บทที่ 4 งานศพหรือนี่ ไยบันเทิงได้เพียงนี้
เช้าวันงานศพแล้ว อาสะใภ้รองจัดงานค่อนข้างยิ่งใหญ่สมกับฐานะของฮูหยินผู้เฒ่าที่เป็นที่นับหน้าถือตา เหยียนเฟยในชุดสีเรียบสำหรับไว้ทุกข์ยังคงมีผิวคล้ำเช่นเดิมเพราะนางยังไม่มีเวลาปรุงยาและลงแช่น้ำชำระล้างเสียที นางและเป่าหลิงถูกมอบหมายให้ดูแลแขกที่ห้องเคารพศพฝ่ายสตรี ส่วนของฝ่ายบุรุษเป็นพี่ใหญ่และน้องสี่บุตรชายอายุสิบสามของท่านอาสามรับดูแลไป
ส่วนคุณหนูที่เหลือส่วนใหญ่อายุน้อยยังไม่ถึงเวลาเผยหน้าต่อทุกคนหรือไม่ก็ฐานะต่ำเกินไม่เหมาะแสดงตน จึงได้รับหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยข้างหลังห้องเคารพแทน
ตามจริงเหยียนเฟยก็อยากไปช่วยงานเบื้องหลังเช่นกันเพราะการดูแลแขกฝ่ายสตรีในตอนนี้นางเหมือนกลายเป็นหัวข้อสนทนาของทั้งเหล่าฮูหยินและสตรีวัยอ่อนที่ตามมาอย่างขบขันเสียมากกว่า
“คุณชายใหญ่ตระกูลเฉินที่ลาลับไปแล้วหน้าที่การงานก็ดี ฮูหยินหลิวหน้าตาก็ดีมิน่าเชื่อว่าจะมีบุตรสาวน่าตาหน้าเกลียดเช่นนี้”
“ข่าวลือเรื่องฮองเฮาทรงใช้เหตุผลว่าร่างกายคุณหนูรองตระกูลเฉินอ่อนแอเกินไปจนตัดขาดสัญญาหมั้นหมายที่ทำไว้ตั้งแต่หลิวฮูหยินยังมีชีวิตอยู่เป็นเพียงข้ออ้าง แท้ที่จริงแล้วไม่ถูกใจหน้าตาของนางเป็นเรื่องจริงหรือนี่ ข้าเพิ่งมาเห็นด้วยตาของตนก็วันนี้เชียว”
“คงเป็นที่หนักใจของฮูหยินรองเฉินมากกระมังต้องเป็นคนช่วยหาบุรุษแต่งออกไป เหมือนว่าใกล้วัยปักปิ่นแล้วใช่หรือไม่?”
ฮูหยินท่านหนึ่งหันไปถามหยางเชาหลินด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็นเสียเต็มประดา
“ใกล้แล้ว แต่เห็นว่าเหยียนเฟยหน้าตาอาจไม่งดงามอย่างชาวเมืองหลวงแต่ยามนางอยู่ที่บ้านเดิมก็มีคนมาขอไม่ขาดนะ ความงามแต่ละคนไม่กำหนดตายตัวอยู่แล้ว หลี่ฮูหยินมิคิดเช่นเดียวกันหรือ?”
เหยียนเฟยยืนอยู่ในห้องด้วยมีหรือพวกผู้ใหญ่ที่พากันคุยสนุกปากเรื่องของนางจะไม่รู้ คงคิดว่าได้ยินไปก็ไม่มีใครว่านั่นแหละ ก็ใครให้ฮูหยินของท่านเจ้าของจวนคนปัจจุบันเก็บปากนิ่งพอพูดทีก็ไม่ได้ออกปากว่าแต่ทำเป็นช่วยแก้ตัวให้เหยียนเฟยเล่า
ทว่ายิ่งแก้ตัวไปกลับเหมือนเพิ่มถ่านเข้าไปในกองไฟมากกว่าอีก
“เป็นเช่นนั้นหรือ คนบ้านเดิมเขาชอบสตรีเป็นเช่นนี้หรือนี่ ไว้หากญาติของข้ามีใครอยากได้สะใภ้จะแนะนำให้ก็แล้วกัน”
สามีของนางหาเองได้ไม่ง้อใครหรอก! อันใดคือพูดเหมือนเหยียนเฟยเป็นสินค้าที่จะแต่งให้ใครก็ได้กัน ทว่าคำพูดของหลี่ฮูหยินผู้นี้ทำให้เหยียนเฟยตื่นตัวในที หากนางชักช้าอยู่ในจวนนี้เอาสมบัติของบิดามารดามาไม่ครบเสียที คงยากหลีกเลี่ยงชะตาถูกจับแต่งออกไปให้ตระกูลไหนก็ไม่รู้แน่
ธรรมเนียมจีนยุคนี้เรื่องแต่งการเป็นหน้าที่ของบุพการีที่บุตรสาวไม่อาจขัดได้เสียด้วย! แม้เหยียนเฟยไม่มีบิดามารดาแล้วแต่ดูเหมือนหน้าที่นั้นจะตกมาอยู่ในความดูแลของผู้ปกครองชั่วคราวอย่างครอบครัวของอารองแทน
“เรื่องนี้เอาไว้คุยหลังหมดช่วงไว้ทุกข์เถอะ แต่ก็ต้องขอบใจหลี่ฮูหยินด้วย... หลิงเอ๋อร์ยกชามาเติมตรงนี้ที”
เป่าหลิงเดินตรงไปหามารดา หน้าตาสดใสสมวัยโดยเฉพาะเมื่อมีข้อเปรียบเทียบที่ชัดเจนอย่างเหยียนเฟย หน้าตาของเป่าหลิงจึงดูงดงามกว่าทุกทีขึ้นทันตาเห็น
“มาแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่และหลี่ฮูหยินมีอันใดให้หลิงเอ๋อร์รับใช้บอกได้เลยนะเจ้าคะ”
สีหน้าพึงพอใจของหยางเชาหลินทำให้เหยียนเฟยที่ยืนต้อนรับแขกอยู่หน้าห้องเข้าใจเรื่องทั้งหมดทันที
หากนางไม่ได้คิดในแง่ลบเกินไปการที่มีเพียงนางและเป่าหลิงอยู่ต้อนรับแขกกันสองคนนั้น หยางเชาหลินต้องมีจุดประสงค์แอบแฝงแน่!
นางหวังใช้เหยียนเฟยเป็นสะพานให้บุตรสาวของตนข้ามผ่าน ทั้งเหยียบนางให้จมดินไม่หวังให้แต่งออกไปในตระกูลที่ดีได้และสร้างมูลค่าให้บุตรของตนที่อายุห่างจากเหยียนเฟยไม่ถึงปีใกล้ปักปิ่นเช่นกันมีอนาคตสามารถแต่งออกไปในตระกูลที่ดี
เหยียนเฟยขอปรบมือให้การวางแผนแสนแยบยลของอาสะใภ้รองเสียจริง หากนางมีเป้าหมายอยากแต่งไปตระกูลที่ดีย่อมต้องรีบทำลายแผนการนี้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แต่บังเอิญว่านางไม่ได้มีเป้าหมายเช่นนั้น
เหยียนเฟยเกิดใหม่ในร่างนี้โชคดีหน่อยที่มีสมบัติบิดามารดาให้เอาไปตั้งตัวต่างจากชาติก่อนที่ต้องเริ่มจากศูนย์ ทว่าก็โชคร้ายมากเช่นกันที่สมบัติก้อนใหญ่ที่มีค่าถูกคนแย่งสิทธิ์ดูแลไปชั่วคราว หากนางแย่งทุกอย่างกลับมาได้แล้วการหาสามีค่อยว่ากันอีกที
ในความคิดของเหยียนเฟยนั้นเพียงใช้ชีวิตกับเงินทองให้มีความสุขก็พอแล้ว ความรักหากเป็นอุปสรรคนางยอมตัดทิ้งได้
ฉะนั้นการที่เหยียนเฟยไม่เป็นที่สนใจของตระกูลในเมืองหลวงก็ดีเหมือนกัน แต่หวังจะใช้นางเป็นบันไดก็ต้องจ่ายค่าผ่านทางมากหน่อยเท่านั้น
“เป็นบุตรสาวที่งดงามโดดเด่น มารยาทก็งามสมกับที่เป็นบุตรสาวของท่านราชครูจริงๆ”
เป่าหลิงถูกชมต่อหน้าก็แก้มแดงปลั่งทันใด นางก้มหน้าน้อยๆขัดเขินได้น่ารักน่าชัง ส่วนผู้เป็นมารดาก็ยิ้มแก้มแทบปรินั่นล่ะ
เพื่อเป็นการช่วยสร้างบารมีให้อาสะใภ้รองอีกทั้งช่วยสร้างมูลค่าให้น้องสามเหยียนเฟยจึงตั้งใจเดินมาข้างๆเป่าหลิง
“ท่านอาสะใภ้ ข้าขออภัยด้วยที่มาขัดจังหวะ เมื่อวันก่อนที่อาสะใภ้บอกว่าจะมอบเงินให้ข้าไปซื้อหนังสือเรียนให้ฉลาดเช่นน้องสาม เป็นไปได้หรือไม่ที่ท่านอาสะใภ้จะให้ข้าตอนนี้”
เหยียนเฟยฉีกยิ้มจริงใจส่งให้หยางเชาหลินที่เลิกตาทำหน้างงอยู่
จะไม่งงได้อย่างไร นางหาได้เคยขอเงินไปซื้อเสียเมื่อไหร่กันเล่า ไม่งงสิแปลก
“เงินหรือ?”
เหยียนเฟยพนักหน้าหงึกๆ ก่อนมีสีหน้าตกใจทันควัน
“อา เมื่อวันก่อนข้าให้บ่าวมาขอไปเห็นว่าบ่าวของท่านอาบอกว่าท่านอนุมัติแล้ว หรือว่าจะเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นอย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นไม่เป็นไรก็ได้เจ้าค่ะ”
หากเหยียนเฟยไม่เอ่ยต่อหน้าฮูหยินหลายตระกูลตรงนี้ก็คงไม่ได้เงินจริงนั่นแหละ ทว่าพอเชาหลินเห็นสีหน้าฉงนของทุกคนจึงรีบออกคำสั่งให้บ่าวรับใช้ส่วนตัวของตนมาหาทันที
“คุณหนูรองเอาเท่าใดก็แจ้งแม่นมจูไปเถอะ ถึงอย่างไรการศึกษาก็สำคัญยิ่ง”
เพราะคำพูดนี้และท่าทีดูใจกว้างของเชาหลินจึงทำให้เหล่าฮูหยินมีสีหน้าชื่นชมขึ้นมาทันที คนพูดก็พลอยหายใจโล่งคอบ้างแม้ในอกจะมีแต่เปลวไฟสุมจนร้อนระอุก็เถอะ
เหยียนเฟยคำนับขอบคุณก่อนหันไปเอ่ยกับบ่าวที่รับหน้าที่นั้นด้วยน้ำเสียไม่เบามากพอได้ยินกันถ้วนทั่ว
“ข้าขอเพียงไม่มากหรอก แค่สองร้อยตำลึงเงินก็พอ หนังสือเรียนสมัยนี้แพงนัก หากไม่เพราะน้องสามรอบรู้ยิ่งจนข้าอยากเอาเป็นแบบอย่างก็ไม่รู้ว่าจะซื้อไปทำไมแล้ว”