บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 การต้อนรับของจวนตระกูลเฉิน (2)

การทำเป็นว่าตนได้ความรู้ใหม่จากคำตอบของเจียวเหมยนั้นจะกระตุ้นให้เจ้าของคำตอบอยากตอบให้ชัดเจนมากขึ้นเช่นกัน

“ไม่ใช่อย่างที่คุณหนูรองคิดนะเจ้าคะ ซูเหมยไม่ได้มีเจ้านายรับใช้ประจำเจ้าค่ะ นางเคยอยู่ในสังกัดฮูหยินผู้เฒ่ามาปีกว่าล่าสุดย้ายไปสังกัดฮูหยินท่านประมุขคนปัจจุบัน และก็ถูกเปลี่ยนมารับใช้คุณหนูนั่นแหละเจ้าค่ะ”

จากข้อมูลนี้ เหยียนเฟยเดาว่าซูเหมยผู้นี้คงต้องมีนิสัยบางอย่างที่ทำให้ถูกย้ายไปมาเช่นนี้แน่ ส่วนเรื่องอะไรที่ทำให้คนไม่ชอบนั้นนางต้องค่อยๆสืบหาไป

แต่มีสิ่งหนึ่งที่นางสังเกตได้คือเจียวเหมยดูกล้าพูดมากขึ้นเมื่อไม่มีซูเหมยอยู่ แล้วยิ่งชัดเจนมากไปอีกยามบ่าวอีกคนที่นางสั่งให้ไปเอาน้ำมากลับมาแล้ว เจียวเหมยรีบถอยออกไปไกลเหลือพื้นที่ให้ซูเหมยอย่างไม่ต้องมีใครเอ่ยบอก

“กว่าบ่าวจะขอน้ำเย็นนี้มาได้ยากยิ่งเจ้าค่ะ คนในโรงครัวล้วนไม่รู้จักคุณหนูรองหาว่าบ่าวปดอีก ดีที่บ่าวพอรู้จักคนในนั้นบ้างจึงนำน้ำมาให้ได้ อาจใช้เวลานานไปบ้างหวังว่าคุณหนูรองจะ

ไม่ถือสานะเจ้าคะ”

เหยียนเฟยฟังคำบ่นไปพลางมองลักษณะการวางตัวของ

ซูเหมยไปก็พอเดาอะไรบางอย่างออกบ้างแล้ว

นางทำตัวเหมือนมีฐานะเหนือกว่าบ่าวด้วยกันอย่างคุ้นชินคงเพราะทำเป็นประจำ จะว่าเป็นคนโปรดของเจ้านายคนไหนก็ไม่น่าใช่เพราะจากคำพูดของเจียวเหมยนั้นนางอยู่กับใครไม่ได้นาน แสดงว่าคนที่ซูเหมยสนิทชิดเชื้อด้วยอาจเป็นบ่าวคนหนึ่งที่มีอำนาจในจวนตระกูลเฉินก็เป็นได้

คราวนี้ถึงตานางจะคุยเป็นการส่วนตัวกับซูเหมยบ้าง

เหยียนเฟยออกคำสั่งให้เจียวเหมยไปทำงานอื่นแล้วจึงหันมาถามบ่าวตรงหน้าโดยเฉพาะเรื่องของบ่าวอีกคนที่ไม่อยู่ตรงนี้

นางถามได้ก็ต้องทนฟังลีลาการตอบของซูเหมยไปแต่สิ่งที่ได้ก็คุ้มเกินคิดไว้เช่นเดียวกัน

ซูเหมยนางเป็นคนชอบพูด คนเช่นนี้หากผู้ฟังมีท่าทีตั้งใจหน่อย ถามอันใดก็ตอบหมดทั้งนั้น แล้วการที่ซูเหมยทำตัวดูเหนือกว่าเจียวเหมยนั้นเพราะเหตุผลสองอย่าง หนึ่งคือเจียวเหมยเป็นคนซื่อๆและยอมให้คนเอาเปรียบอยู่แล้ว พอเจอคนชอบเอาเปรียบผู้อื่นเลยยิ่งเข้าไปใหญ่ และสองคือ ซูเจียวมีสามีเป็นบ่าวบุรุษในจวนนี้ และบ่าวผู้นั้นก็เป็นคนสนิทของพ่อบ้านประจำจวนด้วย ก็ไม่แปลกที่สามารถอยู่ในจวนได้ทั้งที่ไม่ค่อยทำงานเช่นนี้

ที่สำคัญนางได้รู้ว่าโครงสร้างบ่าวของจวนตระกูลเฉินเป็นเช่นไรจากคำบอกเล่าของซูเหมยด้วย

นอกจากบ่าวจะถูกกำหนดให้รับใช้เข้าสังกัดของเจ้านายแต่ละคนแล้ว ก็มีพ่อบ้านของจวนหนึ่งคนที่ทำหน้าที่รับใช้ประมุขตระกูลเฉินมาตั้งแต่สมัยปู่ยังอยู่ เขาทำหน้าที่ดูแลบ่าวที่ไร้สังกัด และงานส่วนกลาง มีอำนาจไม่แพ้บ่าวคนสนิทของฮูหยินท่านประมุขหรืออาสะใภ้รองเลย

ฟังแล้วเหยียนเฟยค่อยมองว่าซูเหมยมีประโยชน์ขึ้นมาหน่อย นางนอกจากจะพูดมากและเวิ่นเว้อแล้ว น่าจะสามารถพานางเชื่อมโยงไปพ่อบ้านประจำตระกูลและบ่าวคนอื่นๆได้เหมือนกัน

แต่ก่อนอื่น เหยียนเฟยต้องทำให้บ่าวปากมากอย่าง

ซูเหมยจงรักภักดีกับนางเสียก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน

“ซูเหมย ข้าขอถามเจ้าตรงๆหน่อยแล้วกัน”

คำพูดจั่วหัวนี้ทำให้บ่าวปากมาก อึ้งไปเช่นกัน

“ก่อนหน้าที่เจ้าจะมาเป็นบ่าวรับใช้ส่วนตัวของข้า เจ้ามิใช่รับใช้ ฮูหยินประมุขคนปัจจุบันอยู่หรอกหรือ เจ้ามารับใช้ข้านั่นเป็นการลดฐานะบ่าวต่ำลง เจ้าคงไม่ได้ทำอะไรพลาดไปก่อนหน้าใช่หรือไม่?”

คนที่มีอีโก้สูงเช่นซูเหมยหากถูกใครเอ่ยวาจาทำให้ตนเสียหน้าย่อมไม่ยอมอยู่แล้ว นางต้องรีบเอ่ยแก้ไขความผิดหากไม่เป็นจริงแน่ ซึ่งเหยียนเฟยต้องการฟังเนื้อหาเหล่านั้นนั่นแหละ ตลอดเวลาที่ซูเหมยอยู่กับนางมาล้วนมีการกระทำหนึ่งที่ทำให้นางสงสัยบางอย่าง

“คุณหนูรองกล่าวหาบ่าวร้ายแรงเกินไปแล้วเจ้าค่ะ บ่าวทำงานอย่างตั้งใจมาโดยตลอดไม่เคยทำเรื่องผิดจนถูกลงโทษ ไม่เคยถูกขับไล่ออกไปนอกจวนมาก่อน หากมีแต่เพราะความสามารถพิเศษของบ่าวเท่านั้นทำให้คนไว้ใจมอบงานใหญ่ให้ คะ...”

“ตัวอย่างเช่นงานที่ให้เจ้าเอาแต่พูดวนซ้ำเรื่องที่ข้าเป็นคุณหนูที่ถูกตระกูลทอดทิ้งเช่นนั้นหรือ?”

อ้าปากเหวอเพียงนี้ดูท่าเหยียนเฟยจะเดาถูกกระมัง นางคิดแล้วว่าเป็นเพียงบ่าว แม้มีนิสัยโอหังเพียงใดก็ไม่น่าโอหังต่อว่าเจ้านายต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ นางจึงคิดว่า การกระทำเหล่านี้ของซูเหมย น่าจะมีคนจ้างวานมา

“ไม่ใช่นะเจ้าคะ บะ...”

“เช่นนั้นเจ้าจะบอกว่า การที่เจ้าดูถูกข้า มาจากความตั้งใจของเจ้าอย่างนั้นหรือ?”

เอาสิแม้นเหยียนเฟยจะยังไม่มีอำนาจในตระกูลแต่การที่บ่าวมีกริยาเช่นนี้ฟังดูก็รู้แล้วว่าบทลงโทษย่อมมีแน่ ดีไม่ดีอาจร้ายแรงถึงขึ้นถูกไล่ออกเลยก็ได้

“บ่าวไม่กล้าเจ้าค่ะ...”

เช่นนั้นนางจะถือว่าซูเหมยตอบรับกลายๆแล้วกันนะ

“เรื่องนี้ข้าไม่เอาผิดเจ้าหรอก เอาเป็นว่าเจ้ากลับไปรายงานคนผู้นั้นว่าเจ้าทำสำเร็จแล้ว เติมแต่งเช่นไรให้เหมือนจริงก็ขึ้นอยู่กับฝีมือเจ้าแล้ว อีกทั้งข้าจะทำให้เจ้าสามารถได้รางวัลเพิ่มอีกขอเพียงทำตามที่ข้าบอกก็พอ...”

นางพอรู้แล้วว่าซูเหมยผู้นี้สามารถซื้อได้ด้วยรางวัลที่มีค่ามากพอ ซึ่งเหยียนเฟยจะไม่ขัดลาภยศของนางหรอก แต่จะเป็นคนสนับสนุนให้บ่าวตรงหน้ากอบโกยของมีค่ามาเพิ่มเป็นเท่าตัวอีกด้วยซ้ำ

การที่เหยียนเฟยไม่คาดคั้นให้ซูเหมยเปิดปากบอกว่าใครคือผู้จ้างวาน ไม่ใช่นางไม่อยากรู้ แต่นางสามารถรู้ได้จากวิธีอื่นเช่นกัน เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยากอันใด เหยียนเฟยต้องใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้คุ้มค่าและเหมาะสม เพื่อประสิทธิภาพงานที่สูงสุดเท่านั้น

“คุณหนูรองเจ้าคะ ฮูหยินผู้เฒ่าส่งคนให้มาตามคุณหนูไปพบที่เรือนของท่านแล้วเจ้าค่ะ” 
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel