บทที่ 2 เผชิญหน้ากับคนตระกูลเฉิน(2)
...เริ่มตั้งแต่วิญญาณของผู้เป็นสามี ความทรงจำหวานล้ำไม่มีเข้ามา นางพบแต่ใบหน้าผิดหวังที่มองมายังตนร่ำไป คำสั่งเสียของสามีที่เอ่ยไว้ว่าให้นางช่วยดูแลบุตรสาวของบุตรชายคนโตให้ดีสมกับที่หลานผู้น่าสงสารคนหนึ่งควรได้รับ เพราะความรุ่งเรืองในตอนนี้ล้วนมาจากบุตรชายคนโตสร้างไว้ แม้นตัวตายก็ทิ้งไว้ซึ่งชื่อเสียงให้ผู้เป็นมารดาและตระกูลเสพสุขจวบจนปัจจุบัน ทว่านางกลับทำตรงข้าม นอกจากจะไม่ดูแลและมอบสิ่งที่หลานสาวคนหนึ่งควรได้รับแล้ว ยังตั้งใจทิ้งหลานผู้น่าสงสารไว้ข้างหลังตัวคนเดียวอีก
...ต่อมาบุตรชายคนโตและสะใภ้ใหญ่ก็วนเวียนมาเข้าฝัน เฝ้าถามไถ่ถึงบุตรสาวของพวกเขา ถามถึงสมบัติที่พวกเขาตั้งใจเหลือไว้ให้บุตรสาวคนเดียว ทำเอานางผู้ที่สูบสมบัติเหล่านั้นมาใช้ราวเป็นของตนไม่สามารถมีความสุขกับของมีค่าได้อีกเลย
...และภาพความฝันสุดท้ายคือหลานสาวที่นางทิ้งไว้ข้างหลังผู้นี้เอง นางเวียนวนมาร้องไห้ต่อหน้าผู้เป็นย่าอย่างตนวันแล้ววันเล่า ร่างกายผ่ายผอมน่าเวทนาเสียยิ่งกว่าขอทานตามท้องถนน
ภาพความผิดเหล่านี้เวียนวนเอาชนะผีห่าซาตานแห่งความโลภ ทว่านั่นก็มาถึงบั้นปลายของชีวิตแล้ว น้ำตาไหลเป็นสายไหลจนท่วมห้องอย่างไรก็มิอาจทดแทนความผิดครั้งใหญ่ต่อหลานตรงหน้าได้
สิ่งที่ผู้เป็นย่าผู้นี้จะเหลือไว้เพื่อจะแทนทดสิ่งที่ตนทำไปได้ก็คงเป็นการคืนของทั้งหมดสู่เจ้าของที่แท้จริงเพียงเท่านั้น...
เหยียนเฟยมองน้ำตาของผู้เป็นย่าด้วยสายตาไร้อารมณ์ซาบซึ้งใดใด นางมาตรงนี้ไม่ใช่เพื่ออภัยให้ใครอยู่แล้ว นางมาเพื่อตัวนางเองเท่านั้น!
“....”
ที่เหยียนเฟยไม่ตอบเป็นเพราะนางรู้ว่าย่าย่อมรู้และมันเป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบจริงๆหรอก พอฮูหยินผู้เฒ่าจ้องมองจนพอใจก็พยักหน้าให้บ่าวคนสนิทจัดการต่อไป ส่วนเหยียนเฟยก็ถูกปล่อยให้เป็นอิสระแล้ว
“ฮูหยินผู้เฒ่าเกรงว่าจะไม่สามารถอยู่เป็นร่มบารมีให้แก่ทุกคนได้นานจึงได้เขียนแบ่งสมบัติไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ...”
เวลาที่ทุกคนรอคอยมาถึงเสียที...
ฮูหยินผู้เฒ่าไม่มีกำลังเพียงแต่เรื่องนี้นางก็ยังต้องพูดด้วยตนเองอยู่ดี
“แม้นข้าจะไม่อยู่แล้วก็ยังว่าเจ้ารองจะยังให้น้องๆอยู่ในจวนนี้ได้ จวนตระกูลเฉินนี้เป็นความร่วมมือของบิดาของพวกเจ้ากับพี่ชายคนโตที่โชคไม่ดีลาลับไปแล้ว พวกเขาช่วยกันสร้างขึ้นมาอย่างมั่นคง หวังว่าครอบครัวเจ้ารองจะดูมันต่อเป็นอย่างดี
ที่ดินบรรพชนแห่งนี้และที่ดินบ้านเดิมล้วนยกให้ประมุขตระกูลคนปัจจุบัน ที่ดินและร้านบางส่วนของบรรพชนเก่าก่อนก็ให้เจ้ารองไปบริหาร ให้สะใภ้รองเป็นผู้ดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายให้กับพวกเจ้า หรือหากมีพวกเจ้าคนใดอยากแยกบ้านไปแม่ก็ไม่ห้ามพวกเจ้าเช่นกัน...แค่กๆ”
เรื่องนี้ทุกคนล้วนรู้อยู่แล้ว ทว่าสิ่งที่พวกเขารอคอยคือสมบัติส่วนอื่นต่างหาก
“สมบัติที่ตกทอดมาจากบิดาของพวกเจ้าสร้างไว้ส่วนตัวรวมกับของข้านั้นแบ่งเป็นสี่ส่วนเท่าๆกัน ส่วนของเจ้าใหญ่ให้อาเฟยไปเป็นสินเดิมสะสมไว้แทน”
การแบ่งสมบัตินี้ไม่เหมื่อที่คาดคิดอยู่บ้างเพราะใครจะคิดว่ามารดาของตนจะแบ่งสมบัติให้คนที่ตายไปแล้วด้วย ขนาดบุตรสาวอย่างอาสี่ที่ยืนหัวโด่ยังไม่ได้รับสมบัติส่วนนี้เลย ทว่าท่านอาปี้เฉินแต่งออกไปแล้วใช้สกุลอื่นแล้วไม่ได้รับสมบัติก็ไม่แปลกอันใดหรอก
เหยียนเฟยพอใจชื้นขึ้นมาบ้างที่ตนมาไม่เสียเที่ยว ทว่าสมบัติที่บอกว่าได้นั้นมีค่าเท่าไหนต้องได้เห็นกับตาเสียก่อนนั่นแหละ
“ส่วนที่ดิน และร้านค้า ข้าขอแบ่งร้านใหญ่ในเมืองหลวงให้เจ้ารองเพื่อใช้จุนเจือครอบครัวทั้งหมด ส่วนร้านย่อยที่เหลือก็แบ่งให้พวกเจ้าที่เหลือคนละร้านสองร้านก็แล้วกัน หลังจากนี้ใครบริหารดีทำกำไลได้มากก็แล้วแต่พวกเจ้าแล้ว
อา ทว่าในส่วนของร้านและที่ดินที่แบ่งให้เจ้าใหญ่นั้นให้ไว้กับอาเฟยจริงแต่มอบหมายให้สะใภ้รองดูแลบริหารก่อนก็แล้วกัน ไว้เจ้าเฟยเรียนรู้จนเข้าใจก่อนค่อยมารับไปก็ยังไม่สาย รวมถึงสินเดิมของมารดาเจ้าด้วย ข้ามอบกุญแจให้ไว้ก่อนแต่บัญชีร้านรวงในนั้นเก็บไว้กับสะใภ้ใหญ่มานานรอจนกว่าเจ้าจะออกเรือนไปคงงอกเงยเพิ่มพูลขึ้นพอดี”
“ข้าโตจนวันใกล้ปักปิ่นแล้วไม่ต้องรบกวนใครให้ลำบากเจ้าค่ะ...”
“แต่เจ้ามิได้เรียนรู้ในสิ่งที่คุณหนูนางหนึ่งได้รู้ หากให้พวกนั้นแก่เจ้าเลยกลัวแต่ว่าจะทำให้ร้านไร้คนดูแลและจมหายในที่สุดน่ะสิ ข้าไว้ใจสะใภ้รองมาตลอดและนางก็จัดการร้านของมารดาเจ้าและบิดาได้ดี ไม่ต้องกังวลว่าลำบากนางหรอก”
เหยียนเฟยฟังแล้วรู้สึกถึงลางร้ายอย่างไรไม่รู้ เรื่องเงินๆทองๆ คนดีแค่ไหนหากมีอำนาจและเงินอยู่ในมือย่อมเปลี่ยนไปได้ทั้งนั้น หลังจากนี้นางต้องรีบไปขอของทั้งหมดมาดูแลเองนั่นแหละ
“ท่านแม่แล้วบัญชีในอีกหีบนั่นเล่าขอรับ”
สายตาทุกคนมองไปที่หีบอีกใบที่ยังไม่ถูกพูดถึงทันที ใบใหญ่สุดเสียด้วย
“อ้อ นี่ก็เป็นสมบัติที่เจ้าใหญ่ฝากปู่ของเจ้าให้มอบให้กับบุตรสาวของเขายามโตแล้วไม่เกี่ยวกับพวกเจ้าแต่อย่างไร อาเฟยมานี่มา...”
เหยียนเฟยเดินเข้าไปหาไม่ช้าไม่เร็ว นางถูกดึงแขนไปรวบไว้อีกแล้ว
“ข้าทำผิดต่อเจ้าใหญ่มากนักที่ดูแลเจ้าไม่ดี นับแต่นี้ข้าจะขอฝากฝังอาเฟยไว้กับครอบครัวเจ้ารอง ให้เขาดูแลหลานคนนี้เยี่ยงบุตรในไส้แทนข้า หากเจ้าต้องการอันใดให้บอกตระกูลของอารองเจ้าได้เลยนะ อาเฟยในตอนนี้เป็นคุณหนูคนรองของจวน สิ่งใดควรได้ก็อย่าได้ขาดตกบกพร่อง ส่วนเจ้า อาหลิน เจ้าคือพี่ชายคนโต ย่าฝากเจ้าดูแลน้องสาวคนนี้ด้วย นางไม่มีใครแล้ว เข้าใจหรือไม่ เจ้ารอง อาหลิน”
ท่านอารองหรือประมุขจวนคนปัจจุบันและบุตรชายของเขาเดินหน้ามาคุกเข่ารับคำทันที ตามด้วยอาสะใภ้ที่แม้นไม่ถูกเรียกก็ต้องทำตามอยู่แล้ว
ตอนนี้ในมือของเหยียนเฟยมีบัญชีและรายชื่อร้านในสมบัติของบิดาแต่ไร้กุญแจและสิ่งที่จับต้องได้จริง เพราะสิ่งเหล่านั้นถูกส่งไปอยู่ในมือของผู้ดูแลอย่างอาสะใภ้เป็นที่เรียบร้อย
“หลานจะดูแลน้องรองอย่างดีขอรับท่านย่า วางใจหลานได้”
จิ้งหลินส่งรอยยิ้มอบอุ่นมาให้เหยียนเฟยแม้จะได้รับสีหน้าเฉยชากลับไปก็ตาม
แม้ฮูหยินผู้เฒ่าดูเหนื่อยเกินและตาแทบปิดแล้วแต่นางก็ยังเรียกให้บ่าวคนสนิทนำหีบใบใหญ่อีกหีบออกมา
“สมบัตินี้เป็นของสะสมส่วนตัวข้าเอง ตายไปแล้วเอาไปใช้ไม่ได้ ก็คงได้แต่แบ่งให้หลานๆก็แล้วกัน มาหยิบกันไปเถอะ...”
คราวนี้อย่างน้อยการที่บุตรสาวที่ออกเรือนไปแล้วกลับมาก็ยังมีประโยชน์อยู่บ้าง หลานที่ว่ากรูเข้าไปหยิบของในหีบคนละชิ้นสองชิ้นจนเหลือเพียงนางและเฉินจิ้งหลินที่ยืนดูอยู่ห่างๆ
“พี่ใหญ่ ท่านไม่มาเอาหรือ ของในนี้ดีทั้งนั้นเลยนะเจ้าคะ”
เสียงของน้องสาม น้องสาวบิดามารดาเดียวกันเอ่ยถามซึ่งได้รับการส่ายหน้าและรอยยิ้มเบาบางเป็นการตอบแทน จากนั้นก็เหลือบมองทางเหยียนเฟยชั่วครู่ก็หันหลังกลับเดินนำเครื่องประดับล้ำค่าในมือออกไป
“ที่เหลือในหีบพี่ใหญ่ให้เจ้าหมดเลยแล้วกัน พี่ใหญ่เป็นบุรุษไม่ต้องการของพวกนั้นหรอก”
ในใจนางก็อยากรับไว้นั่นแหละ แต่พอเห็นสายตาหลายคู่ที่มองแล้วคิดว่าไม่รับจะดีกว่า นางใส่หน้าตอบทันใด
“ข้าว่าทำตามที่ท่านย่าบอกดีกว่า หากพี่ใหญ่ไม่ชอบก็มอบให้น้องสาวท่านเถอะเจ้าค่ะ”
หลังจากแบ่งสมบัติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คนที่แออัดในห้องก็ถูกไล่ออกไปในที่สุด เหยียนเฟยนั้นออกมาได้ก็มองหาอาสะใภ้รองทันที นางต้องได้คุยเรื่องขอสมบัติของตนทั้งหมดมาดูแลเองให้ได้...
