริบๆ ถามอาจารย์อีกรอบหนึ่งเพื่อความชัวร์ ก่อนที่อาจารย์ร่างท้วมจะเดินเอาไมค์มายื่นให้ขุนศึกตอบคำถามของแกแทนฉัน และมันก็ดันตอบได้ดีอีกซะด้วย มึงนี่จะเอาดีทุกอย่างเลยเหรอ หล่อหน้าหวานไม่พอ เรียนเก่งอีกต่างหาก สมควรแล้วที่มันเรียกฉันแม่ไก่
"เริ่ดมากปรบมือให้สุดหล่อประจำห้องหน่อยค่านักศึกษา"
เพื่อนๆ ทุกคนภายในห้องต่างปรบมือให้ขุนศึกตามคำบอกของอาจารย์ศักดิ์ชัย รวมแม้กระทั่งฉันที่นั่งปรบมือแปะๆ ให้มันอยู่ข้างๆ กัน ก่อนจะหันไปมองหน้ามันที่อมยิ้มกรุ้มกริ่มส่งให้ฉันด้วยท่าทางพอใจ ยักคิ้วหลิ่วตาให้อีกต่างหาก พอใจหรือสะใจให้ปั้นหน้าใหม่ขุนศึก! เดี๋ยวจะโดน
"มึงไม่คิดจะแก้ข่าวหน่อยเหรอ?"
"ต้องแก้ว่าไง?"
"ก็..."
"กูไม่ถนัดแก้ข่าว ถนัดแต่แก้ผ้า"
"ถุยไอ้สัตว์!"
ฉันมองหน้ามันด้วยความเอือมระอา แต่ก็นะเพื่อนทุกคนก็คิดว่าฉันกับมันเป็นแฟนกันอยู่แล้ว ยกเว้นเสียแต่เพื่อนในกลุ่มที่พอจะเข้าใจสถานะจอมปลอมของฉันกับขุนศึก หรือเปล่า? ก็คงใช่
"เฮ้อ!"
เมื่อฉันเคยตอบมันชัดเจนและหนักแน่นถึงความสัมพันธ์นี้ตั้งแต่ปีสองแล้ว และถึงจะเป็นกันอยู่แบบนี้ที่คนอื่นเข้าใจผิดไป แต่ก็ไม่มีอะไรพัฒนาไปไหนเลย จนฉันเองก็ท้อพอสมควร เมื่อไหร่มันจะคายประโยคเด็ด มัดใจสาวออกมาสักที ไอ้ห่านฟ้ากินยุง
Talk
อายเค้าไหมละสาว ให้ผู้ชายกัดแก้มมาแถมตอบอาจารย์ไม่ได้อีกต่างหาก เรียนๆเล่นๆระวังจะได้ผัวจริงๆนะจ๊ะ
