บท
ตั้งค่า

บทที่ 6 คุณหนูรองหนีออกจากจวน (2)

เขาน่าจะเดินตามลูกน้องมายืนข้างหน้าบะหมี่ อีกไม่นานก็คงจากไปแล้ว ความหวังหนึ่งเดียวของเหยียนเฟยก็จะหายไปเช่นกัน

“แค่กๆ แค่กๆ เถ้าแก่ขอน้ำหน่อย! บะหมี่ติดคอ”

โจรร้ายตรงหน้าเหยียนเฟยจะเอ่ยปากห้ามก็ไม่ทันแล้ว ใครจะรู้เล่าว่ากินอยู่ดีดีเส้นติดคอเสียได้

เหยียนเฟยเดิมพันว่าให้ฉีอ๋องจำน้ำเสียงของนางได้ อย่างน้อยก็หันมาสนใจทางนางหน่อยก็ดี หากเขาเหลือบเห็นบุรุษตรงข้ามนางอย่างน้อยก็ต้องสงสัยว่านางมากับใครนั่นล่ะ

“โอ้ น้องพี่ไยเจ้ากินไม่ระวังเช่นนี้...”

บุรุษที่ปลอมเป็นพี่ชายแสนดีเสียแนบเนียนลุกขึ้นมาหาเหยียนเฟย รับน้ำจากเถ้าแก่มาป้อนให้นางถึงปาก

“หุบปากเสีย! ข้ารู้ว่าเจ้าจะทำอันใด!”

จากนั้นเขาก็ไม่ปล่อยให้เหยียนเฟยเล่นลิ้นอื่นใดอีกเลย เขาหยิบเงินออกมาวางไว้บนโต๊ะและประคองนางออกมาจากร้านบะหมี่แล้ว พอออกมามีดที่ก่อนหน้าเพียงขู่ตอนนี้ถูกหยิบขึ้นมาจ่อเอวของเหยียนเฟยโดยตรง

ชาติก่อนนางเคยเรียนวิชาต่อสู้ไว้ป้องกันกายบ้าง อีกทั้งตอนอยู่บ้านเดิมก็ได้สหายช่วยสอนวิชาตัวเบาและเทคนิคนิดๆหน่อยไว้ป้องกันตัวเช่นกัน แต่สิ่งเหล่านั้นล้วนใช้ไม่ได้กับโจรคนนี้ นางรับรู้ได้ว่าเขามีวรยุทธ์สูงพอตัว

คงไม่ใช่โจรปล้นทรัพย์ธรรมดา...

“อั่ก อ๊าก! ขาข้า”

บุรุษข้างเหยียนเฟยอยู่ดีดีก็ล้มลงบนพื้น ยังไม่ทันเข้าสถานการณ์อันใด สัญชาตญาณเอาชีวิตรอดของเหยียนเฟยก็สั่งให้นางถีบตัวออกห่างไว้ก่อน เจ้าโจรที่ขาเจ็บปวดร้าวรานแต่ก็ไม่วายใช้มือที่ว่างจากมีดพยายามคว้าจับเหยียนเฟยไว้ หากนางไม่เอี้ยวตัวหลบได้ทันคงไม่พ้นล้มลงไปกองที่พื้นบาดเจ็บแน่

ทว่ารอดจากเงื้อมมือคนมาได้ก็ต้องเจ็บตัวอีกแน่เพราะการเอี้ยวตัวหลบกระทันหันเมื่อครู่ทำให้ร่างกายเสียสมดุล ร่างผอมบางในชุดสีขาวครีมแต่งแต้มด้วยรอยสกปรกสีดำลอยละลิ่วใกล้กระทบพื้นแล้ว แต่มีแรงดึงฉุดขึ้นไปในทางตรงข้ามแทน

เหยียนเฟยที่หลับตาเตรียมเอาหน้าวัดพื้นลืมตาโพรงทันควัน สายตาของนางเห็นแต่ชุดสีม่วงอมดำและสัมผัสแข็งกร้าวที่ร่างกายตนกระแทกอย่างจัง

“จับเจ้าสายลับนั่นไปสอบสวน!...

อืม คุณหนูรองตระกูลเฉินไม่ชอบอาบน้ำกระมัง กลิ่นเจ้าเฮยยังดีกว่าเลย...”

เหยียนเฟยเงยหน้ามองต้นเสียง สบตากับสายตานิ่งเรียบผิดกับคำพูดหยอกเย้าของฉีอ๋องพอดี

ในฐานะที่เขาตามมาช่วยนางได้อย่างปลอดภัยเรื่องที่บอกว่านางตัวเหม็นจะปล่อยไปไม่เอาความก็แล้วกัน แล้วก็รวมถึงเรื่องที่เขามากอดนางค้างไม่ปล่อยเสียทีตอนนี้ด้วย

“ขอบพระคุณฉีอ๋องมากเจ้าค่ะ อะเอ่อ ข้าหายใจไม่ออก...”

ในที่สุดมือหนาที่รั้งสะโพกนางเข้าหาตัวก็ผ่อนแรงเสียที เหยียนเฟยเป็นอิสระแล้วจึงย่อคารวะอย่างจริงจัง

“หากไม่ได้ฉีอ๋อง ข้าก็คงถูกเจ้าโจรนั่นฆ่าตายแล้ว...”

...อีกทั้งหากเขาจับโจร หรือสายลับนั่นดีดีแต่แรกนางก็คงไม่ถูกจับเป็นตัวประกันเช่นเดียวกัน

เหยียนเฟยไม่พูดออกไปเพราะยังอยากรักษาหัวของตนให้อยู่ที่เดิมอยู่ แต่นางจะรู้หรือไม่ว่าสีหน้าแสดงออกว่าไม่พอใจชัดเจน

“ทำให้คุณหนูรองต้องมาลำบากแล้ว แต่หากอยู่ในจวนดีดีก็คงไม่มาถูกจับเช่นนี้...”

แน่นอนว่าเจ๋อรุ่ยดูออกว่าสตรีตรงหน้าแอบหนีออกมาจากจวนเอง เพราะไม่มีทั้งบ่าวรับใช้ติดตาม และชุดก็ดูใส่มาอย่างตั้งใจไม่ให้คนรู้ว่าเป็นคุณหนูคนหนึ่ง

เจ๋อรุ่ยมองท่าทางตื่นตระหนกฉับพลันเมื่อนางเงยหน้ามองดวงอาทิตย์และเงาแดดบนพื้น สีหน้าของนางก็เปลี่ยนกลับมาปกติอย่างเดิมจนแทบไม่มีเคล้าความกังวลเมื่อครู่

ด้วยรีบหรืออย่างไรไม่รู้ เหยียนเฟยหันมาลาเจ๋อรุ่ยและก็วิ่งจากไปทันที

นอกจากจะไม่หวาดกลัวจนทำอันใดไม่ถูกยามตนถูกจับมาเป็นตัวประกันแล้ว นางยังทำเหมือนว่าบริเวณเปี่ยวแถวนี้ไร้อันตรายอีกต่างหาก อาจเพราะเจ๋อรุ่ยรู้สึกผิดที่ผู้บริสุทธิ์ถูกจับเป็นตัวประกันกระมัง เขาเร่งฝีเท้าตามนางมา นางวิ่งฝีเท้าเร็วเท่าไหร่ช้าอย่างไร เจ๋อรุ่ยก็ทำเช่นนั้นตามอย่างไม่รู้ตัว

จวบจนผ่านไปราวหนึ่งชั่วยาม สตรีร่างบางกลิ่นตัวเหม็นตุก็วิ่งมาหยุดที่ทางเข้าจวนตระกูลเฉินด้านหลังแล้ว แต่นางแอบอยู่ไกลๆไม่เข้าไปเสียที เดินวนอยู่อย่างนั้นจนเจ๋อรุ่ยทนไม่ไหวต้องออกจากที่ลับแสดงตัว

“คุณหนูรองสนใจนั่งรถม้าของข้าเข้าไปด้วยกันหรือไม่?”

เจ๋อรุ่ยพอรู้ต้นเหตุที่นางไม่เข้าไปสักที คงเพราะขาออกมาแอบออกจากจวน ขากลับอาจมีเรื่องผิดพลาดนั่นแหละ

เขานั้นเคารพบิดาของนางเป็นอาจารย์คนแรกยังไม่ทันหาทางทดแทนบุญคุณในเมื่อเจอบุตรสาวของผู้มีพระคุณย่อมอยากช่วยก็คงไม่แปลก

เจ๋อรุ่ยเรียกรถม้าของตนที่ตามเขามาตลอดทางให้เคลื่อนออกมาพอเจ้านายทั้งสองคนขึ้นรถม้าเรียบร้อย รถม้าจึงเคลื่อนเข้าจวนตระกูลเฉินอย่างง่ายดาย

“ฉีอ๋องมาหาคุณชายใหญ่ใช่หรือไม่ขอรับ”

องครักษ์หน้าจวนตระกูลเฉินจำรถม้าของผู้มีบรรดาศักดิ์สูงสุดในแขกของจวนได้ เอ่ยถามพอเป็นพิธีเท่านั้นเมื่อคนในรถม้าเงียบก็แสดงว่าตอบรับจึงปล่อยให้เคลื่อนเข้าจวนไป

รถม้าผ่านประตูไม่ทันไรสตรีหนึ่งเดียวในรถก็รับเปิดปากแล้ว

“เอ่อ ข้าน้อยไม่รบกวนฉีอ๋องมากไปกว่านี้แล้วเจ้าค่ะ อย่างไรขอลงระหว่างทางนี้เลยเจ้าค่ะ สารถีโปรดจอดให้ข้าตรงนี้ด้วย”

เหยียนเฟยไม่รอให้ใครอนุญาติพอรถม้าจอดก็กระโดดลงทันใด รอให้แผ่นหลังบอบบางของนางหายลับไป เจ้านายในรถม้าหนึ่งเดียวจึงออกปาก

“กลับจวน!”

สารถีที่งุนงงตั้งแต่เจ้านายเลือกเดินๆวิ่งๆแทนขึ้นรถม้าสัญจรมายังจวนตระกูลเฉินที่วันนี้หาได้มีกำหนดว่าจะมาไม่ ไหนจะอนุญาตให้คนอื่นขึ้นรถม้าที่ตนหวงแหนอีก พอเข้ามาข้างในจวนยังไม่ทันเจอใครก็สั่งให้กลับเสียแล้ว

แต่งุนงงอย่างไรหน้าที่ทำตามคำสั่งก็ยังต้องทำอยู่ดี...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel