บท
ตั้งค่า

บทที่ 7 โอกาสเหมาะในเทศกาลล่าปา (2)

“ความจริงแล้วข้ามีบุรุษที่รักอยู่แล้วเจ้าค่ะ เพียงแต่ท่านแม่ไม่ทราบ จึงอยากรบกวนให้ซื่อจื่อเห็นแก่ความรักของข้ากับเขาช่วยยกเลิกการหมั้นหมายหะ...”

“มันผู้นั้นเป็นผู้ใดกัน!?”

“อะเอ่อ...”

“หรือว่าเจ้าพูดปด!”

“แน่นอนว่าไม่ใช่เจ้าค่ะ ความจริงข้าชอบเขาเพียงฝ่ายเดียวเจ้าค่ะ เขาไม่รู้ว่าชอบข้าหรือไม่คงบอกคุณชายไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ อะ...”

“เช่นนั้นแต่งกับข้าไป ข้าย่อมทำให้เจ้าลืมบุรุษผู้นั้นได้อยู่แล้ว มิเชื่อข้าจะพิสูจน์ให้เจ้าดูตอนนี้เลย อ้าก!!”

จากตอนแรกเหยียนเฟยว่าจะไม่ยุ่ง แต่นางไม่สามารถทนยืนมองบุรุษเอาเปรียบสตรีได้ เมื่อเห็นว่าคุณหนูเซี่ยไม่ยินยอมออกเรือนกับตนก็จับแขนกระชากเข้าหา มือที่กอดอกของเหยียนเฟยอยู่ดีดีพลันคว้าก้อนหินปาใส่มือของซื่อจื่อผู้นั้นอย่างไม่ทันคิด

“ใครมันขว้างหินใส่ข้า!”

เมื่อเห็นว่าตนทำให้บุรุษที่ดูหยิ่งในศักดิ์ศรีโกรธเข้า เหยียนเฟยก็ตัดสินใจเดินออกจากหลังต้นไม้ที่นางยืนพิงฟังมาตลอด คุณหนูเซี่ยและซื่อจื่อผู้นั้นหันมองตามพอเห็นว่าเป็นสตรีนางหนึ่งเท่านั้น อีกทั้งหน้าตาและสีผิวดูไม่ต่างจากบ่าวคนหนึ่งด้วย

“อ้าว ข้าเดินบังเอิญเตะหินกระเด็นเข้าไม่คิดว่าจะถูกคุณชายเข้า ขออภัยด้วย”

เจตนาของเหยียนเฟยนางเพียงขัดจังหวะและทำให้มีบุคคลที่สามอยู่ด้วยเพื่อให้ซื่อจื่อผู้นั้นไม่กล้าทำอันใดคุณหนูเซี่ยเท่านั้น แต่ไฉนคุณหนูเซี่ยถึงได้เดินมาทางนางและอ้อมมาอยู่ข้างหลังอย่างคนหลบภัยได้กัน

“เจ้าคือบ่าวของผู้ใดกัน เดินผ่านมาแล้วก็รีบผ่านไปเสียก่อนที่ข้าจะอารมณ์ไม่ดีไปกว่านี้ !”

ตามจริงนางคิดว่าอยากเดินออกไปแล้วแหละแต่ติดที่สตรีข้างหลังนางดึงชุดไว้แน่น ไม่พอยังกระซิบกระซาบหลายคำด้วยน้ำเสียงสั่นเครือแกมขอร้องอีก

“คุณหนูช่วยอยู่เป็นเพื่อนข้าอีกหน่อยเถอะ ข้าขอเวลาจัดการอันใดอีกหน่อย หากข้าไม่ใช้เวลาตอนนี้หลังจากนี้คงเปลี่ยนอันใดไม่ได้แล้ว นะนะ...”

เห็นแก่ที่คุณหนูนางนี้ไม่ได้มีสีหน้ารังเกียจที่เหยียนเฟยหน้าตาและผิวสกปรกตอนนางเดินเข้ามา

...นางจะอยู่เป็นเพื่อนหน่อยก็แล้วกัน

“ซื่อจื่อ ข้าจะบอกท่านตามตรงก็แล้วกัน ข้านั้นมีปณิธานว่าในชีวิตข้าจะแต่งให้บุรุษที่รักเดียวใจเดียวเท่านั้น ซึ่งท่านหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ หากข้าแต่งไปมีแต่จะทำให้ทุกฝ่ายลำบากใจเสียมากกว่า รบกวนซื่อจื่อไปบอกยกเลิกการหมั้นหมายกับมารดาท่านด้วย ข้าก็จะไปคุยกับท่านแม่เช่นกัน พวกข้าขอลาล่ะ”

หลังจากเอ่ยทิ้งท้ายรวดเดียวจนจบคุณหนูเซี่ย แม่นางน้อยนัยน์ตาคลอด้วยน้ำตาก็รีบจับแขนของเหยียนเฟยลากออกมาทันที

เหยียนเฟยนั้นก็ยอมเดินตามนางออกมาและไม่กล้าสะบัดมือจากการเกาะกุมของคนที่กำลังสะอื้นไห้ ขนาดเหยียนเฟยไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของสตรีนางนี้ยังพอรับรู้ได้ถึงความอัดอั้นของนางผ่านสัมผัสที่บีบแน่นที่แขนเลย

ทั้งสองเดินออกมาสักพักจนไกลจากที่เดิมประมาณหนึ่งคนลากมาก็หยุดฝีเท้าลง สองมือยกขึ้นเช็ดน้ำตาตั้งใจหันหลังให้

เหยียนเฟย จนกระทั่งจัดการตนเองเสร็จสิ้นจึงหันมา กล้าเผชิญหน้าในที่สุด

“ลำบากคุณหนูที่ต้องมาอยู่ในสถานการณ์น่าลำบากใจเมื่อครู่ แล้วก็ต้องขอบคุณที่เข้ามาช่วยข้าด้วย”

น้ำเสียงเหนื่อยใจฟังแล้วน่าเวทนานัก ทว่าความทุกข์ของใครก็ของมัน เหยียนเฟยเข้าใจว่าทุกคนล้วนมีเรื่องทุกข์ใจขึ้นกับว่าจะเป็นสิ่งใดก็เท่านั้น

หากนางยังช่วยตนเองไม่ได้ก็ไม่คิดเอาเรื่องคนอื่นมาเพิ่มความลำบากให้ตนหรอก ทว่าในใจนางอยากบอกสิ่งหนึ่งก่อนจากไปให้ไม่เหลือเรื่องติดค้างในหัวตน

“สิ่งที่เจ้าพูดไปมิสามารถวางใจได้ นิสัยเช่นเขามีแต่จะยิ่งอยากทำในสิ่งตรงข้ามเพื่อเอาชนะเจ้า ทางที่ดีลองหาหนทางอื่นอีกจะดีกว่านะ”

ซื่อจื่อผู้นั้นมีบรรดาศักดิ์ค้ำคอ เมื่อถูกทำให้เสียเกียรติเช่นนั้นย่อมมีแต่จะย่นระยะเวลาแต่งงานให้เร็วขึ้นอีกเท่านั้น เมื่อได้มองหน้าของสตรีที่ยืนตรงข้ามก็อดสงสารยิ่งกว่าเดิมไม่ได้ อาจเป็นเพราะเหยียนเฟยประทับใจในปณิธานอันแรงกล้าที่คล้ายกันกับนางกระมัง ถึงได้รู้สึกเข้าใจมากกว่าปกติ

เหยียนเฟยเดินจากมา อย่างไรการมาช่วยตระกูลเฉินทำทานในเทศกาลล่าปาวันนี้มิใช่เป้าหมายหลักของนาง นางจะเสียเวลาไปมากกว่านี้มิได้

ยามนี้พอเหมาะกับเวลาที่นางจะปลีกตัวออกมาได้พอดี เป็นเวลาสายที่เหล่าฮูหยินและคุณหนูที่ว่างงานมานานต้องออกหน้าทำทานแล้ว ยุ่งกันมากย่อมไม่สนใจนางหากบอกว่าเหยียนเฟยรู้สึกไม่สบายขอกลับจวนก่อนก็คงไม่มีใครว่างมาถามเหตุผลหรือห้ามปรามหรอก

เหยียนเฟยทิ้งเจียวเหมยให้อยู่ที่วัดนี้ ให้นางคอยบอกกับคนตระกูลเฉินเรื่องนางขอกลับก่อน ส่วนตัวนางขึ้นรถม้าคันตนและสั่งให้สารถีขับกลับจวนอย่างเร็วที่สุด...

เหยียนเฟยกลับมาถึงจวน ไม่ลืมทำทีเป็นป่วยหนักหายเข้าห้องนอนตนไป พร้อมให้บ่าวในเรือนคนหนึ่งต้มยาให้ด้วย หลังจากนั้นก็แอบออกมาในเรือนด้วยชุดบ่าวรับใช้เดินถือของเข้าเรือนเก็บของเรือนหนึ่ง ที่นางให้ซูเหมยแอบถามจากสามีของนางมาแล้วว่าเป็นห้องเก็บของประจำของอาสะใภ้รอง แทบทุกวัน

อาสะใภ้รองต้องแวะเข้ามาขลุกตัวอยู่ในนี้

เหยียนเฟยในชาติก่อนที่ตนเปิดบริษัทแล้วเคยมีลูกน้องในบริษัทไขลิ้นชักที่ล็อคกุญแจได้โดยใช้เพียงกิ๊บดำ นางจับได้แล้วก็เห็นวิธีการสะเดาะกุญแจจึงนำมาใช้กับแม่กุญแจที่คั่นประตูห้องปริศนาของอาสะใภ้บ้าง และสามารถเปิดได้เสียด้วย จึงเข้าไปค้นดูข้างในตรวจดูเหล่าสมบัติในหีบคร่าวๆ และหาสมบัติที่เป็นร้านรวงและที่ดินของบิดา ใช้เวลาทั้งวันลอกเนื้อหาไว้ทั้งหมด และรีบออกมาจากห้องนั้นทันก่อนพระอาทิตย์ตกดิน

ฝีมือการล่อให้บ่าวเฝ้าห้องสมบัติออกไปของซูเหมยดีเยี่ยม พอกลับมาห้องนางย่อมตบรางวัลให้อย่างงาม ไม่คิดตระหนี่แน่นอน

นางได้ดูรายการเดินบัญชีของร้านค้าของบิดาแล้วไม่แปลกใจว่าไยยามนางขอเรียนรู้จากการดูแลร้านค้ากับบัญชีทรัพย์สินของบิดาแล้วถูกบ่ายเบี่ยงด้วยเหตุผลร้อยแปดพันเก้าจนป่านนี้ไม่ได้เห็นเสียที เพราะร้านค้าส่วนใหญ่ของบิดาล้วนสร้างกำไรมหาศาล กำไรเช่นนี้ไม่น่าเพิ่งได้มาปีนี้เสียด้วย อาสะใภ้และท่านย่าคงใช้กำไรเหล่านั้นเลี้ยงตระกูลเฉินมาโดยตลอด เมื่อต้องคืนเจ้าของจึงยากตัดใจคืนเช่นนี้

...ท่านย่าผู้นี้ตายไปทั้งที มิวายหวงสมบัติที่ไม่ใช่ของตน ตั้งใจวางอุปสรรคให้หลาน ช่วยเหลือลูกสะใภ้เสียได้

หากเทียบกับสินเดิมของมารดาที่ถูกดูแลแบบทิ้งขว้างแล้ว สมบัติของบิดาคงเอาคืนกลับมายากกว่ามาก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel