ตอนที่5
จันฉายกลับถึงบ้านช่วงดึกความเหนื่อยล้าจากการทำงานตลอดทั้งวันทำให้เธออยากทิ้งร่างลงบนโซฟาห้องนั่งเล่นเสียตอนนี้ แต่ทว่าสายตากลับเหลือบเห็นแสงไฟในห้องทำงานของผู้เป็นพ่อที่ยังเปิดอยู่ จันฉายคิดว่าพ่อของเธออาจจะกำลังทำงานอยู่จึงค่อยๆ ย่องเดินเสียงเบาๆ เพื่อไปทักทายท่าน
“คุณพะ...พ่อ” เสียงหวานกลืนลงคอเมื่อได้ยินเสียงคนเป็นพ่อกำลังคุยโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงกระซิบกระซาบกับใครบางคน
“ครับๆ ผมทราบแล้วครับ ผมจะรีบหาเงินมาใช้คืนให้ได้ภายในเดือนนี้ครับ” น้ำเสียงดูกังวลใจของพ่อบุญธรรมทำให้จันฉายไม่กล้าเอ่ยถามสิ่งใดทำได้แค่แอบฟังเงียบๆ อยู่ด้านนอก
“ผมขอจ่ายดอกเบี้ยก่อนได้ไหมครับ ส่วนหนี้ก้อนนั้นจะพยายามหาคืนให้เร็วที่สุดครับ”
หญิงสาวแอบฟังด้วยความอยากรู้ เธอรู้ว่าบริษัทของท่านกำลังจะล้มละลายแต่ไม่คิดว่าท่านจะติดหนี้ก้อนใหญ่ด้วย ฟังจากน้ำเสียงที่ท่านดูกังวลเงินจำนวนนั้นคงไม่ใช่น้อยๆ เป็นแน่
เช้าวันใหม่มาเยือน เวลาอาหารของทุกคนในบ้านอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน จันฉายเก็บเรื่องที่ได้ยินเอาไว้คนเดียวไม่ได้บอกผู้เป็นแม่เพราะคิดว่าท่านอาจจะยังไม่รู้ และพ่อก็คงไม่อยากให้ใครรู้
“จันเป็นอะไรหรือเปล่า เช้านี้กินน้อยจัง” ผู้เป็นแม่เอ่ยถามลูกสาวคนโตด้วยความสงสัยที่วันนี้ดูกินน้อยกว่าปกติ
“จันไม่ค่อยหิวน่ะค่ะแม่”
“ไม่สบายหรือเปล่า ถ้าไม่ไหวก็พักซะนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้จันต้องไปทำงานที่โรงแรมต่ออาจจะกลับดึกนะคะ” จันฉายไม่อยากหยุดงานให้เสียเวลา ยิ่งตอนนี้เธอต้องรีบหาเงินช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายของครอบครัว
“ไหนบอกว่าทำที่โรงแรมแค่เสาร์ อาทิตย์ไง”
“พอดีวันนี้มีคนลาหยุดน่ะค่ะ พี่เขาเลยตามให้ไปทำช่วงเย็นค่ะแม่”
“งั้นเหรอ ถ้างั้นก็ไปดีๆ ล่ะ เป็นผู้หญิงกลับมืดค่ำอันตราย”
“ค่ะแม่” คนตัวเล็กส่งยิ้มหวานให้ผู้เป็นแม่ที่ถึงแม้จะเป็นแม่บุญธรรม แต่ก็ยังคอยเป็นห่วงเธออยู่เสมอ
“แม่คะ ที่โรงเรียนให้หนูทำกิจกรรมต้องเสียค่าชุดสามพันค่ะ” จู่ๆ น้องสาวที่นั่งก้มหน้ากินอาหารอยู่พักใหญ่ก็เอ่ยขึ้นมา
“ค่าชุดอะไรตั้งสามพัน ทำไมแพงจัง”
“ก็หนูถูกเลือกให้แสดงเปิดงานโรงเรียนนี่คะ”
“ทำไมไม่เห็นบอกแม่ก่อนเลยว่าต้องเสียค่าชุดตั้งแพง”
“แม่จะไม่ให้หนูแสดงใช่ไหมคะ”
“ค่าชุดมันแพงเกินไป อีกอย่างปีหน้าก็ต้องขึ้นมัธยมแล้ว ค่าใช้จ่ายก็เยอะ” ผู้เป็นแม่เริ่มเครียดเมื่อลูกสาวคนเล็กที่ชอบทำกิจกรรมกำลังจะใช้เงินเยอะในช่วงที่ครอบครัวกำลังเข้าขั้นวิกฤต
“เพื่อนๆ ก็ได้แสดงกันหมด หนูอุตส่าห์ได้คัดเลือกทั้งที” พราวตาทำหน้างอราวกับจะร้องไห้ เธออุตส่าห์ผ่านคัดเลือกจนได้แสดงเปิดของโรงเรียน
“แม่คะ ให้น้องแสดงเถอะค่ะ เดี๋ยวจันจ่ายค่าชุดให้พราวเองค่ะ” จันฉายเห็นสีหน้าของน้องแล้วอดสงสารไม่ได้ เธออยากให้น้องสาวได้ทำสิ่งที่อยากทำเพราะเธอเคยผ่านจุดนั้นมาแล้วย่อมรู้ดี หากมีโอกาสเธอจึงอยากให้น้องได้ทำทุกอย่างที่ต้องการ
“จัน แต่ค่าชุดไม่ใช่น้อยๆ นะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ จันมีอยู่ค่ะ”
“ขอบใจนะลูก พราวขอบคุณพี่จันสิลูก”
“ขอบคุณค่ะพี่จัน” พราวตายกมือไหว้พี่สาวที่ไม่ค่อยสนิทกันเพราะอายุที่ห่างกันเยอะ อีกทั้งพอพราวตาเริ่มโตจันฉายก็เริ่มทำงานจึงไม่ค่อยมีเวลาได้อยู่กับน้อง
“อืม แสดงให้เต็มที่เลยนะ อย่าลืมถ่ายรูปมาให้พี่ดูเยอะๆ นะ” จันฉายส่งยิ้มกว้างให้น้องสาวที่ถึงจะคนละสายเลือด แต่เธอก็รักน้องมาก
ตลอดมื้ออาหารเช้าคนเป็นพ่อนั่งหน้าเครียดไม่พูดไม่จา จันฉายรู้ดีว่าท่านกำลังกังวลเรื่องอะไรเลยไม่ได้เอ่ยถามออกไป เมื่อใกล้ถึงเวลาทำงานเธอจึงรีบขอตัวออกจากบ้านไป
จันฉายออกมาทำงานด้วยใจที่ยังว้าวุ่นกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อคืน เธอไม่กล้าถามพ่อว่าเงินก้อนที่ท่านยืมมาจำนวนมากแค่ไหน เธออยากหาเงินให้ได้มากกว่านี้เพื่อที่จะช่วยเหลือครอบครัวให้หลุดพ้นจากเรื่องนี้เสียที
“จัน เย็นนี้มีงานที่ไหนต่อไหม”
“อืม ฉันรับปากพี่ที่โรงแรมไว้ว่าน่ะ เลิกงานก็น่าจะไปเลย ทำไมเหรอ”
“เสียดายจังว่าจะชวนไปกินหมูทะสักหน่อย ไม่ได้กินนานแล้วน่ะ”
“โทษทีนะช่วงนี้ต้องใช้เงินน่ะ เอาไว้ครั้งหน้าไม่พลาดแน่นอน”
“จ้าๆ ไว้จะชวนอีกนะ”
จันฉายไม่เคยไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนวัยเดียวกันเพราะเพื่อนส่วนมากเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยกัน ส่วนเธอตัดสินใจพักการเรียนเพื่อทำงาน แต่อย่างน้อยก็ยังมีเพื่อนร่วมงานที่ใจดีกับเธอ
หลังเสร็จงานที่ร้านกาแฟช่วงเย็นหญิงสาวรีบวิ่งไปที่ป้ายรถประจำทางเพื่อนั่งรถไปโรงแรมที่ห่างออกไปหลายนาที จันฉายต้องรีบทำเวลาเพราะไม่อยากไปสายและเธอก็มาก่อนเวลาเริ่มงานทำให้มีเวลาได้เปลี่ยนเสื้อผ้ารวมถึงกินแซนวิชที่พกติดกระเป๋าไว้ตั้งแต่ช่วงบ่าย
“จันๆ”
“คะพี่ฝน” คนตัวเล็กในชุดยูนิฟอร์มแม่บ้านของโรงแรมระดับห้าดาวรีบขายรับหัวหน้าแผนกคนที่รับเธอเข้าทำงาน
“วันนี้มีคนลาสองคนจันอาจจะต้องเหนื่อยนะ เดี๋ยวพี่เพิ่มพิเศษให้”
“ได้ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ” จันฉายเผยรอยยิ้มกว้างเมื่อจะได้รับเงินเพิ่ม เธอไม่ได้กลัวเหนื่อยเพราะชินกับการทำงานไปแล้วอีกทั้งทุกครั้งที่เข้าไปทำความสะอาดในห้องพักก็มักจะได้ทิปจากแขกที่วางทิ้งไว้ให้ ระดับแขกโรงแรมห้าดาวส่วนมากเป็นชาวต่างชาติ
รถเข็นแม่บ้านสำหรับทำความสะอาดถูกเข็นเข้าออกห้องพักที่แขกเพิ่งเช็คเอาท์ออกไป เธอมีเวลาทำความสะอาดห้องพักแค่ไม่กี่นาทีแต่ทุกอย่างต้องออกมาเรียบร้อยไม่ให้ถูกตำหนิได้
จันฉายทำงานอย่างขยันขันแข็งเรียกได้ว่าคุ้มค่าจ้าง เธอไม่บ่นเหนื่อยแม้แต่คำเดียวอีกทั้งยังส่งรอยยิ้มให้คนที่ผ่านไปผ่านมาอยู่ตลอด ทว่าจู่ๆ รถเข็นที่ใหญ่กว่าตัวเธอก็ไปชนเข้ากับอะไรบางอย่างไม่แรงนัก
“อ๊ะ! ขอโทษค่ะ” คนตัวเล็กรีบก้มหัวขอโทษเมื่อคิดว่าชนเข้ากับแขกที่มาเข้ามาพักโดยไม่ได้ตั้งใจ
“เข็นยังไงไม่มองทาง” เสียงเข้มกดต่ำบ่งบอกถึงความไม่สบอารมณ์ขั้นสุดยิ่งทำให้จันฉายรู้สึกผิดอย่างมาก
“ขอโทษค่ะ ดิฉันไม่ได้ตั้งใจค่ะขอโทษจริงๆ ค่ะ”
“ชื่ออะไร”
“ชื่อจันฉายค่ะ” เธอรีบตอบแม้ในใจจะกลัวโดนตำหนิและเรื่องไปถึงหัวหน้าแผนก
“เงยหน้าขึ้นสิ”
“คะ?” จันฉายมึนงงแต่ก็ยอมเงยหน้าขึ้นมองเมื่อจู่ๆ คนตรงหน้าก็ออกคำสั่งราวกับเป็นเจ้านาย
ทันทีที่เงยหน้าขึ้นเธอก็เผลอสบตาเข้ากับเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ ใบหน้าหล่อคมคายในชุดสูทสีดำราคาแพงดูสะอาดสะอ้านไร้ที่ติ กลิ่นน้ำหอมแบรนด์เนมบ่งบอกถึงฐานะของคนตรงหน้าที่เธอไม่อาจเทียบได้
“ฉันขอโทษค่ะที่ชนคุณ ถ้าทำให้สูทเสียหายฉันจะรับผิดชอบให้ค่ะ”
“รับผิดชอบยังไง มีเงินชดใช้หรือไงสูทฉันราคาเป็นแสนนะ”
“ขอโทษค่ะ” คนตัวเล็กก้มหน้างุดไม่กล้าสบตาอีก เธอไม่มีปัญญาชดใช้สูทราคาแพงขนาดนั้นได้ รายได้ของเธอต้องทำงานเป็นปีกว่าจะได้เท่าราคาสูทของเขา
“อยากชดใช้ไหมล่ะ ฉันมีข้อเสนอดีๆ ให้อยู่นะ”
“คะ?” คนตัวเล็กทำหน้างุนงงไม่เข้าใจความหมายที่เขาจะสื่อ
“นี่นามบัตรฉัน อยากได้เงินมากกว่านี้ก็โทรมา ฉันสามารถให้เงินเท่าที่เธอต้องการได้” ร่างหนายื่นนามบัตรสีดำให้เธอก่อนจะเดินจากไป
“อคิรา หรือจะเป็นพวกปล่อยเงินกู้” จันฉายอ่านชื่อบนนามบัตรแล้วคิดว่าอีกฝ่ายเป็นพวกปล่อยเงินกู้เธอจึงรีบเก็บนามบัตรใส่กระเป๋าแล้วไม่ได้สนใจอีกเลย
