บทที่ 8 แผนการเอาทรัพย์สินกลับคืนเริ่มแล้ว (2)
ท้ายสุดแล้วผ้าเช็ดหน้าสองผืนก็ไม่ถูกเลือก คนสำลักคว้าผ้าเช็ดหน้าส่วนตัวของตนขึ้นมาแทนจัดการเช็ดหน้าเช็ดตาจนเรียบร้อยค่อยส่งยิ้มจืดเจื่อนให้
“เมื่อคราก่อนหน้าข้าเพิ่งกลับมาจากบ้านเดิมของท่านย่ายังไม่ทันขัดขี้ไคลบนตัวที่สะสมมาหลายปี จึงมีสภาพเช่นนั้นเจ้าค่ะ ตอนนี้ว่างแล้วจึงเปลี่ยนเป็นเช่นนี้เจ้าค่ะ”
“ฮะฮ่า น้องพี่ช่างพูดจาน่าขบขันยิ่งนัก เจ้าโตขึ้นย่อมงามขึ้นไม่ต่างจากท่านป้าสะใภ้ใหญ่และท่านลุงนั่นแหละ”
จิ้งหลินชะงักค้างกับคำตอบไม่ห่วงสวยของน้องสาวก่อนมีสติช่วยแก้ต่างให้ ทว่าประโยคเมื่อเขานั้นไม่เกินจริงเลย
พอเหยียนเฟยลบความหมองคล้ำดำปื้นออกเค้าความงามอย่างมารดาของนางมิผิด
อา ยิ่งมองยิ่งทำให้คิดช่วงที่ป้าสะใภ้ทำขนมมาให้พวกเขายามต้องเรียนวิชาต่างๆจากท่านอาจารย์โดยมิหยุดพัก...
“เป็นเช่นนี้หรือ ข้าก็นึกว่าตั้งใจให้เป็นเช่นนั้นเพื่อตบตาใครเสียอีก...”
เจ๋อรุ่ยจ้องมองคู่สนทนานิ่งสายตาสองคนส่งไปมา ส่วนจิ้งหลินนั้นมัวแต่หลงในความทรงจำในอดีตอันแสนงดงามจนไม่รับรู้บรรยากาศรอบข้างแล้ว
“สตรีไหนเลยจะอยากอัปลักษณ์หากไม่จำเป็นเจ้าคะ บุรุษบางคนก็ยังปิดบังตัวตนเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่างเลย หวังว่าฉีอ๋องจะเข้าใจเจ้าค่ะ”
“...”
“...”
ไม่รู้ว่ากลับมาไร้บทสนทนาตั้งแต่เมื่อใด สงครามตอนนี้กลายเป็นสงครามที่ปะทะกันทางสายตา หากไม่ได้จิ้งหลินที่หลุดจากภวังค์มาเสียก่อนไม่รู้ว่าสายตาสื่อความหมายที่ปะทะกันไปมาจะจบลงเมื่อใดเช่นกัน
“แล้วในกล่องไม้นี่น้องรองเอาอะไรมาหรือ ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆเชียว?”
เหยียนเฟยละสายตาแต่นางมิใช่ยอมแพ้แต่อย่างใดนะ เพียงแต่ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดกับเรื่องที่ไม่น่ากังวลอีกต่อไปต่างหาก นั่งมาพักหนึ่งแล้วฉีอ๋องที่ล่วงรู้ว่านางหนีออกจากจวนตระกูลเฉินคราก่อนก็ยังไม่ปริปาก นั่นแสดงว่าเขาก็ไม่ได้คิดจะเปิดเผยอยู่แล้ว
นางกลับมาตั้งสติกับเหตุผลแรกที่ทำให้นางมาที่นี่ทันใด
“อ้อ บ่าวในเรือนทำขนมกุ้ยฮวาน้องชิมแล้วรสชาติดีมากจึงแบ่งมาให้พี่ใหญ่และคนอื่นๆเจ้าคะ ท่านลองชิม...”
ด้วยความที่มีคนนั่งสองคน ขนมกุ้ยฮวาสี่ชิ้นพอถูกวางแล้วก็ดูน้อยลงทันที ทว่าเหยียนเฟยไม่ได้กะให้พวกเขากินเอาอิ่มเสียหน่อย นางทำเยี่ยงนี้แบบผักชีโรยหน้า คือหวังให้คนที่เห็นนำข่าวที่นางประจบพี่ใหญ่ไปบอกกับคนผู้นั้นต่างหาก
เหยียนเฟยรอพวกเขาชิมกันพอหอมปากหอมคอก็ลุกขึ้นขอตัวลาออกมาแล้ว เพราะนางต้องไปห้องทำงานของท่านอารองอีก ช้าไปขนมกุ้ยฮวาจะหมดกลิ่นหอมเอาได้
ทว่าเหยียนเฟยเดินออกมาไกลจนจะถึงเรือนใหญ่แล้วนางเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตนไม่ได้หยิบผ้าเช็ดหน้าติดตอนลุกขึ้นมาด้วย เพราะตอนนั้นนางเขินอายเกินไปจนลืมสิ้น จึงสั่งให้บ่าวคนหนึ่งกลับไปเอามาคืน ส่วนตนเองก็มุ่งสู่จุดหมายต่อไป
เวลาผ่านไปค่อนวันเหยียนเฟยเพิ่งออกมาจากห้องหนังสือของอารอง นางเดินผ่านเรือนรับรองยังไม่ทันผ่านดีก็เจอปลางับเบ็ดที่นางหย่อนเหยื่อวางไว้
...เฉินเป่าหลิง
เหยื่อที่พอได้ยลโฉมเหยียนเฟยคราเดียว มารดาของนางย่อมรู้ด้วยแน่โดยที่นางไม่ต้องไปหาเลย
“เจ้าต้องการทำอันใดกันแน่! นะนี่...”
เป่าหลิงที่พุ่งตัวมาขวางทางอึ้งไปทันควัน เมื่อเห็นสภาพของเหยียนเฟยที่ต่างไปจากเดิมมากเพียงนี้ แม้นจะไม่แต่งหน้าหรือปะโคมเครื่องประดับจนงดงามแต่มองดูก็รู้ว่าเดิมพี่รองของนางงามเพียงใด
ความมั่นใจของตนที่ว่างดงามที่สุดในจวนได้มลายหายไปแล้ว ถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกบางอย่างแทน...
“ว่าอย่างไรหรือน้องสาม ข้าไม่อยู่เมืองหลวงนานยังรู้เลยว่าต้องให้ความเคารพและเรียกพี่สาวอย่างไร เจ้าชี้หน้าอีกทั้งยังเรียกอย่างกับพี่เป็นบ่าวไพร่เช่นนี้มิกลัวเรื่องถึงบิดาเจ้าหรือ?”
ที่ผ่านมาเหยียนเฟยปล่อยผ่านบ้างเพราะนางไม่อยากสร้างศัตรูเพิ่มตอนที่ตนไม่รู้ทิศทางการใช้ชีวิตในจวน ทว่าตอนนี้นางมีเป้าหมายชัดเจนแล้วย่อมจัดการทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทาง
รวมถึงเรื่องน้องสาวร่วมสกุลด้วย
“นี่เจ้าอย่าคิดว่าเพียงล้างตัวเปลี่ยนชุดแล้วจะสู้ข้าที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวง ได้รับการเลี้ยงดูที่นี่มาตลอดได้หรือ!”
หากเทียบกันที่รสนิยมการแต่งกายและสหายในเมืองหลวงแล้ว สตรีเปลี่ยนโฉมชั่วข้ามคืนตรงหน้าไม่ได้สักครึ่งหนึ่งของนางด้วยซ้ำ
“เรื่องแข่งขันอันใดข้าไม่คิดสู้เจ้าอยู่แล้ว...
ส่วนเรื่องเจ้าไม่เรียกพี่ตามที่ควรเรียกก็ช่างเถอะ อย่างไรข้าก็เป็นคุณหนูอาวุโสสุดในตระกูลเฉินอยู่ดี ต่อหน้าพี่ใหญ่ ท่านอารอง หรือแม้แต่ท่านอาสะใภ้รอง หากน้องสามเรียกเช่นนี้แล้วถูกดุจะหาว่าพี่ไม่เตือนก็แล้วกัน”
เหยียนเฟยเดินสะบัดก้นให้ดูน่าหมั่นไส้หน่อย จากมาทันที นางต้องการยั่วโมโหให้เป่าหลิงอัดอั้นจนเอาเรื่องนี้ไประบายกับใครสักคน
ซึ่งแน่นอนว่าต้องเป็นมารดาของนางเอง อาสะใภ้รองผู้ดูแลจวนนั่นเอง
เหยียนเฟยผู้เป็นอดีตบอสสาวบริษัทยักษ์ใหญ่ในชาติก่อนนั้นมักไม่ฉกฉวยความสุขระหว่างทางมากนัก นางสามารถอดทนให้ตนทุกข์ใจ ไม่พอใจได้บ้าง ไว้ค่อยเก็บเกี่ยวความสำเร็จก้อนใหญ่คราวเดียว...
ซึ่งการกระทำช่วงนี้ของนางย่อมส่งผลต่อการเอาสินเดิมของมารดาคืนมาแน่ เพียงแต่ต้องคอยเวลาหน่อยเท่านั้น
