บท
ตั้งค่า

ตอนที่1

เด็กหญิงวัยแปดขวบหน้าตาช้ำเขียว แต่งตัวซ่อมซ่อ เสื้อผ้าขาดรุ่ยใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบสีดำมอมแมม รองเท้าแตะที่สวมใส่สลับสีราวกับไม่ใช่คู่เดียวกัน เด็กตัวน้อยอาศัยอยู่ในหมู่บ้านสลัมที่เต็มไปด้วยกลุ่มคนขี้เหล้าเมายา เธอไร้ซึ่งพ่อแม่หรือญาติมิตร ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยอบายมุขและอันตรายช่างไม่เหมาะกับเด็กที่ควรมีอนาคตสดใส

"อีจัน! กูบอกให้มึงเอาของไปส่งลูกค้า" เสียงตะคอกของชายวัยกลางคนตะโกนเรียกเธอเสียงดังพร้อมกับเดินมาจิกทึ่งผมของเธออย่างแรง

"โอ้ย! หนูเจ็บจ้ะ"

"มึงคิดจะอู้งานหรือไง จะกินไหมข้าวน่ะ"

"กินจ้ะๆ จะไปเดี๋ยวนี้เลยจ้ะ" เด็กหญิงวัยแปดขวบนามว่าจันฉายรีบตอบรับด้วยท่าทีลนลาน

"ไปแล้วรีบกลับมาล่ะ อย่าเสือกไปคุยกับใครอีก"

"จ้ะๆ" จันฉายรับกล่องสี่เหลี่ยมขนาดเล็กมาเก็บใส่กระเป๋าผ้าใบเก่าของตนเองแล้วรีบออกจากบ้านที่ไม่ต่างจากแหล่งมั่วสุมในเขตซอยสลัม

จันฉายอาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่จำความได้ พ่อและแม่ของเธอแยกทางกันไปตั้งแต่เธออายุได้แค่ห้าขวบ เดิมทีเธออยู่กับผู้เป็นพ่อที่กินเหล้า สูบบุหรี่ทั้งวัน ผ่านไปได้ไม่นานพ่อของเธอบอกว่าจะไปทำงาน แต่ท่านไม่กลับมาอีกเลยทิ้งเธอให้อยู่บ้านเช่าในซอยสลัมคนเดียว จันฉายในตอนนั้นอายุแค่ห้าขวบต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้มีข้าวกิน เธอจึงเร่ร่อนไปขอข้าวกินข้าวเหลือๆ จากที่ร้าน บางวันก็ไปนั่งขอทานใต้สะพานลอย

กระทั่งวันหนึ่งเจ้าของห้องเช่าได้ขอห้องคืนเพราะพ่อของเธอค้างค่าเช่ามาสามเดือนและก็ไม่มีวี่แววว่าจะกลับมา เด็กหญิงทำได้แค่เก็บเสื้อผ้าที่มีน้อยนิดใส่กระเป๋าแล้วออกพเนจรไปอาศัยอยู่ตามบ้านร้างที่ถูกปล่อยทิ้ง ชีวิตของหนูน้อยที่ควรได้เรียนหนังสือ ได้เล่นกับเพื่อนกลับต้องทนอยู่เพื่อให้มีชีวิตไปวันๆ

ทว่าอยู่มาวันหนึ่งก็มีชายท่าทางใจดีพาเธอไปอยู่ด้วย แรกๆ จันฉายได้กินอาหารดีๆ ได้ใส่เสื้อผ้าสวยๅ แต่ไม่นานเขาก็เริ่มให้เธอทำงานนั่นคือการวิ่งส่งยาเสพติดให้ลูกค้าที่สั่ง เพราะเป็นเด็กจึงไม่มีเป็นสังเกตของตำรวจ จันฉายต้องทำงานแลกกับข้าวจึงไม่มีทางเลือก หากเธอไม่ทำก็จะโดนทุบตีและต้องอดข้าว เธออยากมีชีวิตหลุดพ้นจากที่แห่งนี้เลยต้องอดทนทุกอย่างที่อีกฝ่ายต้องการ

"อ๊ะ! หนังสือเรียนนี่นา" จันฉายหยุดชะงักเท้าเมื่อหันไปเจอหนังสือเรียนภาษาไทยถูกทิ้งไว้ที่ถังขยะ

"ยังดีอยู่เลยเจ้าของทิ้งแล้วเหรอ เสียดายจัง" เด็กที่ไม่มีโอกาสได้เรียนหยิบหนังสือขึ้นมาปัดๆ ถูๆ ให้ฝุ่นออกก่อนจะเปิดดูเนื้อหาด้านในที่เต็มไปด้วยบทเรียน

จันฉายมองซ้ายมองขวาแล้วตัดสินใจเก็บหนังสือใส่กระเป๋าผ้าของตนเองที่มีกล่องยาเสพติดอยู่ข้างใน เธอมองหนังสือสลับกับกล่องใบนั้นแล้วได้แต่ถอนหายใจ ถึงจะเป็นแค่เด็กแปดขวบเธอก็รู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่มันผิด แต่จะให้ทำอย่างไรได้ถ้าเธอไม่ทำแบบนี้เธอก็ต้องอดตาย

"รีบไปส่งแล้วกลับไปอ่านหนังสือดีกว่า" จันฉายไม่เคยได้เรียนเหมือนเด็กคนอื่นๆ เธอถูกสั่งห้ามไม่ให้ไปเรียนเพราะกลัวจะรู้หนังสือแล้วเอาเรื่องนี้ไปบอกตำรวจ ทว่าไม่มีใครรู้ว่าเธอสามารถอ่านออกและเขียนได้ด้วยการฝึกเรียนกับตนเอง

จันฉายนำกล่องที่ได้รับมาส่งให้ชายอีกคนที่ยืนรออยู่ใต้สะพายใหญ่ เมื่อส่งเสร็จเรียบร้อยจันฉายก็รีบวิ่งกลับบ้านสังกะสีเก่าๆ ซึ่งเป็นที่ซุกหัวนอนของเธอรวมถึงเด็กคนอื่นๆ ที่มีชะตากรรมไม่ต่างกับเธอ เมื่อถึงห้องจันฉายรีบเปิดอ่านหนังสือที่เก็บมาวันนี้

"อีจัน!"

“จ๊ะ?” เด็กหญิงรีบเก็บหนังสือซ่อนใต้หมอนใบเก่าขาดรุ่ยก่อนจะรีบขานรับเสียงที่ตะโกนเรียกจิกหัว

“ใครใช้ให้มึงมานอน งานวันนี้ยังไม่เสร็จมึงหนีมานอนได้ไง” ชายคนเดิมเข้ามากระชากแขนเล็กๆ ของเด็กหญิงตัวผอมกระหร่องให้ลุกขึ้น

“แต่หนูไปส่งตามที่ลุงบอกแล้วนี่จ๊ะ”

“มึงเถียงเหรอ เดี๋ยวกูตบคว่ำ” มือหนาหยาบโลนยกขึ้นจะฟาดใส่เด็กหญิงตัวเล็กวัยเพียงแค่แปดขวบ จันฉายรีบหลับตาปี๋ก้มหน้าเตรียมรับความเจ็บปวดเหมือนอย่างที่เคยโดน แต่ทว่าคนตรงหน้ากลับไม่ได้ฟาดมือลงมาเสียที

“ตบมึงไปก็เสียแรงเปล่า ออกไปส่งของให้กูได้แล้ว”

“จ้ะๆ” เด็กหญิงลนลานรีบหยิบกระเป๋าผ้าใบเดิมแล้ววิ่งออกจากบ้านสังกะสีใกล้ผุพังไป

จันฉายหอบกระเป๋าผ้าสีขาวที่ตอนนี้กลายเป็นสีดำจากการใช้งานเดินไปตามเส้นทางที่คุ้นชิน เด็กหญิงวัยแปดขวบกับสถานที่ที่ไร้ซึ่งอนาคตทำให้เธอไม่เคยรู้ว่าความฝันของตนเองคืออะไร แต่ถ้ามีทางเลือกเธอก็อยากหลุดพ้นจากที่แห่งนี้และอยากเรียนหนังสือเหมือนคนอื่นๆ

“ชุดนักเรียนสวยจัง อยากใส่บ้างจัง” เสียงหวานพึมพำเบาๆ เมื่อได้เดินผ่านเด็กนักเรียนคนหนึ่งเดินจับมือมากับผู้ปกครอง เด็กหญิงมองเด็กนักเรียนจนเหลียวหลังก่อนจะกลับามองสภาพของตนเอง

ชุดนักเรียนที่เธอไม่เคยมีโอกาสได้ใส่เพราะไม่เคยได้ไปโรงเรียน รองเท้านักเรียนสีดำที่อยากลองใส่สักครั้งแต่ก็ไม่มีโอกาสเสียที ทุกวันนี้มีเพียงเสื้อตัวโคร่งๆ ขาดวิ่นกับกางเกงวอร์มที่ใส่ซ้ำๆ อยู่เกือบทุกวัน

“รีบไปส่งให้เสร็จดีกว่าเรา” จันฉายส่งของให้ชายอีกคนที่ยืนรออยู่ตามจุดนัดพบ เธอรีบส่งกล่องที่อยู่ในกระเป๋าให้ชายตรงหน้าก่อนจะเดินกลับทางเดิม

เส้นทางขากลับต้องผ่านร้านค้า ร้านอาหารที่ขายเรียงรายจนเลือกซื้อไม่ถูก จันฉายทำได้แค่เดินผ่านไปด้วยความน้ำลายสอกับกลิ่นของอาหารหอมฉุยน่ากินไปหมดทุกอย่าง ทว่าเธอไม่มีเงินแม้แต่บาทเดียว

“หอมจัง” กลิ่นหอมๆ ทำให้หนูน้อยเผลอตามกลิ่นมาจนถึงหน้าร้านไก่ทอดที่ไม่ได้กินมาหลายปี

“เอาอะไรดีจ๊ะ” แม่ค้าเอ่ยถามเมื่อเห็นลูกค้าตัวน้อยยืนเกาะรถเข็นร้านของตน

“...ขอโทษค่ะ” จันฉายได้สติรู้ว่าตนเองเผลอมายืนบังหน้าร้านจึงรีบยกมือไหว้ขอโทษและรีบเดินออกจากร้านไป

“น่ากินจัง ถ้ามีเงินสักสิบบาทจะได้กินไหมนะ”

“นี่นังหนู! รอก่อนสิ” เสียงแม่ค้าร้านไก่ทอดตะโกนไล่หลังทำให้จันฉายสะดุ้งตกใจรีบหันไปยกมือไหว้ตัวสั่นๆ

“หนูไม่ได้ขโมยอะไรมานะจ๊ะ”

“ป้าไม่ได้บอกว่าขโมยสักหน่อย”

“อ้าว! แล้วเรียกหนูทำไมจ๊ะ”

“เห็นเอ็งไปยืนหน้าร้าน เอาไปสิป้าให้”

“...ไม่จ้ะ หนูไม่มีเงิน” เธอมองแม่ค้าสลับกับถุงไก่ทอดที่ถูกยื่นส่งมา

“ก็บอกว่าให้ไม่คิดเงินหรอกน่า เอาไปเถอะ” แม่ค้าหน้านิ่งแต่ใจดียัดไก่ทอดร้านตนเองใส่มือให้เด็กหญิงตัวผอมน่าเวทนา

“จริงเหรอจ๊ะ ขอบคุณนะจ๊ะป้า ขอบคุณจ้ะ” จันฉายรีบยกมือไหว้ขอบคุณป้าร้านไก่ทอดซ้ำๆ รอยยิ้มสวยเผยออกมาราวกับได้รับของที่มีค่าที่สุดในชีวิต

“เออๆ เอาไปกินซะ ถ้าหิวก็มาอีกได้”

“ขอบคุณจ้ะ แค่ครั้งเดียวก็พอแล้วจ้ะ” ไก่ทอดที่เด็กคนอื่นอาจจะได้กินจนเบื่อ แต่สำหรับเด็กแบบเธอที่ตั้งแต่เกิดมาได้กินยังไม่ถึงห้าครั้งในชีวิต

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel