ตอนที่ 3
ตอนที่ 3 บังคับเที่ยว
เช้าวันต่อมา
หลังจากที่เมื่อคืนภูผาเห็นนะโมวิ่งร้องไห้ออกมาจากคอนโด เขาเลยตัดสินใจโทรหาเพื่อนตัวเองเพื่อที่จะขอเบอร์โทรศัพท์ของชายหนุ่ม
/มีอะไรวะไอ้ภูโทรมาแต่เช้า/
เสียงงัวเงียปลายสายเอ่ยถามเพื่อนซี้ที่โทรไปกวนแต่เช้า
/กูขอเบอร์โทรนะโมหน่อย/
/ฮะ มึงว่าไงนะ/
จากที่สะลึมสะลืออยู่เมื่อได้ยินธุระของเพื่อน เฟมก็ดีดตัวลุกขึ้นนั่งทันที
/มึงหูหนวกเหรอ กูบอกว่าขอเบอร์โทรนะโมหน่อย/
/มึงจะเอาไปทำไม/
ฟังจากน้ำเสียง ดูเหมือนว่าเพื่อนจะไม่อยากให้เบอร์โทรน้องรหัสกับเขาสักเท่าไหร่
/กูมีธุระ/
/ไม่ใช่มึงคิดจะหลอกฟันน้องรหัสกูหรอกเหรอ/
น้ำเสียงจับผิดอย่างรู้ทัน ก็เพราะเฟมรู้ดีว่าภูผาเป็นคนยังไง รู้จักมาตั้งแต่ ม.ปลาย ยังไม่เคยเห็นภูผาคบใครจริงจังแม้แต่คนเดียว
/มึงเห็นกูเลวขนาดนั้นเลยหรือไง/
/เออ ก็เพราะกูเห็นเนี่ยแหละ/
/ไอ้เชี่ยเฟมพูดมากอยู่ได้ รีบ ๆ ส่งเบอร์โทรมาให้กูด้วย กูมีธุระจริง ๆ/
ภูผาวางสายไปด้วยอารมณ์หงุดหงิดเล็กน้อย จะว่าเพื่อนรู้ทันก็ไม่เชิง ตอนแรกที่รู้ว่านะโมเป็นน้องรหัสของเฟมเขาก็ตั้งใจว่าจะเข้าทางเพื่อนเพื่อให้ได้กินน้องมันเร็วขึ้น แต่ว่าพอเห็นนะโมร้องไห้แล้วความคิดนั้นก็แทบจะไม่อยู่ในหัวอีกเลย ในตอนนี้เขาแค่อยากจะโทรไปถามแล้วก็ปลอบใจนะโมเท่านั้นเอง
ติ๊ง! หลังจากวางสายได้ไม่นานก็มีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้น เมื่อภูผากดดูก็เห็นเป็นข้อความจากเพื่อนสนิทที่ส่งเบอร์โทรมาให้พร้อมคำกำชับ
/นี่เบอร์โทร มึงห้ามหลอกน้องรหัสกูเด็ดขาด/
เขากดปิดโทรศัพท์โยนลงบนที่นอนโดยที่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แล้วก็รีบอาบน้ำแต่งตัวทันที
นะโมค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมาในตอนเช้าเมื่อรู้สึกได้ถึงแสงสว่างภายในห้อง เขามองไปรอบ ๆ ห้องที่ดูโล่งขึ้นมากเนื่องจากเมื่อคืนได้เก็บของหลายอย่างทิ้งไป
ความว่างเปล่ารอบตัวเหมือนเป็นความว่างเปล่าที่เขาไม่สามารถเติมเต็มได้ คลื่นของความโศกเศร้ายังถาโถมเข้ามาเมื่อนึกถึงวันเวลาดี ๆ ที่เคยได้ใช้มันร่วมกับสกาย ราวกับว่าส่วนหนึ่งในชีวิตของเขาได้ขาดหายไป
นะโมลุกจากเตียงและเดินไปที่หน้าต่าง จ้องมองไปยังเบื้องล่างที่มีความวุ่นวายของเมืองหลวงอย่างเช่นทุกวัน ไม่รู้จะก้าวต่อไปยังไง ไม่รู้จะต้องเสียใจอีกนานแค่ไหน ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสน
ขณะที่นะโมยืนเหม่อลอยอยู่ในความคิด จู่ ๆ เสียงสมาร์ทโฟนส่วนตัวก็ดังขึ้น เมื่อเห็นเบอร์ปลายสายก็ยิ่งทำให้เขาต้องใช้ความคิดมากไปอีก เพราะไม่ใช่เบอร์คนรู้จักและไม่คุ้นเอาเสียเลย
/สวัสดีครับ นะโมพูดอยู่ครับ/
เสียงแหบพร่าเพราะนอนไม่เพียงพอ ก็เมื่อคืนเขานั่งร้องไห้จนเกือบเช้าถึงได้ผล็อยหลับไป
/ทำอะไรอยู่ รีบอาบน้ำ พี่รออยู่ข้างล่าง/
เมื่อคนปลายสายตอบกลับมายิ่งเพิ่มความสงสัยให้มากขึ้น ใครกัน พี่ไหน
/ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครครับ/
/ลงมาก็รู้เองแหละ เร็ว ๆ เข้า อย่าให้รอนาน/
แม้จะยังไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่โทรมา แต่นะโมก็รีบอาบน้ำแต่งตัวตามคำสั่ง ทั้งที่ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องทำ
ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งหยุดยืนอยู่หน้าคอนโดของตัวเอง พลางมองซ้ายมองขวาหาคนที่บอกว่ารออยู่ แล้วสายตาก็ไปหยุดอยู่ตรงผู้ชายร่างกำยำที่ดูคุ้นตากำลังโบกมือเรียกอยู่
“พี่ภู?”
นะโมเรียกชื่อคนที่ยืนรออยู่ด้วยน้ำเสียงเบา ๆ ที่ปนความสงสัยเอาไว้อยู่ข้างใน เขามาที่นี่ได้ยังไง แล้วมาทำไม
“ไปเที่ยวทะเลกัน”
ภูผาพูดขึ้นเมื่อนะโมมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขา
“ทะเล? พี่ภูมาชวนผมทำไมครับ”
นะโมขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัยที่มากขึ้นเป็นเท่าตัว นอกจากจะยังไม่รู้ว่าเขามาที่นี่ได้ยังไง จู่ ๆ ผู้ชายตรงหน้าก็มาชวนไปเที่ยวทะเลซะงั้น
“ไม่ต้องถามมากได้ป่ะ ชวนไปก็ไปเหอะ”
นัยน์ตาเฉี่ยวเฉมองไปทางอื่นเหมือนกำลังหลบสายตาของนะโมที่กำลังจ้องหน้าเขาอยู่
“ผมไปไม่ได้หรอก ต้องรีบทำงานส่งอาจารย์ให้เสร็จวันนี้”
เพราะยังมีงานค้างอยู่นะโมจึงปฏิเสธออกไปอย่างไม่ต้องคิดอะไร อีกอย่าง เขาก็ไม่ได้สนิทกับภูผาขนาดที่จะไปเที่ยวกันสองคนได้สักหน่อย
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง โทรไปบอกไอ้เฟมทำให้แล้ว ไม่มีปัญหาอะไรแล้วนะ ไปขึ้นรถ เดี๋ยวรถติดจะถึงช้า”
ยังไม่ทันที่จะได้อ้าปากท้วง คนตัวโตกว่าก็เดินมาจับข้อมือเขาแล้วพาขึ้นไปนั่งบนรถทันที
ระหว่างทางที่นั่งรถมาด้วยกัน มีแค่เสียงเพลงเบา ๆ ที่ทำให้บรรยากาศในรถไม่เงียบจนเกินไป นะโมเหลือบมองชายหนุ่มที่กำลังขับรถอยู่เป็นระยะ พอได้มองชัด ๆ แบบนี้ยิ่งทำให้หัวใจเขาเต้นแรงมากขึ้นไปอีก ดวงตาเฉี่ยวได้รูป จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหนาที่รับกับใบหน้าพอดี ทำไมเขาถึงได้หล่อขนาดนี้นะ
“พี่ภู ทำไมจู่ ๆ ถึงชวนผมมาเที่ยวด้วยล่ะ”
เมื่อทนความสงสัยไม่ไหวนะโมจึงเอ่ยปากถามขึ้น
“ไม่สบายใจอยู่ไม่ใช่เหรอ ไปทะเลเผื่อจะทำให้ดีขึ้นบ้างไง”
นะโมหันไปมองหน้าคนข้าง ๆ เมื่อได้ยินคำตอบ เป็นจังหวะเดียวกันที่ภูผาก็หันมาสบตาเข้ากับเขาพอดี ถึงแม้จะไม่รู้ว่าภูผารู้ได้อย่างไรว่าเขากำลังไม่สบายใจ แต่ถึงแม้จะเป็นคำพูดแค่เพียงประโยคสั้น ๆ ก็ทำให้นะโมรู้สึกอบอุ่นในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมารถเก๋งสีเทาควันบุหรี่ก็แล่นมาจอดที่ริมหาดหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
“ลงมาสิ ไปหาอะไรกินกันก่อน ยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้าไม่ใช่เหรอ”
ภูผาลงมายืนอยู่ประตูฝั่งคนนั่งพร้อมกับเอ่ยเรียกนะโมที่ยังนั่งอยู่ในรถมองดูท้องทะเลที่กว้างสุดลูกหูลูกตา
“เอ่อ ครับ”
นะโมลงมาจากรถอย่างว่าง่ายแล้วเดินตามเจ้าของแผ่นหลังกว้างเขาไปยังร้านอาหารแห่งหนึ่ง
“อยากกินอะไรสั่งเลยนะ เดี๋ยวเลี้ยงเอง”
เขาพูดออกมาโดยที่สายตาจ้องมองอยู่ที่เมนูอาหาร นะโมเองก็เลยหยิบเมนูขึ้นมาดูบ้าง
ไม่นานนักอาหารเมนูต่าง ๆ ที่เขาสองคนสั่งก็ทยอยเอามาเสิร์ฟ คนที่ไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้าเมื่อเห็นอาหารที่วางอยู่ตรงหน้าก็ทำเอาต้องกลืนน้ำลายลงคอด้วยความหิว
“รีบ ๆ กิน มัวแต่มองอยู่ได้”
อีกครั้งที่ภูผาพูดขึ้นมาโดยที่ไม่มองหน้านะโม แต่ตอนนี้ท้องเขากำลังร้องประท้วงเลยไม่มีเวลามาคอยดูว่าคนตรงหน้าจะสนใจเขาหรือเปล่า
เมื่อคนตัวเล็กเริ่มลงมือทานอาหารไปทีละอย่าง ภูผาก็เงยหน้าขึ้นมามองคนที่กำลังกินอย่างเอร็ดอร่อย ใบหน้าคมเผยยิ้มละมุนอย่างไม่รู้ตัว จนนะโมเงยหน้าขึ้นมาสบตา
“พี่ภูยิ้มอะไรครับ”
คำถามของนะโมทำเอาภูผาสะดุ้ง เมื่อเขาพึ่งรู้สึกตัวว่าเผลอมองคนตรงหน้านานเกินไป
“เปล่า รีบ ๆ กินเถอะ เดี๋ยวไปเล่นน้ำกัน”
“เล่นน้ำ? แต่ผมไม่ได้เอาชุดมาเปลี่ยนเลยนะพี่”
“เออน่า เดี๋ยวซื้อให้ใหม่ พรุ่งนี้ก็วันเสาร์ ค้างที่นี่สักสองคืนวันอาทิตย์ค่อยกลับ ตกลงตามนี้นะ รีบ ๆ กิน”
พูดเองแล้วสรุปเองเรียบร้อยโดยที่อีกฝ่ายไม่มีโอกาสโต้แย้ง
////////
