ตอนที่2
ในวันเกิดครบแปดขวบเต็มที่ดูเหมือนจะเป็นวันธรรมดาทั่วไปเหมือนอย่างที่ผ่านมา เด็กหญิงวัยแปดขวบทำงานส่งของให้ตามคำสั่งอย่างเลี่ยงไม่ได้ จันฉายอยากได้คำอวยพรจากใครสักคนแต่สิ่งที่ได้มาล้วนแต่เป็นคำด่าทอของคนที่อ้างตัวว่าเป็นผู้มีพระคุณ
โครม! เพล้ง! เสียงข้าวของถูกปากระจัดกระจายของคนที่โมโหไม่ได้ดั่งใจเมื่อเด็กที่ตนเลี้ยงส่งของไม่ถึงมือลูกค้าที่สั่ง
“อีนี่มันโง่เง่าจริงๆ กูบอกให้ไปส่งเสี่ยดำรงมึงไปส่งให้ใครวะ”
“ขอโทษจ้ะ ก็เขาบอกว่ามารับของหนูเลยคิดว่าเขา...” จันฉายยกมือไหว้ปรกๆ ตัวสั่นเทิ้มอย่างกลัวๆ
“มึงยังจะเถียงอีกเหรออีเด็กเวรนี่!” ชายวัยกลางคนผลักเด็กหญิงตัวเล็กปลิวกระเด็นก่อนจะโยนแก้วน้ำสแตนเลสใส่
“โอ๊ย! หนูเจ็บ” เด็กหญิงยกมือขึ้นจับศีรษะที่ถูกแก้วโยนใส่ ถึงจะไม่มีเลือดออกแต่ก็รู้ว่าต้องโนแน่นอน
“กูไม่ตบมึงให้ตายก็ดีแค่ไหนแล้ว”
“มึงนี่เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ ไม่ได้เรื่องจริงๆ” คนที่อ้างว่าเป็นผู้มีพระคุณเก็บเธอมาเลี้ยงแต่ทุกวันนี้ให้กินแค่เศษอาหารที่เหลือ บางวันก็ข้าวบูดจนแทบกินไม่ได้แต่ก็ต้องฝืนกลืนเพื่อให้มีชีวิตรอด
“ขอโทษจ้ะ” จันฉายขอโทษซ้ำๆ ก้มหน้ายอมรับผิดอย่างปฏิเสธไม่ได้ เธอกลัวจะถูกตบตีจึงทำได้แค่พูดขอโทษในความโง่เขลาของตัวเอง
“ถ้ามึงโตกว่านี้กูส่งมึงไปขายซ่องแน่!” ชายวัยกลางคนไม่ได้ค้าแค่ยาเสพติดแต่ยังมีหน้าที่คอยหาหญิงสาวหน้าตาพอใช้ได้ไปส่งให้ซ่องที่อยู่อีกซอย และจันฉายก็เป็นเป้าหมายต่อไปในอนาคต
“ซ่อง?” เด็กหญิงแค่แปดขวบไม่รู้จักคำนี้ แต่คิดว่าคงเป็นสิ่งไม่ดีเป็นแน่
“ไปขายตัว อยากมีผัวแต่เด็กไหมล่ะมึง”
“ไม่เอานะจ๊ะ...ฮึก...หนูไม่ไปนะ หนูขอโทษให้หนูอดข้าวก็ได้ อย่าส่งหนูไปเลยนะ” จันฉายกอดเข่าร้องไห้ขอร้องอ้อนวอนไม่ให้เขาส่งเธอไป
“ตอนนี้ยัง แต่ถ้ามึงทำพลาดอีกครั้งเดียวมึงได้มีผัวตั้งแต่แปดขวบแน่ ไสหัวไปให้พ้นหน้ากู!”
“ฮือ...ไปแล้วจ้ะๆ” เด็กหญิงตัวน้อยร้องไห้น้ำตาอาบแก้มรีบคลานเข่ากับพื้นปูนไม่เรียบเนียนออกจากบ้านสังกะสีด้วยความรีบร้อน
เด็กหญิงนั่งปิดหน้าร้องไห้อยู่ใต้ต้นใหม่ใหญ่ซึ่งเปรียบเสมือนที่พักใจของเธอ เพราะไม่มีที่ให้ไป ไม่มีใครให้พึ่งพาจันฉายจึงต้องร้องไห้คนเดียวในช่วงเวลาที่แย่ที่สุด
“ฮึก...” เธอได้แต่หวังว่าวันพรุ่งนี้ทุกอย่างจะดีขึ้นกว่าเดิม แม้ในวันเกิดปีนี้จะแย่มากแค่ไหนแต่ปีหน้าก็คงไม่แย่ไปมากกว่านี้
“หนูน้อย” เสียงทุ้มไม่คุ้นหูเอ่ยจากทางด้านหลังทำให้จันฉายรีบหลบหลังต้นไม้ใหญ่ทันที
“ไม่ต้องกลัว ลุงมาดีขอคุยด้วยหน่อยสิ” ชายวัยกลางร่างสูงโปร่งเอ่ยอย่างเป็นมิตร
“มะ...มีอะไรจ๊ะ” เด็กหญิงตอบกลับแต่ไม่ยอมโผล่ออกมาให้อีกฝ่ายเห็น
“ออกมาคุยกันก่อนสิ ลุงมีขนมมาให้ด้วยนะ” เมื่อได้ยินคำว่าขนมเด็กที่ไม่เคยได้รับก็หูผึ่งรีบคลานออกมาทันที
“เอานี่ขนม แล้วหนูชื่ออะไร”
“จัน” จันฉายรีบคว้าถุงขนมแล้วถอยหลังหนีอย่างกล้าๆ กลัวๆ เพราะเด็กในสลัมมักมีแก๊งลักพาเด็กไปขายให้เห็นบ่อยๆ เธอก็กลัวคนตรงหน้าจะเป็นคนไม่ดี แต่ด้วยความเป็นเด็กที่อยากได้ขนมเลยลองเสี่ยง
“หนูอยู่แถวนี้เหรอ พ่อแม่ไปไหนล่ะ”
“ไม่มี หนูอยู่กับลุง” จันฉายเก็บขนมเข้ากระเป๋าไม่ยอมแกะกินเสียที
“ลุงหนูชื่ออะไรล่ะ เผื่อลุงรู้จัก”
“ลุงชัยจ้ะ คุณลุงรู้จักเหรอ” จันฉายตอบตามประสาเด็กซื่อๆ
“รู้จักสิ นายชัยที่ตัวสูงๆ ผอมๆ ผิวเข้มๆ ใช่ไหม”
“ใช่จ้ะ” หนูน้อยพยักหน้าหงึกๆ เมื่อคนตรงหน้าอธิบายรูปพรรณสัญฐานอย่างละเอียดยิบ
“หนูพาลุงไปหานายชัยหน่อยสิ ลุงกับเพื่อนอยากเจอสักหน่อย”
“เป็นเพื่อนลุงชัยเหรอจ๊ะ”
“จะว่าแบบนั้นก็ได้ หนูพาลุงกับเพื่อนๆ ไปหน่อยได้ไหม” ชายตรงหน้าหันไปพยักหน้ากับชายตัวสูงอีกประมาณห้าคนให้ออกมาจากรถที่จอดอยู่
“ได้จ้ะ” จันฉายเด็กน้อยแสนซื่อเดินนำพากลุ่มคุณลุงที่ดูใจดีเข้าไปในตรอกสลัมซึ่งเป็นแหล่งกลบดานของพ่อค้ายาอย่างนายชัย
“หลังนี้จ้ะ เดี๋ยวหนูเรียกให้”
“อืม” ชายร่างสูงไม่ได้ตอบอะไรเพราะไม่อยากให้คนด้านในได้ยินเสียงของตนจึงได้แต่พยักหน้าตอบพร้อมกับหันไปส่งสัญญาณบางอย่างกับคนที่มาด้วยกัน
“ลุงชัยจ้ะ” เสียงเล็กตะโกนเรียกเสียงดังก่อนที่นายชัยจะเดินโซเซออกมาด้วยสภาพกางเกงตัวเดียว
“กูให้มึงไสหัวไปมึงกลับมาทำ...เฮ้ย! ตำรวจ” นายชัยถึงกับตาสว่างเมื่อสังเกตเห็นคนที่อยู่ด้านหลังจันฉาย
“จับตัวมันไว้!” เสียงทุ้มออกคำสั่งก่อนที่ชายอีกห้าคนจะรีบเข้าประชิดตัวนายชัยอย่างไม่ทันตั้งตัว
“โอ๊ย! เจ็บนะโว๊ยปล่อยดิวะ จับกูทำไม”
จันฉายยืนมองภาพตรงหน้าด้วยความสับสนและมึนงง ทุกอย่างเกิดขึ้นไวจนตามไม่ทันคนตรงหน้าร้องทรมานเพราะถูกชายตัวโตจับกดนอนกับพื้นพร้อมทั้งกุญแจมือเหล็กที่ล็อกข้อมือแน่นจนแทบขยับไม่ได้
” พาตัวมันไปโรงพัก จ่ากับผมอยู่เคลียร์พื้นที่ก่อน”
“ครับผู้กอง” ตำรวจนอกเครื่องแบบรับคำสั่งจากผู้เป็นหัวหน้าก่อนจะรีบพาตัวผู้ค้ายารายใหญ่ของระแหวกนี้ไปโรงพัก
“อีจัน นี่มึงเรียกตำรวจมาจับกูเหรออีเด็กเวร” นายชัยตะโกนด่าทอเด็กหญิงที่กำลังยืนมึนงงที่ยังไม่รู้ว่าต้องทำตัวอย่างไร
“หนูไม่รู้เรื่องนะ”
หลังจากนายชัยถูกลากตัวไปโรงพักเป็นที่เรียบร้อย ตำรวจนอกเครื่องแบบอีกสองคนยังคงวนเวียนอยู่ในบ้านก่อนจะมีตำรวจอีกสามคนมารวมสมทบ ชาวบ้านรอบๆ เริ่มออกมามุงดูด้วยความอยากรู้ตามประสาไทมุง
“ผู้กองครับ ในห้องนี้มีเด็กอีกหลายคนเลยครับ”
“คุณลุง นี่มันเรื่องอะไร” จันฉายคว้าแขนคุณลุงที่ให้ขนมเธอ
“หนูก็คงเป็นเหยื่อของไอ้สวะนั่นสินะ ตอนนี้หนูไม่ต้องทำตามคำสั่งมันแล้วนะ” เสียงทุ้มเอ่ยด้วยความอ่อนโยนกับหนูน้อยที่แววตาเศร้าดูใสซื่อไร้พิษภัย
“พาเด็กๆ ออกไปให้หมด”
“หนูต้องไปอยู่ที่ไหน” จันฉายที่ไม่มีพ่อแม่ไม่มีญาติพี่น้องไม่รู้ว่าต้องไปอยู่ที่ไหนต่อจากนี้
“หนูจะได้อยู่ที่ที่ดีกว่านี้ไม่ต้องกลัวนะ ตามเพื่อนๆ ไปก่อนนะ”
“อืม” หนูน้อยพยักหน้ารับก่อนจะเดินตามกลุ่มเพื่อนผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกับเธอไปยังรถอีกคันที่จอดอยู่โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้หญิงเป็นคนคอยดูแลพวกเธอไม่ห่าง
เมื่อการบุกจับพ่อค้ายาเสพติดได้สิ้นสุดลงสำนักข่าวหลายแห่งลงพื้นที่ชื่นชมความดีความงามของเหล่าเจ้าหน้าที่ที่ใช้เวลาสืบหาอยู่พักใหญ่จนวันนี้สามารถจับตัวนายชัยได้ แต่ยังมีเด็กเคราะห์ร้ายอีกหลายรายที่ถูกหลอกใช้ด้วยความไม่รู้ เด็กที่ถูกจับตัวมาได้กลับสู่อ้อมกอดครอบครัวอีกครั้ง ทว่ายังมีเด็กอีกหลายคนที่ถูกทอดทิ้งจันฉายคือหนึ่งในนั้น
จันฉายคาดหวังให้พ่อหรือแม่ใครสักคนก็ได้มารับตัวเธอ แต่ก็ไร้วี่แววของทั้งคู่ทำให้เธอกับเด็กอีกสามคนที่ไม่มีผู้ปกครองมาแสดงตัวจึงต้องถูกส่งไปอยู่ศูนย์รับเลี้ยงเด็กกำพร้า
“หนูจะได้เรียนใช่ไหมคะ” เด็กหญิงเอ่ยถามเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานที่ทำหน้าที่รับผิดชอบด้วยความอยากรู้
“ใช่ค่ะ พวกหนูจะได้เรียนหนังสือเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ นะ”
“ดีจัง” จันฉายเผยรอยยิ้มสดใสออกมาอีกครั้ง แม้จะผ่านเรื่องราวร้ายๆ มามากแต่อย่างน้อยตอนนี้เธอก็ได้เรียนหนังสือ ไม่ต้องวิ่งส่งยาเหมือนที่เคยทำ
