บทที่ 3 อาสะใภ้รองแสนดีเกินไปแล้ว
ในที่สุดเหยียนเฟยก็เจอคนที่ตามหาเสียที อาสะใภ้รองยืนอยู่กับบุตรสาวของตนหลังจากยืนส่งท่านอารองไปแล้ว
“คารวะอาสะใภ้รองอีกรอบเจ้าค่ะ”
สายตาสองคู่ของสตรีต่างวัยแต่มีใบหน้าถอดแบบเดียวกันแต่ให้อารมณ์ต่างกันสิ้นเชิง
คนอายุมากกว่ามองมาที่เหยียนเฟยนิ่งทว่าชั่วขณะหนึ่งนางจับความรู้สึกตระหนกได้ ส่วนสตรีอายุน้อยกว่าอย่างเป่าหลิงบนใบหน้าและสายตาส่งความไม่ชอบใจอย่างชัดเจน
“ว่าอย่างไรอาเฟย มีอันใดต้องการเพิ่มหรือ?”
“ท่านแม่ของข้ามิใช่บ่าวรับใช้หากอยากได้อันใดไยไม่ไปบอกบะ...”
เป่าหลิงพูดยังไม่ทันจบก็ถูกมารดาฉุดรั้งห้ามปามก่อนแล้ว อาสะใภ้รองหันมาส่งยิ้มให้เหยียนเฟยเป็นเชิงว่าให้นางพูดต่อ
“ท่านอาสะใภ้ไม่ต้องยึดตามที่ท่านย่าเอ่ยก็ได้เจ้าค่ะ สมบัติในส่วนของบิดาและสินเดิมมารดาที่ท่านย่าฝากให้ท่านดูแล้วก็นำมาให้ข้าเถอะ ข้าจะดูแลเองทั้งหมด ไม่รบกวนท่านอาสะใภ้เจ้าค่ะ”
“อ้อ เรื่องนั้นขะ...”
“ร้านพวกนั้นท่านแม่ข้าเสียหยาดเหงื่อ เสียเวลามาตั้งหลายปีเพื่อทำให้มันเติบโตและมีกำไร ไยถึงตกเป็นของเจ้าได้เสียไม่รู้...”
เป็นอีกคราที่หยางเชาหลินหรืออาสะใภ้รองห้ามปรามบุตรสาวตนอีกครา นางส่งสายตาให้บ่าวของตนมาพาเป่าหลิงออกไป
“อาเฟยอย่าได้สนใจคำพูดไม่รู้ความของน้องสาวเจ้าเลย ข้านั้นถือคำของผู้ใหญ่เป็นสำคัญ หากลำบากเสียหน่อยแต่ช่วยให้คนในจวนสบายได้ย่อมทำโดยไม่เกี่ยงอยู่แล้ว อีกทั้งเรื่องการบริหารร้านและที่ดินให้เกิดกำไรนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ข้าทำจนชินและเข้าใจมันเสียแล้ว ไว้อาสะใภ้สอนเจ้าจนเข้าใจแล้วจะส่งคืนให้จะดีกว่า...อ้อ แล้วเรือนพักเป็นอย่างไรขาดเหลืออันใดไหม?”
“ก็ดีเจ้าค่ะ...”
...อา ดูท่าสมบัติของบิดาและมารดาในมือของสตรีตรงหน้าจะไม่ได้คืนมาง่ายๆเสียแล้ว
เหยียนเฟยในตอนนี้อายุสิบสี่จะดูแลบริหารร้านให้กำไรงอกเงยยากไม่ผิด หากนางเข้าไปฟ้องท่านย่าว่าอาสะใภ้ตั้งใจฮุบสมบัติคงมีแต่ทำให้นางกับสมบัติห่างไกลมากขึ้น เช่นนั้นสิ่งที่เหยียนเฟยทำได้ตอนนี้คือ นางต้องรู้เจตนาของอาสะใภ้รองให้แน่ชัดก่อน หากเพียงแค่ดูแลสมบัติให้ก่อนก็ค่อยๆจัดการเอามาใช้เวลาหน่อยก็ไม่เป็นไร แต่หากมีเจตนาไม่ดีแอบแฝงนางคงต้องคิดแผนเอาสมบัติคืนให้ได้ในเร็ววัน
การตกแต่งเรือนของเหยียนเฟยนั้นดูดีขึ้นทันตาเห็น เครื่องเรือนที่ดูดีกว่าเก่าก่อนถูกคนย้ายเข้ามา เสื้อผ้าเครื่องประดับ และเงินรายเดือนนางก็ได้รับอย่างเหมาะสม ดูแล้วไม่ต่างจากที คุณหนูคนอื่นในตระกูลเฉินได้รับ อีกทั้งบ่าวรับใช้ในเรือนก็เพิ่มมากขึ้น แต่ด้วยเหยียนเฟยยังยืนยันว่านางจะมีบ่าวส่วนตัวเพียงสองคนก็คือซูเหมยและเจียวเหมย บ่าวที่ถูกส่งมาส่วนใหญ่จึงดูแลทำความสะอาดรอบนอก
ตลอดหลายวันมานี้ เหยียนเฟยหมกตัวอยู่แต่ในห้องส่วนตัว นางไล่ดูบัญชีสมบัติของมารดาและบิดาที่ได้รับมา รวมถึงรายชื่อร้านค้าที่มีในมือด้วย หลายวันก่อนนางนำกุญแจที่มีไปเปิดดู สมบัติที่อยู่ในบัญชี พบว่ามีตามนั้นจริงแต่สมบัติส่วนใหญ่ล้วนถูกใช้งานอย่างสมบุกสมบัน บางชิ้นชำรุดแล้วก็มี
ดูท่าตลอดหลายปีที่สินเดิมของมารดาอยู่ในการดูแลของท่านย่าจะหาได้อยู่นิ่งไม่ การที่สมบัติมีตามที่เขียนไว้นั้นไม่รู้ว่าพยายามทำให้ของกลับมาอย่างเดิมหรือว่าใบรายชื่อสินเดิมถูกทำขึ้นมาใหม่กันแน่ ของที่มีอยู่ดูเหมือนจะมีค่าน้อยกว่าที่คิดไว้ เอาไปลงทุนอันใดไม่ค่อยได้
อยากนำของในห้องเก็บสมบัติของนางไปตรวจสอบก็หาทางออกนอกจวนยากเสียเหลือเกิน แล้วยิ่งช่วงนี้คนในจวนตระกูลเฉินยุ่งกันมากเพราะท่านย่าเสียแล้ว ต่างเตรียมงานศพและพิธีไว้ทุกข์ต่อไป ส่วนเหยียนเฟยนั้นนางไปคารวะศพแล้ว หน้าที่อื่นล้วนไม่เกี่ยวกับนาง เหยียนเฟยจึงทำได้เพียงวางแผนและคอยโอกาสเท่านั้น
“ซูเหมยเจ้าหาซื้อสมุนไพรตามที่ข้าต้องการได้หรือไม่?”
เหยียนเฟยมอบหมายให้บ่าวจอมขี้เกียจที่วันๆไม่ค่อยทำอะไรแต่มีประโยชน์ตรงที่สามารถทำงานยากให้สำเร็จได้ ไปหาซื้อสมุนไพรหลายชนิด นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วคิดว่าน่าจะสำเร็จแล้วนั่นล่ะ แต่ไม่มอบมาให้นางเอกคงเพราะกลัวได้งานชิ้นใหม่
เห็นความอิดออดของบ่าวตรงหน้าแล้วเหยียนเฟยก็หยิบปิ่นเงินออกมาจากหัวตนอันหนึ่ง ยื่นให้ไปอย่างไม่รู้สึกเสียดาย เพราะปิ่นพวกนี้เป็นของในสินเดิมของมารดาที่ดูเหมือนงดงามมีค่า แต่หากใส่ไปพบเจอผู้คนในระดับเดียวกันต้องไม่วายถูกดูถูกเป็นแน่ นางจึงมักใช้มันติดสินบนบ่าวในเรือนแทน
“เรียบร้อยเจ้าค่ะ คุณหนูรอง บ่าวหามาอย่างยากเย็น...”