บทที่ 7 คนที่อยากเจอ
-มหาวิทยาลัย-
“วันนี้อาจารย์ยกคลาส ไปโยนโบลิ่งกันมั้ย”
“เป็นความคิดที่ดี ฉันกำลังเบื่อๆ เซ็งๆ อยากหาอะไรทำ”
“ไก่ทอดร้านที่เราไปกินวันนั้นอร่อยมาก อยากกินอีกจัง”
“บราวนี่กับบิงซูโคตรอร่อย ราดนมข้นฉ่ำๆ แสงออกปาก!”
พอได้ยินเรื่องของกินถึงกับหูผึ่ง เดมี่กระพริบตาปริบๆ อย่างให้ความสนใจ นั่งเอียงคอฟังบทสนทนาของเพื่อนทั้งสองที่กำลังพูดคุยกัน
“แล้วแกล่ะมี่ จะไปด้วยกันไปมั้ย”
“…..” หญิงสาวตัวอ้วนแก้มป่องทำสีหน้าครุ่นคิดพลางหันมองซ้ายขวา วันนี้เธอเลิกเรียนเร็วกว่าปกติ จึงไม่มีคนของบุรินทร์คอยยืนเฝ้าเหมือนทุกวัน
“คงไม่เป็นอะไรหรอกน่า ไปแค่แป๊บเดียวเอง ตอนนี้ทางสะดวก” เทียนหอมออกความเห็น
“ปะ…ไปก็ได้”
“ขากลับเดี๋ยวฉันแวะไปส่งที่บ้านแกเอง พี่ชายแกคงไม่ว่าอะไร”
“…..”
…
-ห้างสรรพสินค้า-
“เป็นอะไรเดมี่ ทำอย่างกับไม่เคยเห็น” เชอรีนหันไปกอดแขนเพื่อนสาวไว้แน่น หลังจากเห็นท่าทางตื่นตาตื่นใจของเดมี่
ชีวิตในแต่ละวัน วนเวียนอยู่ที่บ้านกับมหาลัย ไม่เคยได้ไปเที่ยวเล่นที่ไหนเหมือนคนอื่น เสมือนเป็นนกน้อยในกรงทองที่บุรินทร์เลี้ยงไว้
“อันนั้นเขาเรียกว่าอะไร” เพราะได้กลิ่นหอมของมัน เลยทำให้เธอเผลอกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่
“เขาเรียกว่าข้าวเหนียวกับหมูปิ้ง”
“…..” เดมี่มองด้วยตาเป็นประกาย ยกมือลูบพุงน้อยๆ อย่างหิวโหย
“เคยกินมั้ย”
“ไม่เคย”
“แล้วอยากกินไหม”
เดมี่พยักหน้าตอบรับ ก่อนจะหยิบบัตรเครดิตการ์ดยื่นให้เพื่อนสาว “อยากกินแต่ไม่มีเงินติดตัวเลย มี่มีแต่บัตรเครดิตของเฮียเฟยซื้อได้ไหม”
“แกเป็นบ้าหรือไง จะเอาบัตรเครดิตไปซื้อหมูปิ้งยี่สิบบาทเนี่ยนะ”
“…..” พอเดมี่ได้ยินแบบนั้นถึงกลับเหงาหงอย สีหน้าเศร้าลงจนเพื่อนอดสงสารไม่ได้
“งั้นยืนรอตรงนี้ เดี๋ยวฉันกับเชอลีนไปซื้อมาให้”
“เดี๋ยวมี่จะขอเงินเฮียมาใช้คืนให้นะ”
“แค่ไม่กี่บาท ไม่ต้องคืนหรอก”
“ขอบใจนะ”
“อยากกินอะไรอีกบอกมาได้เลย เดี๋ยวพวกฉันเลี้ยงเอง”
“อยากกินไก่ทอดกับพิซซ่าด้วย”
“กินหมดหรือไงยัยหมูตอน”
เดมี่ถอนหายใจลากยาว ก้มมองไอศกรีมที่อยู่ในมือ เดือนนี้น้ำหนักขึ้นมาตั้งสามกิโล แต่ถ้าจะให้เลิกกินของอร่อยคงทำไม่ได้จริงๆ “เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยลดน้ำหนักแล้วกัน”
…
-หลังเลิกเรียน-
ตึก…ตัก…เสียงฝีเท้าของคนหมู่มากดังขึ้นอย่างรีบร้อน ดวงตานับสิบวาดสายตามองหาบางสิ่งบางอย่างไปจนทั่วบริเวณแต่กลับไร้วี่แวว
“หาทั่วหรือยัง” ครามหอบหายใจทางปากหนักๆ พลางก้มมองนาฬิกาข้อมือ ถ้าอีกยี่สิบนาทียังพาเดมี่กลับไม่ถึงบ้านได้เป็นเรื่องแน่
เดมี่ไม่มีโทรศัพท์หรือเครื่องติดต่อสื่อสารใดๆ เลยทำให้การตามหายากขึ้นไปอีก
“ไม่เจอเลยลูกพี่”
“มึงแน่ใจนะว่าหาจนทั่วหมดแล้ว”
“พวกผมหาทุกซอกทุกมุมแล้วแต่ไม่เจอ”
“หายไปไหนวะ”
“ซวยแล้วลูกพี่ คะ…คุณเดมี่ไปแล้ว” ลูกน้องอีกคนวิ่งเข้ามารายงานด้วยท่าทางเหนื่อยหอบไม่แพ้กัน
“พูดบ้าอะไรของมึง คุณเดมี่จะหายไปไหน”
“วันนี้อาจารย์ยกคลาส คุณเดมี่ไม่มีตารางเรียน”
“ฉิบหาย! นายน้อยเอาพวกเราตายแน่” เพียงแค่คิดก็ขนหัวลุก สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นกังวลจนเห็นได้ชัด
“เอาไงดีลูกพี่ ผมยังไม่อยากตายตอนนี้นะ”
“กูก็ไม่อยากตาย! มัวแต่ยืนโง่อยู่ทำไม รีบไปตามหาคุณเดมี่ให้เจอ ไม่งั้นมึงกับกูได้ตายจริงๆ แน่”
“…..”
…
เอี๊ยด…รถมินิคูเปอร์คันกระทัดรัดเคลื่อนตัวมาจอดที่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ในช่วงเวลาสองทุ่มของวัน
“นั่นบ้านหรือวัง ทำไมมันใหญ่ขนาดนี้” เทียนหอมเกาะประตูรั้วบ้านพลางสอดส่องสายตามองเข้าไปยังด้านใน คฤหาสน์สไตล์โมเดิร์นหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่แทบชานเมือง อลังการงานสร้างเคยเห็นแต่ในทีวี เพิ่งจะได้มาเห็นของจริงก็วันนี้
“เข้าไปข้างในบ้านด้วยกันไหม เดี๋ยวมี่เอาน้ำกับขนมให้กิน” เดมี่บอกอย่างไม่ทุกข์ร้อนมากนัก เฮียเฟยใจดี คงไม่มีปัญหาอะไร
“วันนี้ดึกแล้วเกรงใจ เอาไว้วันหลังแล้วกันนะ”
“โอเค แล้วเจอกัน”
เดมี่หอบหิ้วของกินพะรุงพะรังเต็มสองมือ สีหน้าตอนนี้ดูมีความสุขมากหลังจากที่ได้ออกไปเปิดหูเปิดตาตั้งแต่ย้ายกลับมาอยู่ไทย
“กลับมาแล้วค่ะ” หญิงสาวส่งเสียงเจื้อยแจ้ว แต่บรรยากาศภายในบ้านกลับดูเงียบกว่าทุกวัน “วันนี้มี่ไปเดินห้างมา ซื้อขนมมาฝากพี่ครามด้วย”
“คุณเดมี่” ครามเดินออกมาต้อนรับพร้อมใบหน้าสะบักสะบอม ตามเนื้อตัวมีแต่รอยฟกช้ำ ซ้ำที่มุมปากยังมีบาดแผลเลือดไหลซึม “ทีหลังห้ามทำแบบนี้อีกนะครับ”
ครามพูดเสียงแผ่ว เขาทำงานผิดพลาด ได้มีชีวิตรอดกลับมาไม่โดนบุรินทร์ยิงทิ้งเหมือนหมาก็ดีแค่ไหนแล้ว
“พี่ครามไปทำอะไรมา มันเกิดอะไรขึ้น!”
“ไม่มีอะไรครับ”
“ใครทำอะไรพี่ บอกมี่มานะ” เดมี่ถามด้วยความตกใจ รีบยกมือขึ้นประคองใบหน้าของครามไว้แน่น เธอรักครามเสมือนพี่ชายอีกคน เพราะมีแค่ครามที่อยู่เคียงข้างและช่วยเหลือดูแล “หน้าเป็นแผลหมดแล้ว เดี๋ยวมี่ทำแผลให้นะ”
“อย่าดีกว่าครับ อย่าเข้ามาใกล้ผมขนาดนั้น ถ้านายมาเห็นเดี๋ยวจะเป็นเรื่องเอา”
“งั้นบอกมี่ได้ไหม ว่าใครทำให้พี่เป็นแบบนี้”
“…..”
“เฮียเฟยทำเหรอ ที่พี่เป็นแบบนี้เพราะมี่ใช่ไหม”
“ผมผิดเองที่ดูแลคุณมี่ไม่ดี”
“งั้นบอกหน่อยได้ไหมว่าเฮียเฟยอยู่ไหน มี่จะไปคุยกับเฮียเอง”
“…..”
“ฉันอยู่ตรงนี้ มีอะไรก็พูดมาสิ”
ร่างของหญิงสาวหยุดนิ่งชะงักราวกับถูกแช่แข็ง เมื่อหันกลับเผชิญหน้ากับชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ที่เพิ่งเดินเข้ามา
ผิวกายของเขาซีดเผือดจนเห็นเส้นเลือดปูดโปนขึ้นตามท่อนแขนไปจนถึงลำคอ ดวงตาไร้ความรู้สึกราวกับหุ่นยนต์ไม่มีชีวิตหรือจิตใจ
เดมี่แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง มองคนตรงหน้าด้วยความสงสัย เฮียเฟยที่แสนใจดี มาตอนนี้กลับดูตรงกันข้ามไปหมดทุกอย่าง
“ฮะ…เฮียเฟยเหรอคะ” เดมี่ถามเสียงสั่น เนื้อตัวสั่นเทา ค่อยๆ ขยับถอยหลังหนีเมื่อผู้ชายคนนี้เดินเข้ามาใกล้
หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวจนแทบจะหลุดออกจากอกหลังจากได้กลิ่นคาวเลือดที่ลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ
“เจอกันสักทีสินะ”
