บทที่ 8 แผนการเอาทรัพย์สินกลับคืนเริ่มแล้ว
เมื่อเหยียนเฟยมีเป้าหมายชัดเจน วางแผนเสร็จแล้ว การที่นางมีสีผิวไม่น่ามองจึงไม่มีประโยชน์อีกต่อไป
สมุนไพรที่ได้มานานแล้วถูกเหยียนเฟยนำมาต้มและใส่ลงถังอาบน้ำเพื่อใช้ชำระล้างสีบนกายในที่สุด สีน้ำตาลคล้ำมลายหายเป็นผิวขาวกระจ่างใส มิต่างจากผิวเด็กเผยออกสู่สายตาสองบ่าวที่ช่วยเจ้านายล้างตัวทันที
ไม่แปลกที่ผิวยามไร้สีปกป้องจะขาวกระจ่างน่ามอง สีชนิดพิเศษนอกจากช่วยอำพรางผิวและความงามของร่างนี้แล้ว ผู้เฒ่าพิษยังบอกอีกว่ามันจะช่วยบำรุงและปกป้องไปในตัว ให้นึกถึงไข่ขาวที่มีเปลือกไข่ปกป้องนั่นล่ะ
“คุณหนูรองผิวนุ่มเด้ง และกระจ่างใสยิ่งกว่าเด็กแรกเกิดอีกนะเจ้าคะ”
น้ำเสียงแกมอิจฉาของซูเหมยดังขึ้น ส่วนมือก็ลูบผิวของเหยียนเฟยไม่หยุดเช่นกัน ลูบจนเจ้าของผิวมองตาขวางนั่นล่ะถึงค่อยถอนมือกลับไป
“ไว้ว่างๆ ข้าทำให้พวกเจ้ามีผิวขาวใสแล้วกัน”
แววตาสว่างไสวขึ้นมาของสองบ่าวทำเอาเหยียนเฟยหยักยิ้มมุมปากโดยพลัน สตรีคนใดบ้างไม่ชอบให้ตนเองงดงาม ไม่เว้นแม้แต่เจียวเหมยที่ดูทำแต่งานไม่สนใจเรื่องนี้
แผนของเหยียนเฟยนั้นคือนางจะเข้าหาผู้มีอำนาจในจวนตระกูลเฉินตอนนี้อย่างอารอง ที่เป็นประมุขตระกูลคนปัจจุบัน เขาคือต้นแบบของบัณทิตหนุ่มที่น่าเลื่อมใส นิสัยใจคอของท่านอารองผู้นี้เหยียนเฟยมั่นใจยิ่งนักว่าเขาไม่รู้เรื่องที่อาสะใภ้รองตั้งใจจะโกงสินทรัพย์ของหลานอย่างนาง อีกทั้งนางคิดว่าคงจะสามารถใช้นิสัยของท่านอารองมาช่วยนางเอาสินเดิมของมารดากลับมาได้ด้วย
ฉะนั้นหลายวันมานี้เหยียนเฟยจึงพยายามเข้าหาท่านอารอง ด้วยเรื่องที่เขาสนใจ คือบอกว่านางสนใจอยากเขียนอักษรให้เก่งอย่างเขา เขียนส่งไปให้เขาดูหลายทีจนวันนี้ในที่สุดท่านอารองก็เรียกนางไปพบ บอกว่าจะสอนเทคนิคการเขียนอักษร เนื่องจากวันนี้สำนักศึกษาให้หยุดงานพอดี
แต่ก่อนไปตามเวลานัดกับอารอง เหยียนเฟยก็ต้องทำภารกิจหย่อนเหยื่อไว้ให้ปลามากินเบ็ดก่อน
นางหยิบกล่องไม้ที่ข้างในมีขนมกุ้ยฮวาขึ้นมามุ่งหน้าไปยังเรือนของพี่ใหญ่ แม้นขนมนี้นางไม่ได้ทำเองแต่ความตั้งใจในการเอาขนมนี้ไปให้พี่ใหญ่อย่างโจ้งแจ้งนี้ย่อมมีคนเห็นบ้างล่ะ
นางยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ทั้งทำให้พี่ใหญ่ประทับใจที่นางนึกถึงเขาบ้าง และทำให้คนผู้นั้นที่มีนิสัยหวงพี่ชายหลงเข้ามากินเหยื่อที่นางตกไว้ด้วย
ทว่าตอนเหยียนเฟยมาถึงเรือนของจิ้งหลินนั้นก็พบความผิดพลาดอย่างหนึ่งเข้าแล้ว บ่าวที่นางให้ไปดูว่าพี่ใหญ่อยู่ไหมบอกว่าอยู่ซึ่งมันก็จริง ทว่าไยไม่บอกว่าเขากำลังมีแขกเล่า
อีกทั้งแขกของจิ้งหลินคือ ทรราชผู้นั้นที่นางเจอเขาตอนตนเองแอบออกไปนอกจวนอีกด้วย!
เพื่อยังคงให้ความลับอยู่ตลอดไป นางต้องไม่ไปโผล่หน้าให้เขาเห็นเป็นเด็ดขาด...
“น้องรอง ไยยืนตากอากาศหนาวเช่นนั้นเล่า รีบเข้ามาในศาลาเถอะ เดี๋ยวจะเป็นหวัดไปเสียก่อน”
พี่ใหญ่ ท่านช่างตาดีเสียจริง แม้นเหยียนเฟยจะกลับหลังหันให้พี่ชายแสนดีของนางแล้ว
นางอยากจะอ้าปากงับหัวพี่ชายต่างบิดามารดาผู้นี้เสียจริง...
เมื่อเหลือบสายตามองแขกผู้ทรงเกียรติที่หันข้างให้นางอยู่ก็ยิ่งรู้สึกกดดันเข้าไปใหญ่
“ไม่ดีกว่าเจ้าค่ะ ข้าไม่อยากรบกวนพี่ใหญ่กับแขกทะ...”
“ไม่เลย เมื่อครู่ตอนเห็นเจ้าอยู่ไกลๆ พี่นึกว่าแขกคนใดมาเยือนที่เรือนพี่เสียอีก... ท่านอ๋องน่ะไม่ถือสาหรอก หากไม่ใช่เขาจำเจ้าได้ก่อน พี่ก็เกือบจะลุกขึ้นไปหาเช่นกัน มานั่งเถอะ อากาศหนาวเช่นนี้เหมาะแก่การดื่มชาอุ่นๆและขนมยิ่งนัก”
เหยียนเฟยยิ้มไปหนังปากก็กระตุกยิกๆไม่หยุด นางจำต้องเดินตามคำเรียกร้องของพี่ชายไปนั่งยังเบาะนั่งข้างเขา ฝั่งตรงข้ามคือฉีอ๋อง เซี่ยเจ๋อรุ่ยนั่นเอง
เจ๋อรุ่ยผู้ที่ไม่คิดจะเปิดเผยเรื่องที่เขาเจอนางหนีออกไปเที่ยวเล่นนอกจวนอยู่แล้ว แต่พอเห็นสีหน้าเกร็งและดูไม่เต็มใจที่จะมาร่วมวงน้ำชาเช่นนั้นในใจพลันรู้สึกอยากแกล้งขึ้นมา
จึงเอ่ยปากทักสตรีหนึ่งเดียวในวงสนทนาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“คุณหนูรองเฉิน ช่างมีหลายภาพลักษณ์เสียจริงเชียว เมื่อคราล่าสุดที่ได้พบยังมิใช่เช่นตอนนี้เลย...”
พูดยังไม่ทันจบดีคนที่กำลังยกชาอุ่นกำลังดีขึ้นจิบก็สำลักเสียแล้ว ชาที่ออกจากปากกระเด็นสาดกระจายนั้น หากผู้ใหญ่มาเห็นย่อมถูกตำหนิร้ายแรงแน่ว่าไร้มารยาท ทว่าในสายตาคนไร้กฎเกณฑ์เช่นกันอย่างผู้ถูกเรียกว่าทรราช กลับมองด้วยสายแฝงความเอ็นดู
นางสำลักจนปลายจมูกเชิดแดงไปหมด...
ไหนจะน้ำตาคลอเบ้าอีกล่ะ
มองไปมาชักทำเอาคนต้นเหตุรู้สึกผิดไม่อยากแกล้งเสียแล้ว...
“น้องรองเจ้าเอาผ้าพี่ไปซับหน้าก่อน...”
จิ้งหลินยื่นผ้าปักฝีมือมารดาไปตรงหน้าน้องสาวที่นั่งสำลักจนหน้าแดง ในเวลาเดียวกันนั้นเองก็มีผ้าอีกผืนจากสหายของเขาที่นั่งฝั่งตรงข้ามยื่นมาเคียงข้างกัน
สายตางุนงงของพี่ชายปะทะสายตาไร้อารมณ์ของอ๋องหน้านิ่งทันที