บทที่ 3 อาสะใภ้รองแสนดีเกินไปแล้ว (2)
ในถุงที่ซูเหมยยื่นมานั้นดูแล้วครบทุกอย่างที่นางสั่งจริง อีกทั้งปริมาณก็ครบด้วย เมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการแล้วเหยียนเฟยก็ไล่ให้ออกไปจากห้อง
นางต้องปรุงสูตรยาล้างสีดำบนกายไว้ ตอนนี้นางยังมีสภาพอย่างสตรีผิวคล้ำแดดอยู่ ยามอยู่ที่จวนแห่งนี้แล้วการพรางความงามของร่างนี้ดูจะเป็นผลทางลบมากกว่า
นางกำลังพยายามสร้างกำลังพลในจวนแห่งนี้อยู่ เรื่องสืบเจตนาของอาสะใภ้จึงล่าช้าไปบ้าง ทว่ามีสิทธิ์เอนเอียงไปทางมีเจตนาไม่ดีต่อสมบัติของนางที่อยู่ในมือเสียแล้ว
การมีซูเหมยอยู่ด้วยแม้จะรำคาญหูไปบ้าง แต่เมื่อทำให้เหมือนได้สายลับประจำจวนมาคนหนึ่งเชียว ซูเหมยนอกจากปากเก่งแล้วหูตายังกว้างไกลอีกด้วย เพียงแต่สั่งงานแต่ละอย่างต้องใช้กลยุทธ์มากหน่อยเท่านั้น
เหยียนเฟยให้ซูเหมยเอาเรื่องเกี่ยวกับตนเองไปรายงานเจ้านายเก่าที่จ้างซูเหมยมาปั่นนางแต่แรกใช่ไหมล่ะ แน่นอนว่าซูเหมยได้รางวัลตอบแทนกลับมาเยอะขึ้นจริงแต่สิ่งที่ซูเหมยไม่รู้คือหลังจากวันนั้นไม่นานซูเหมยจะถูกตัดขาดความเชื่อใจจากคนพวกนั้นทันที ตามแผนของเหยียนเฟยคือนางจะทำให้ซูเหมยมาเป็นพวกด้วยอย่างไม่มีหนทางให้กลับหลังไปได้นั่นเอง ตอนนี้ก็เป็นเช่นนั้นเป็นที่เรียบร้อย
เหยียนเฟยได้รู้ว่าคนจ้างวานคือบ่าวคนหนึ่งในสังกัดของอาสะใภ้รอง เท่านั้นไม่พอแม้นครอบครัวอารองจะได้เป็นประมุขตระกูลอีกทั้งได้สมบัติที่สร้างกำไรได้เป็นส่วนใหญ่ก็จริง แต่ก็ได้รับภาระด้วย ทั้งต้องดูแลครอบครัวสองพี่น้องที่ดูท่าไม่อยากแยกย้ายออกไป ไหนจะบ่าวไพร่ในจวนอีกเล่า หากมีแหล่งทำเงินเพียงเท่านั้นกับเงินรายเดือนของท่านอารองที่เป็นเพียงราชครูสอนหนังสือในสำนักศึกษา ไม่น่ามีให้ใช้อย่างฟุ้งเฟ้อเช่นตอนนี้ ไหนจะต้องส่งและสนับสนุนพี่ใหญ่ที่เป็นอนาคตของตระกูลอีกล่ะ
รับรู้เพียงเท่านี้เหยียนเฟยก็พอเดาออกว่าาสมบัติของบิดาและมารดาที่อยู่ในมือของอาสะใภ้ย่อมเป็นตัวสร้างเงินก้อนใหญ่มาโดยตลอด มีหรือพวกนางจะให้คืนมาง่ายๆ
สิ่งที่เหยียนเฟยวางแผนอนาคตไว้คือ นางอยากแยกตัวออกไปอยู่คนเดียว และต้องได้ของที่ควรเป็นของนางด้วย!!!
“คุณหนูรองเจ้าคะ ฮูหยินรองให้มาตามไปที่เรือนรับรองเจ้าค่ะ”
เสียงของเจียวเหมยตะโกนเข้ามา เหยียนเฟยจึงจำเป็นต้องวางสิ่งที่ทำในมือก่อน จัดระเบียบชุดเล็กน้อยก็เปิดประตูเตรียมออกไปทันที
ในเรือนรับรองมีบ่าวรับใช้นับสิบกำลังทำความสะอาดเรือน บ้างก็ยกของจัดเตรียมของสำหรับงานศพวันพรุ่งนี้ นางถูกพาไปที่ห้องรับรองฝ่ายหญิง ในนั้นมีคุณหนูทั้งหลายรวมตัวกันอยู่ ตั่งข้างอาสะใภ้รองมีพี่ใหญ่ที่เป็นบุรุษหนึ่งเดียวนั่งอยู่ด้วย ส่วนอีกข้างเป็นคุณหนูสาม และคุณหนูห้านั่งไล่ถัดลงมา
“อ้อ คุณหนูรองมาแล้วหรือ มานั่งเถอะ วันนี้อาสะใภ้จะแจกแจงหน้าที่ของพวกเจ้าในวันรุ่งขึ้นให้รู้ไว้”
สีหน้าไม่รู้ร้อนหนาวที่เหยียนเฟยมองแล้วรู้สึกไม่ชอบใจเพราะมันมักจะโผล่มาในยามที่อาสะใภ้กำลังทำเรื่องบางอย่างที่ไม่ผ่องใสอยู่เสมอ
ในตอนนี้ก็เช่นเดียวกัน...
นางในฐานะคุณหนูคนโตสุดของตระกูลต้องนั่งบนพื้นหรืออย่างไร ตั่งที่มี คนที่มาก่อนก็นั่งกันเสียเต็มไม่เหลือให้นางนั่งไม่พอ ตำแหน่งอย่างคุณหนูรองกลับถูกแทนที่ด้วยคนอื่นอีก
พวกเขาเห็นนางไร้สมองหรืออย่างไรกัน...
“น้องรองเจ้ามานั่งตรงพี่เถอะ เดี๋ยวพี่ไปยืนเอง”
เฉินจิ้งหลินเตรียมจะลุกขึ้นแล้วทว่ามีเสียงแหลมเต็มด้วยความไม่พอใจของคนที่นั่งในตำแหน่งของนางแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“พี่ใหญ่ทำเช่นนั้นได้อย่างไรกันเจ้าคะ ใครมาช้าก็ยืนไปสิ เขาจะได้รู้กันว่าควรมาให้เร็วหน่อย”
เหยียนเฟยปลายสายตามองคนพูด หยักยิ้มมุมปากก่อนเอ่ยปาก
“พวกท่านมาถึงกันนานแล้วหรือเจ้าคะ นี่หลานได้รู้จากบ่าวของอาสะใภ้ก็รีบมาเลย คงต้องโทษขาของข้าและบ่าวส่วนตัวที่ฝีเท้าไม่เร็วพอเจ้าค่ะ”
บ่าวคนที่ไปตามก็คือบ่าวคนสนิทของอาสะใภ้รองนั่นเอง ฟังคำพูดของเหยียนเฟยแล้วหากพินิจเสียหน่อยจะเข้าใจถึงความขัดแย้งกันบ้าง ฝีเท้าสตรีวัยอ่อนสองคนมีหรือจะช้า หากจะโทษว่าช้าคงเป็นฝีเท้าบ่าวอายุมากที่ไปตามเสียมากกระมัง
ประเด็นที่เรียกมา หาได้เพื่อให้มาโต้เถียงเรื่องนี้ไม่ หยางเชาหลิน เหลือบตาปรามบุตรสาวตนเองชั่ววาบก่อนกลับมายิ้มแย้มให้สตรีหนึ่งเดียวที่ยืนอยู่
“ไม่ช้าหรอก ส่วนใหญ่ก็เพิ่งมานี่เอง”
หากยืนยันว่าไม่ช้า เช่นนั้นเหยียนเฟยก็ไม่ผิดมารยาทอันใดน่ะสิ
“เช่นนั้น อาสะใภ้ว่าข้าในฐานะคุณหนูรองควรนั่งตรงไหนดีเจ้าคะ”
เหยียนเฟยเป็นคนดีมากถึงขนาดที่ให้ผู้อาวุโสสุดเป็นคนตัดสินใจเชียวนะ นางแม้นไม่ได้มีอำนาจและพรรคพวกมาก แต่อย่าลืมสิว่าทรัพย์สินของนางอยู่กับอาสะใภ้รอง หากว่าดูแลเหยียนเฟยที่ย่าฝากฝังไม่ดีคุณสมบัติที่ได้ดูแลสมบัติของนางก็สั่นคลอนได้เลยนะ
อย่างน้อย อาสะใภ้ก็ต้องไว้หน้าเหยียนเฟยบ้าง
“หลิงเอ๋อร์เจ้าเขยิบให้คุณหนูรองหน่อย”
คำสั่งผู้เป็นมารดาแม้นไม่ชอบใจแต่เป่าหลิงก็ต้องเขยิบอย่างไม่อาจขัดขืนได้ สีหน้าของคุณหนูสามที่มักมีรอยยิ้มสร้างความสดใสให้คนในจวนเริ่มบิดเบ้ตั้งแต่มีคุณหนูคนใหม่มา
เหยียนเฟยนั่งประจำที่เรียบร้อย หยางเชาหลินก็เริ่มร่ายยาวถึงหน้าที่แต่ละคนทันที
