บทที่ 4 งานศพหรือนี่ ไยบันเทิงได้เพียงนี้(2)
สีหน้าแข็งค้างของเชาหลินน่าชมนัก นางจะกลับคำบอกว่าไม่ให้ก็จะเสียหน้าต่อเหล่าฮูหยินอีก จึงจำต้องกลืนความโกรธและหันมายิ้มแย้มรับคำชมของฮูหยินในห้องที่เอ่ยปากชมนางไม่ขาดแทน...
เหยียนเฟยกลับมาจากตามแม่นมจูไปเอาเงินแล้ว และนางก็ไม่คิดกลับไปที่เรือนคารวะฝ่ายสตรีอีก ระหว่างที่งานศพยังไม่จบนางไม่ควรกลับเรือนเช่นนั้นเดินเล่นชมธรรมชาติรอเวลาหมดเสียดีกว่า
ทว่าเหมือนโชคชะตาจะเล่นตลกเสียแล้ว การเดินเล่นของเหยียนเฟยไม่เป็นดังที่คิด นางเดินมาที่สงบกลับเจอกลุ่มคุณหนูที่มารวมกลุ่มสนทนาที่ศาลาริมสระน้ำของจวนเสียแล้ว
“โอ๊ะ พี่หญิงรอง ท่านก็จะมาชมปลาเช่นเดียวกันหรือเจ้าคะ มิเช่นนั้นเข้ามาสนทนาด้วยกันกับสหายของข้าไหมเจ้าคะ”
เสียงเจื้อยแจ้วของน้องห้าที่แม้ไม่ออกแสดงตัวกับเหล่าฮูหยินแต่ก็ตามติดพี่สาวบิดาเดียวกันอย่างเป่าหลิงมาคุยกับเหล่าคุณหนูอย่างแนบเนียน เสียงตะโกนของหย่าลี่นี้ทำให้เหยียนเฟยเดินหนีไม่ทัน
“ไม่ดีกว่า ข้าต้องไปดูในงาน เชิญคุยกันตามสบายเถอะ”
“พี่รองไม่ต้องเข้าไปในเรือนรับรองแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่เพิ่งไล่ข้าออกมาสนทนาเป็นเพื่อนกับคุณหนูที่นี่เอง”
เป่าหลิงนั้นยังติดใจกับการที่พี่รองของนางถูกคนมองด้วยสายตาดูถูกไม่หาย นางอยากชวนพี่รองมาร่วมวงด้วยจะได้รู้ตัวเสียที่ว่าตำแหน่งคุณหนูรองที่มีอยู่นั้นไร้ค่าเพียงใด แล้วก็อย่าได้คิดมาแย่งมารดาและพี่ชายของนางไป
นางมองสตรีที่อยู่ดีดีก็มาแย่งตำแหน่งคุณหนูคนโตตระกูลเฉิน มองดูสภาพไร้ราศี ผิวคล้ำแดดไม่น่ามอง ไหนจะการที่บนกายไร้เครื่องประดับอีกล่ะ มองแล้วก็นึกถึงประเด็นเมื่อครู่ที่พวกนางคุยค้างได้
“อ้อ จะว่าไปแล้วพี่รองของข้าอีกไม่ถึงปีก็วัยปักปิ่นแล้ว พวกเจ้ามีพี่ชายคนไหนยังไม่มีคู่หมั้นก็อย่าลืมเอาพี่รองของข้าไปพิจารณานะ”
สายตาของเหล่าคุณหนูต่างบิดเบ้ส่ายหน้าพัลวัน ใครจะอยากมีพี่สะใภ้อัปลักษณ์เช่นเหยียนเฟยเล่า เกี่ยงทางสายตาไม่พอคุณหนูคนที่อยู่ใกล้เป่าหลิงที่สุดอย่างคุณหนูตระกูลหลี่รับเอ่ยปากเสียงดังฟังชัด
“เมื่อครู่เราคุยเรื่องคุณชายตระกูลใหญ่ตระกูลเซี่ยที่ได้ฉายาว่าเป็นทรราชแห่งยุคไม่ใช่หรือ จะว่าไปแล้วก็เหมาะกับคุณหนูรองตระกูลเฉินเช่นกันน้า ทรราชแต่งกับคุณหนูรองที่บิดามารดาตายไร้คนพึ่งพิง ก็เข้ากันไม่หยอก พวกเจ้าว่าไหม? ฮ่าฮ่า”
“จริงๆ คุณหนูหลี่สายตาเฉียบแหลม ฮ่าฮ่า”
“แต่ว่าเช่นนั้นคุณหนูรองมิใช่การแต่งขึ้นไปยังตระกูลที่เหนือกว่าหรอกหรือ อย่างไรเสียคุณชายใหญ่ตระกูลเซี่ยก็ถูกฝ่าบาทมอบบรรดาศักดิ์ให้เป็นอ๋องคนหนึ่งเชียวนะ”
“อา ก็จริงของเจ้า เช่นนั้นไม่เหมาะๆ เป่าหลิงเจ้าต้องไปหาบุรุษคนอื่นแล้วล่ะ พี่สาวเจ้าอย่างไรก็ต้องแต่งออกไปได้สักคนนั่นแหละ”
กลุ่มคุณหนูเอ่ยเรื่องล้อเล่นอย่างสนุกสนาน ส่วนเหยียนเฟยก็ฟังอย่างสนุกสนานเช่นกัน เรื่องที่พวกนางพูดล้วนมีจุดประสงค์เพื่อดูถูกให้เหยียนเฟยรู้สึกเสียใจและตกต่ำทั้งนั้น หากนางเป็นเช่นนั้นก็คงสมใจพวกนางไปแล้ว เด็กพวกนี้โตไปหากปากยังไม่มีหูรูดเช่นตอนนี้ นินทาคนไปทั่วแม้กระทั่งอ๋องท่านหนึ่งก็ไม่เว้น หากคนรู้เข้าแม้ตระกูลก็อาจไม่สามารถรั้งไว้ได้แล้ว
เหยียนเฟยไม่สนใจเสียกำลังและแรงสมองสนทนากับเด็กเหล่านี้หรอก นางเดินนำเจียวเหมยผ่านศาลาริมน้ำที่กลุ่มคุณหนูอยู่ไป แต่เป่าหลิงก็ไม่ปล่อยให้เหยียนเฟยผ่านไปง่ายๆเช่นกัน นางพาสหายคุณหนูมาขวางไว้แทบไร้ทางเดินผ่านได้
หากจะผ่านไปทางนี้มีแต่ต้องกระโดดลงสระบัวแล้วว่ายอ้อมไปเท่านั้น...
“พี่รองไม่อยู่สนทนากับพวกเราหรือเจ้าคะ เมื่อครู่พวกเราเพียงเอ่ยล้อเล่นเท่านั้น”
เฮ้อ เหยียนเฟยค่อนข้างเบื่อพวกที่เก่งแต่ปากและชอบยกพวกของตนมารังแกคนอื่นยิ่งนัก
“น้องสาม น้องห้า ในฐานะที่พวกเราอยู่ในตระกูลเดียวกันนะ พี่ขอเตือนพวกเจ้าเสียหน่อย การที่พวกเจ้าไม่เคารพพี่นั้นพี่ก็ไม่คิดว่าอันใดอยู่แล้ว แต่อย่าได้เอ่ยล้อเล่น นำบุคคลอื่นมาคุยเล่นสนุกปากเลย พวกเจ้าลองจินตนาการดูเถอะหากเมื่อสักครู่ มีคนข้างนอกอาทิเช่นขุนนางในราชสำนัก สหายของท่านอ๋องที่พวกเจ้าเอ่ยถึงมาได้ยินพวกเจ้าล้อเลียนเข้า วงศ์ตระกูลของพวกเจ้าจะถูกลงโทษเช่นไร ดีไม่ดีตำแหน่งของบุพการีพวกเจ้าอาจถูกยึดเอาได้เลยด้วยซ้ำ...”
เหล่าคุณหนูเมื่อได้ฟังแล้วหน้าซีดไปตามๆกันเลยเชียว เพราะสิ่งที่เหยียนเฟยพูดนั้นจริงแท้ เมื่อนึกถึงก็พากันมองรอบกายอย่างไม่รู้ตัว
เป่าหลิงรีบสะบัดความกลัวทิ้งไป ยืดอกเชิดคอกลับมามั่นใจอีกรอบทันที
“นี่อย่าได้ขู่ข้านะ แน่นอนว่าพวกข้าย่อมดูให้ดีอยู่แล้วว่าไม่มีใครอื่น อีกอย่างที่เจ้าพูดมาก็หาได้เกิดขึ้นจริงไม่ ไม่เห็นหรือว่ารอบข้างหาได้มีใครอื่นนอกจากพวกเรา!”
คำพูดของเป่าหลิงเรียกสติของคุณหนูคนอื่นกลับมาอีกคราแล้ว คุณหนูหลี่ที่ถูกทำให้เสียหน้ารีบเดินออกมาเผชิญหน้ากับเหยียนเฟยทันใด
“คุณหนูรองนอกจากจะหน้าตาอัปลักษณ์แล้วยังชอบพูดจาเลื่อนเปื้อนอีก นี่เป่าหลิง เจ้าไม่บอกให้มารดาเจ้าสั่งสอนนางให้ดีหน่อยเล่า!”
ตระกูลหลี่ที่ประมุขตระกูลเป็นขุนนางในราชสำนักอำนาจสูงส่ง ตนนั้นมีแต่คนเข้ามาประจบสอพอมีหรือจะเคยถูกคนขู่จนหน้าซีดอย่างเมื่อครู่ได้ แล้วยิ่งนางถูกสตรีตรงหน้าถอนหายใจและมีสีหน้าเอือมระอาใส่ตนเองต่อหน้าต่อตาอีกเล่า
พอเหยียนเฟยหมุนตัวจะเดินกลับไปทางเดิมอย่างไม่ต้องการมีเรื่องกับคนไร้เหตุผลก็ถูกมือข้างหนึ่งเอื้อมมาดึงผมของนางไว้และทำทีจะออกแรงกระชากอย่างแรงด้วย ก่อนหลี่หวานหรูจะทำอย่างที่ใจคิด จัดการให้คนอวดดีตรงหน้ามาอ้อนวอนขอร้องตนให้ได้ ฉับพลันผมในมือที่ตนออกแรงกระชากเข้ามาตัวสุดแรงก็กลับไร้แรงต้านเสียแล้ว มือของนางมันแข็งจนไร้ความรู้สึก รู้ตัวอีกที่ร่างบอบบางของตนเองก็หงายหลังเซจนตกสระบัวเรียบร้อย
ท่ามกลางความงุนงงสงสัยว่าเหตุใดสหายของตนถึงเซตกน้ำได้ก็มีเสียงเอ่ยอย่างฉงนไม่แพ้กันของเหยียนเฟยดังขึ้น
“อ้าว! น้องสามเจ้าไม่เตือนสหายหรอกหรือว่าริมสระบัวนี้ดินมันลื่น หากยืนไม่ดีระวังตกลงไปได้ นี่ยังไม่รีบส่งบ่าวลงไปช่วยพาคุณหนูหลี่ขึ้นมาจากสระบัวอีก”
ในช่วงชุลมุนที่ทุกคนสนใจคนตกน้ำนั่นเองเหยียนเฟยก็รีบปลีกตัวออกมาแล้ว
แม้จะต้องเสียเส้นผมบางเส้น ตอนเอี้ยวตัวไปจี้จุดศูนย์รวมเส้นประสาทที่สหายเก่านางสอนมาไว้สำหรับป้องกันตัว แต่ก็ยังมีความสะใจตอบแทนมาพอคลายเศร้าบ้าง...
