บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 การต้อนรับของจวนตระกูลเฉิน

ในที่สุดเหยียนเฟยก็เดินทางมาถึงจวนตระกูลเฉินแล้ว เบื้องหน้าเป็นป้ายจวนชัดเจน รถม้าวิ่งเข้าไปจอดข้างในจวนเรียบร้อย บ่าวของฮูหยินผู้เฒ่าลงจากรถม้าทันควัน ไม่วายเปิดม่านเข้ามาเร่งให้เหยียนเฟยลงจากรถม้าอีก

การที่มีคนเคยเอ่ยว่าหากไม่คาดหวังย่อมไม่ผิดหวังนั้น

เหยียนเฟยเข้าใจดี ทำให้นางไม่คิดวาดภาพในฝันว่าการที่คุณหนูรองกลับจากบ้านนอกครานี้จะมีคนในตระกูล ญาติพี่น้อง หรือบ่าวไพร่ในจวนจะมาต้อนรับ พอนางเห็นความว่างเปล่าตรงหน้าจึงไม่เสียใจอันใด

บ่าวของฮูหยินผู้เฒ่านั้นมีท่าทีร้อนรนอยากรีบไปจาก

เหยียนเฟยแทบใจขาดดิ้น แต่ก่อนจากไปนั้นนางกระซิบกระซาบกับบ่าวสตรีสองนางที่มาต้อนรับ และหันกลับมาที่เหยียนเฟย

“คุณหนูรอง ท่านมีอันใดต้องการหรือสงสัยก็ถามบ่าวสองนางนี้ได้เลยนะเจ้าคะ พวกนางจะรับใช้ท่านนับแต่นี้ ส่วนบ่าวต้องขอตัวก่อน ลาล่ะเจ้าค่ะ”

เหยียนเฟยไม่สนใจบ่าวผู้เร่งรีบผู้นี้มานานแล้ว นางหันมาสนใจสตรีวัยประมาณเดียวกันสองนางดีกว่า

มองดูแล้วบ่าวสองคนดูไม่เต็มใจไม่ต่างกันเลย แต่เหยียนเฟยไม่ถือสาเพราะหากเป็นนางเอง การต้องมารับใช้เจ้านายไร้อนาคตทั้งไร้บุพการีคอยค้ำจุนก็คงไม่เต็มใจเช่นเดียวกัน

บ่าวที่ดูมีอายุมากกว่ายืนหน้าตรงมองสำรวจเหยียนเฟยพร้อมส่งสายตาดูถูกอย่างไม่ปิดบัง ก็ใครให้สภาพตอนนี้ของนางดูแย่กว่าบ่าวกันเล่า

ส่วนบ่าวตัวเล็กอีกคนก้มหน้าก้มตามองพื้น ไหล่งองุ้มอย่างคนไม่มั่นใจในตนเอง ใครมองมาก็รู้สึกอยากแกล้งนั่นล่ะ

ดูเอาเถอะ บ่าวสองคนแรกของนางดูพิเศษอย่าบอกใครเลย

“พวกเจ้ามีนามว่าอันใดกันบ้าง?”

แน่นอนเหยียนเฟยตั้งใจหันไปเอ่ยถามกับคนที่ก้มหน้าก่อน เพราะนางอยากให้ความมั่นหน้าของบ่าวอีกนางลดลงบ้าง

“อะเอ่อ เรียกบ่าวว่าเจียวเหมยได้เลยเจ้าค่ะ”

พอเจียวเหมยเงยหน้ายังไม่ทันสบตาก็รีบก้มลงไปอีกรอบแล้ว คราวนี้ถึงตาบ่าวแสนมั่นอีกนาง แม้นสีหน้าของนางมั่นจะบ่งบอกว่าไม่พอใจที่ตนได้รับความสนใจน้อยกว่า แต่ด้วยหน้าที่ก็จำต้องเอ่ยปากอยู่ดี

“ซูเหมยเจ้าค่ะ”

“เอาล่ะ ในเมื่อพวกเจ้าถูกส่งมาให้รับใช้ข้าแล้ว หวังว่าจะรู้ชะตากรรมของตนเองนะว่าอย่างไรบ่าวจะรุ่งเรืองหรือไม่ก็ขึ้นกับเจ้านายที่ตนรับใช้...

ข้ารู้ว่าหากเลือกได้ พวกเจ้าก็คงไม่มีใครอยากมารับใช้คุณหนูไร้อำนาจอย่างข้าหรอก แต่ในเมื่อพวกเจ้าอยู่ตรงนี้นั่นแปลว่าพวกเจ้าเลือกไม่ได้ เช่นนั้นก็จงทำหน้าที่ตนให้ดีที่สุด...”

หลังจากเหยียนเฟยจัดการรับน้องสองบ่าวรับใช้ของตนไปแล้ว นางก็ตามพวกนางไปยังเรือนพักที่ถูกจัดเตรียมไว้ เห็นซูเหมยที่จ้อมาตั้งแต่เหยียนเฟยเอ่ยถามบอกว่า หลังเดินทะลุสวนเมื่อครู่มาแล้วล้วนเป็นเรือนเก่าของบิดามารดาของนางเคยอยู่ทั้งสิ้น ซึ่งภาพสถานที่ในจวนก็พอเลือนลางในความทรงจำของร่างนี้บ้าง

เห็นบอกว่านายท่านผู้เฒ่าที่จากไปแล้วเอ่ยปากขอไว้ให้ช่วยดูแลอย่าให้ใครอื่นมาอยู่ ในความทรงจำของเหยียนเฟยคนเก่าที่ยังคงค้างในหัวก็รับรู้ถึงความรักของผู้เป็นปู่ที่รักบุตรชายคนโตมากจนส่งมาถึงนางผู้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเดียว หากท่านปู่ยังมีชีวิตอยู่ เหยียนเฟยก็คงไม่ถูกส่งไปอยู่บ้านนอกหรอก ตามจริงการที่ท่านย่าอยู่ดีดีก็เรียกนางกลับมานั้น เหยียนเฟยก็สงสัยเช่นเดียวกัน แต่เดี๋ยวอีกไม่นานก็คงรู้เองนั่นแหละ

เหยียนเฟยถูกพามาที่เรือนที่ตนเคยอยู่ ใหญ่และกว้างขวางสมกับเป็นเรือนของคุณหนูรองอันเกิดจากบุตรชายคนโตสุดของอดีตประมุขที่ลาลับไป ทว่าในความกว้างขวางนั้นทำให้เห็นเด่นชัดว่านอกจากตัวเรือนที่ถูกดูแลตามคำสั่งท่านปู่แล้ว นอกนั้นล้วนเปลี่ยนแปลงไปหมดสิ้น เครื่องเรือนไม้ราคาแพงในความทรงจำหายไป ถูกแทนที่ด้วย เครื่องเรือนที่ไม่เข้าพวก เหมือนเพิ่งถูกย้ายเข้ามาด้วยซ้ำ

เหยียนเฟยเข้ามาในเรือนนอนสำรวจห้องเล็กน้อยแล้วจึงนั่งลงหันมาเอ่ยกับบ่าวทั้งสอง

“ซูเหมย ข้าฝากเจ้าไปเอาน้ำเย็นมาให้ข้าที ส่วนอาเจียวเจ้าช่วยยกหีบนั่นของข้าเข้ามาข้างในที”

รอจนซูเหมยเดินออกไปนั่นแหละ เหยียนเฟยถึงรีบเรียกบ่าวตัวเล็กที่ทำท่าจะไปยกหีบใบใหญ่ใบเดียวที่ผู้ดูแลนางที่บ้านนอกจัดมาให้ แบกเข้ามาตามคำสั่งอย่างขันแข็ง

ทว่าเหยียนเฟยหาได้ต้องการใช้งานเจียวเหมยเช่นนั้นจริงเสียที่ไหน ในหีบนั่นมีแต่เสื้อผ้าขาดวิ่นและของไร้ค่าที่คนพวกนั้นใส่มาให้ดูมีอะไรเท่านั้น จุดประสงค์ที่แท้จริงคือเหยียนเฟยต้องการคุยกับบ่าวตัวเล็กตามลำพังต่างหาก

ดูจากการแต่งตัวแต่งแต้มสีสันเกินความเป็นบ่าวของซูเหมยแล้วหากไม่ยกเรื่องให้ยกของหนักมามีหรือจะยอมไปเอาน้ำตามคำสั่งของนางอย่างเต็มใจเช่นเมื่อครู่

“เจียวเหมยเจ้าไม่ต้องยก เข้ามานี่มา...”

เจียวเหมยร่างกายผอมแต่ดูกระฉับกระเฉงดียิ่ง นอกจากแววตาที่ดูเศร้าตลอดเวลาและยอมคนแล้ว โดยรวมถือว่าเป็นบ่าวที่น่าเก็บไว้ข้างกายคนหนึ่ง

“เจ้าไม่สนิทกับซูเหมยใช่ไหม?”

คำถามนี้ทำเอาคนถูกถามอึ้งไปบ้าง แต่สุดท้ายก็เลือกพยักหน้าตอบตามตรง

“ไม่ค่อยสนิทกันเจ้าค่ะ เพราะบ่าวทำงานใช้กำลังเป็นส่วนใหญ่ ส่วนซูเหมยมักจะทำงานจิปาถะ รับใช้เจ้านายในจวนเสียมากกว่าเจ้าค่ะ”

เหยียนเฟยเดาไม่ผิด ดูแล้วเจียวเหมยตรงหน้าจะไม่ได้มีความเป็นอยู่ที่ดีนัก สตรีอายุไม่น่าเกินสิบห้าอีกทั้งรูปร่างผอมบางกลับถูกใช้ทำงานใช้กำลัง ส่วนซูเหมยที่ตัวสูงและมีเนื้อมากกว่ากลับได้ทำงานสบายแทน

แน่นอนบอสสาวเจ้าของบริษัทมากสาขาย่อมมีทักษะการตั้งคำถามที่ไม่ธรรมดา นางเคยสัมภาษณ์ผู้สมัครเข้ามาเป็นพนักงานบริษัทมากมาย นางรู้วิธีที่ทำให้คนๆหนึ่งตอบคำถามนางอย่างที่ต้องการ

เริ่มตั้งแต่เหยียนเฟยไล่ซูเหมยให้ออกไปเพื่อให้เจียวเหมย

กล้าตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา โดยเฉพาะเรื่องของบ่าวอีกคนที่ไม่อยู่ตรงนี้

“อ้าว ซูเหมยมีเจ้านายที่รับใช้ประจำแล้วหรือ ข้านึกว่านางเป็นอิสระเสียอีก”
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel