ตอนที่3 คนดังประจำเกาะ
เนื่องจากบนเกาะเริ่มต้นเต็มไปด้วยผู้เล่นใหม่ที่มีจำนวนมากขึ้นทุกวัน เหล่าผู้เล่นจากกิลด์ต่างๆจึงเดินทางมายังเกาะเริ่มต้นเพื่อเชิญชวนผู้เล่นใหม่ให้เข้าสังกัดกิลด์ของตัวเอง การต่อสู้เล็กๆเมื่อสักครู่ของฟูเหลากับผู้เล่นทั้งสามคน จึงอยู่ในการเฝ้าสังเกตการณ์ของกิลด์ทั่วโซลเวิลด์และผู้เล่นคนอื่นๆด้วย
ซึ่งผู้เล่นมือดีคนหนึ่งสามารถถ่ายคลิปการต่อสู้เอาไว้ได้และทำการอัพคลิปลงช่องสนทนาในเกม การต่อสู้ของฟูเหลาจึงถูกเผยแพร่และเป็นที่น่าจับตามองต่อผู้เล่นในหลายๆกิลด์เป็นอย่างมาก เพราะน้อยคนนักที่จะมีความบ้าไม่กลัวตาย แม้ภายในเกมการตายจะสามารถเกิดใหม่ได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม แต่ก็ไม่มีใครชอบความเจ็บปวดก่อนตายที่ผู้เล่นจะรู้สึกได้จริงๆอย่างแน่นอน
“เขาน่าสนใจไม่ใช่น้อย ยังไงจับตามองเขาไว้ให้ดีละ..” อสูรมารร้ายหนึ่งในผู้นำกิลด์มารสยบฟ้าพูดสั่งการลูกน้อง
“เขาน่าจะพึ่งเข้ามาในโซลเวิลด์สดๆร้อนๆ..ดูสิ ใช้มีดสนิมระดับ 1 ใจกล้าไม่เบาแฮะ”
ผู้เล่นชายข้างๆอสูรมารร้ายพูดขึ้นด้วยท่าทีสนใจ
“ผู้เล่นแบบนี้อันตรายมาก เสียดายที่เขาเป็นเผ่ามนุษย์ การใช้เขาในสงครามกิลด์คงไม่ค่อยเกิดประโยชน์สักเท่าไหร่ อีกอย่างในสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ เผ่ามนุษย์ไม่ทำสงครามแย่งชิงทวีปมานานมากแล้วด้วย ใครที่เล่นเผ่ามนุษย์ตอนนี้ยังไงก็เสียเปรียบ นายว่าเขาจะไปรวมกับกิลด์มนุษย์เทพยุทธ์รึเปล่าอสูรสีเขียว?” อสูรมารร้ายกล่าวถามขึ้น
“นั่นสินะ..ยังไงตอนนี้ฉันก็บอกอะไรไม่ได้ทั้งนั้น ให้คนจับตามองไว้น่าจะดีกว่า กิลด์มนุษย์เทพยุทธ์หายไปจากโลกโซลเวิร์ด 10 ปีได้แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นมันก็แค่สามเดือนเกือบๆสี่เดือนในโลกแห่งความจริง พวกเขาอาจกำลังวางแผนอะไรกันอยู่ก็ได้..”
อสูรสีเขียวพูดตอบ
ด้านนอกเมืองเริ่มต้นตรงไปทางทิศตะวันออก ฟูเหลากำลังพยายามเดินทางตามแผนที่เพื่อฝึกฝนและเก็บระดับที่ป่าหินอ่อน ชายหนุ่มพยายามควงมีดระดับ 2 ที่ได้มาจากการต่อสู้เมื่อสักครู่ ให้ชินมือ ก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงหน้าป่าที่ดูมีความเป็นเอกลักษณ์แบบประหลาดๆ
“นี่คือป่าหินอ่อนสินะ..” ฟูเหลาพูดในขณะที่ดูแผนที่จากหน้าต่างระบบ ซึ่งเป็นแผนที่เริ่มต้นใช้ได้เฉพาะเกาะนี้เท่านั้นถ้าออกไปภายนอกเกาะเริ่มต้นจำเป็นจะต้องซื้อแผนที่ของพื้นที่นั้นๆใหม่
ป่าหินอ่อนเป็นป่าที่ทางระบบจงใจสร้างให้พื้นดินมีสภาพเป็นเสมือนหินอ่อนสีขาวที่มีลายเป็นสีเทาปนดำ ลอยของหินอ่อนบนพื้นมีความสมดุลมากเพราะระบบต้องการสร้างให้ป่าแห่งนี้มีสภาพที่เข้ากับตัวเมืองเริ่มต้นที่มีความเป็นกรีซ สัตว์อสูรที่อยู่ในป่านี้ส่วนใหญ่จะเป็นประเภทโกเล็มหินหรือสัตว์อสูรที่มีรูปร่างและรูปทรงที่ทำมาจากหิน
บึม บึม !!
เสียงการประทะระหว่างผู้เล่นและสัตว์อสูรดังขึ้นใกล้ๆ บริเวณป่าหินอ่อนเป็นที่ที่เหมาะแก่การฝึกฝนเป็นอย่างมาก เนื่องจากสัตว์อสูรในพื้นที่นี้มีระดับที่ต่ำแต่มีพลังชีวิตสูงและพลังโจมตีที่ค่อนข้างน้อย จึงเหมาะแก่การฝึกทักษะต่างๆเพื่อเตรียมความพร้อม สถานที่แห่งนี้จึงเป็นแหล่งดึงดูดผู้เล่นใหม่ชั้นดีนั่นเอง
“อาวุธพวกนั้นมันแปลกๆแฮะมีสายฟ้าออกมาจากใบดาบด้วย..” ฟูเหลามองไปยังผู้เล่นชายคนหนึ่งที่กระโจนเข้าใส่โกเล็มหินอ่อนระดับ 3 โดยใช้ดาบประหลาดที่มีไฟฟ้าล้อมใบดาบอยู่ ชิ้งๆ ชิ้งๆ!! ผู้เล่นตรงหน้าเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนฟูเหลามองตามกระบวนดาบแทบไม่ทัน
“เทพคันศรช่วยหน่อย!!”
ผู้เล่นชายใช้ดาบฟันโกเล็มหนึ่งที ก่อนจะเบี่ยงตัวตีลังกาถอยออกมาแล้วให้สัญญาณเพื่อนที่เตรียมง้างธนูอยู่ด้านหลัง ลูกธนูถูกปล่อยออกจากคันศรและทันทีที่ลูกธนูสัมผัสกับโกเล็มหินอ่อนมันก็ระเบิดเป็นสายฟ้าออกมา ซึ่ม!! โกเล็มที่โดนลูกธนูสายฟ้านี้ถึงกับยืนนิ่งเพราะติดสถานะอัมพาต
“นั่นน่าจะเป็นอาวุธประดิษฐ์สินะ..”
ฟูเหลาสันนิษฐานเบาๆ แต่จู่ๆก็มีเสียงผู้เล่นชายพูดแทรกขึ้นมา
“ใช่แล้ว..นั่นเรียกว่าอาวุธประดิษฐ์ระดับ 2 ”
ผู้เล่นชายที่ยืนอยู่ใกล้ๆเดินเข้ามาหาฟูเหลา
“ฉันชื่อ โอเกอร์ นายชื่ออะไรเพื่อนใหม่?” ชายหนุ่มพูดถามอย่างเป็นมมิตรพร้อมกับยื่นมือเข้ามาจับกับฟูเหลา
“ฉัน ฟูเหลา..ยินดีที่ได้รู้จัก”
ชายหนุ่มยิ้มตอบ และยื่นมือไปจับกับผู้เล่นชายตรงหน้าตามมารยาท
“นายเป็นผู้เล่นใหม่สินะ?”
“ใช่..พึ่งเข้าเกมส์มาได้สักชั่วโมงหนึ่งเอง”
“ว่าแต่หน้าตานายคุ้นๆแฮะ..เหมือนฉันเคยเห็นนายที่ไหนมาก่อนเลย..”
โอเกอร์พูดขึ้นพร้อมกับเดินสำรวจรอบๆตัวฟูเหลา ชายหนุ่มที่ถือดาบสายฟ้าเดินเข้ามา หลังจากจัดการโกเล็มหินอ่อนได้ และเมื่อเห็นหน้าฟูเหลาก็ต้องทำหน้าประหลาดใจเล็กน้อย
“อ่ะ!! นั่นนายคนที่อยู่ในคลิปใช่รึเปล่า?”
เมื่อได้ฟังเพื่อนพูด โอเกอร์ใช้กำปั้นทุบฝ่ามือตัวเองเบาๆ เพราะในที่สุดเขาก็จำได้ว่าชายตรงหน้าของเขาคือพ่อหนุ่มไฟแรงที่ไม่กลัวตายวิ่งปะทะผู้เล่นสามคนที่มีระดับมากกว่าในคลิปที่ลงเมื่อสักชั่วโมงที่ผ่านมานั่นเอง
“เออจริงด้วย!!นายเป็นคนที่อยู่ในคลิปที่เขาลงเมื่อชั่วโมงที่แล้วนี่หว่า..!”
โอเกอร์พูดด้วยน้ำเสียงตกใจเล็กน้อย
“ห้ะ!! คลิปอะไร ?”
ฟูเหลาทำหน้างงๆ เพราะตัวเองมัวแต่ก้มดูแผนที่ จึงไม่ได้เปิดช่องข่าวสารดู
“คลิปที่นายต่อสู้กับผู้เล่นเผ่าหมาป่า 3 คนไง..”
ผู้เล่นชายอีกคนที่เป็นคนยิงธนูเดินเข้ามาสมทบ พร้อมกับเปิดคลิปจากช่องสนทนาให้ฟูเหลาดู ชายหนุ่มทำหน้าแหยๆทันทีเพราะตอนนี้เขาไม่ต้องการเป็นจุดสนใจคนอื่น
“นายไม่รู้เลยสินะว่าตอนนี้นายโดนหลายกิลด์เล็งจองตัวกันเป็นแถวแล้ว..”
โอเกอร์พูดยิ้มๆ
“แค่ต่อสู้เมื่อกี้เนี่ยนะ?”
ฟูเหลายังคงงงกับเหตุการณ์อยู่
“นายเป็นเผ่ามนุษย์ที่ชนะเผ่ามนุษย์หมาป่าที่มีระดับสูงกว่าตัวเอง เรื่องแบบนี้ไม่เกิดขึ้นบ่อยๆหรอก กิลด์ไหนเห็นเด็กใหม่มีฝีมือ กล้า บ้าบิน เขาก็อยากได้ทั้งนั้นแหละ...” โอเกอร์พูดอธิบาย
“ยังไงก็ยินดีที่ได้รู้จักนะฉันชื่อ เทพอัสนี ส่วนหมอนี่ชื่อ เทพคันศรพวกเราสองคนก็เป็นผู้เล่นใหม่เหมือนกัน”
ชายผู้ถือดาบสายฟ้าเก็บดาบลงกระเป๋ามิติก่อนจะยื่นมือออกมาจับกับฟูเหลา
“พวกนายเองก็เองเล่นเผ่ามนุษย์หนิ?”
“พวกเราชอบร่างกายดั้งเดิมมากกว่า อีกอย่างเราก็คิดแบบนายนั่นแหละฟูเหลา... มันไม่ได้อยู่ที่เผ่าพันธุ์มันอยู่ที่ฝีมือผู้เล่น”
โอเกอร์พูดพร้อมกับขยิบตา
“เออว่าแต่..อาวุธพวกนั้นบนเกาะเริ่มต้นไม่น่าจะมีใช่ไหม พวกนายไปเอากันมาจากไหนพอบอกได้รึเปล่า?”
ชายหนุ่มถามขึ้นด้วยความอยากรู้ เพราะตัวของเขาเองก็ต้องการอาวุธดีๆมาใช้บ้างเหมือนกัน แม้ฟูเหลาจะอยากเล่นเป็นอาชีพพ่อค้า แต่ในเกมก็พูดได้ไม่เต็มปากแน่นอนว่าจะไม่เกิดการต่อสู้ขึ้น อีกอย่างเขารู้ตัวเองดีว่าเขาเป็นพวกชอบหาเรื่องใส่ตัว การมีอาวุธดีๆสักชิ้นมาครอบครองย่อมอุ่นใจมากกว่าอยู่แล้ว
“หมอนี่เป็นคนสร้างให้พวกเรา..เพราะดันได้อาชีพยากๆอย่างนักประดิษฐ์มาครอบครอง ฮ่าๆ”
เทพอัสนีใช้กำปั้นแตะไหล่โอเกอร์เบาๆ
“แต่อย่างเสียงดังไปล่ะ นักประดิษฐ์เป็นที่ต้องการตัวมาก เดี๋ยวเขาจะถูกตามล่าจากกิลด์ใหญ่ๆซ่ะก่อน...”
เทพคันศรพูดหยอกขึ้นบ้าง
“งั้นที่พวกนายมาใช้อาวุธประดิษฐ์แถวนี้ คนอื่นเห็นจะไม่เป็นเรื่องเอาหรอ?”
ฟูเหลาถามขึ้น
“ไม่ต้องเป็นห่วง…”
โอเกอร์เดินไปยังต้นไม้ใกล้ๆ เขาก้มลงหยิบก้อนเหล็กสีดำที่กำลังเรืองแสงสีขาวอ่อนๆออกมา ก่อนจะใช้แรงหัวแม่มือบีบไปที่ก้อนเหล็กนั้นหนึ่งที พรึ่บ!!
“นี่เป็นอุปกรณ์บังตาที่ฉันสร้างขึ้น..พอเปิดใช้งานจะสามารถสร้างภาพลวงตาได้..ฉันใช้มันเพื่อไม่ให้คนที่เก็บระดับแถวนี้มองพวกฉันเห็น จะมีก็แต่นายเนี่ยแหละที่เดินดุ่มๆๆเข้ามาหาพวกฉัน ฮ่าๆ”
‘งี้เองสินะพวกเขาถึงเดินเข้ามาคุยกับเราเพราะเราเข้ามาในเขตของพวกเขา’ ฟูเหลาคิดในใจก่อนจะเกาศีรษะแก้เขินไปหนึ่งที
“นายระดับเท่าไหร่แล้วหรอโอเกอร์ ? ”
ฟูเหลาพูดถามขึ้นอีกครั้งด้วยความอยากรู้
“รู้ไหมจริงๆแล้วผู้เล่นจะไม่ถามชื่อ..หรือระดับของผู้เล่นกันหรอกนะ ทุกคนต้องมีความสามารถในการหาข้อมูลเบื้องต้นพวกนั้นได้เอง โดยนายจะต้องหาจากทักษะสายตรวจจับหรือหาจากอุปกรณ์ที่อ่านสถานะได้..”
เด็กหนุ่มตอบด้วยเสียงเป็นกันเอง ก่อนจะหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋ามิติแล้วส่งให้ฟูเหลา
“เอานี่ใส่ที่ตาข้างไหนก็ได้ มันคล้ายๆกับคอนแทคเลนส์ ฉันสร้างมันขึ้นมาโดยมีส่วนผสมของน้ำตาภูติป่า มันจะทำให้นายเห็นระดับของผู้เล่นและสัตว์อสูรที่ระดับต่ำกว่านายและระดับสูงกว่านายไม่เกิน 10 ระดับ”
ฟูเหลารับกล่องบรรจุเลนส์ที่โอเกอร์ยื่นให้ แต่ด้วยความเกรงใจฟูเหลาจึงคิดจะปฎิเสธไอเทมชิ้นนี้
“ฉันรับไว้ไม่ได้หรอก..น่าอายนะที่ต้องพูดแบบนี้..เราพึ่งเจอกันฉันยังไม่ค่อยไว้ใจใครซะด้วยนายเอาคืนไปเหอะ..”
ชายหนุ่มพูดตรงๆก่อนจะยื่นกล่องบรรจุเลนส์คืนโอเกอร์ โอเกอร์ยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
“ไม่ต้องเคร่งขนาดนั้นหรอกเพื่อน..ถ้านายไม่เชื่อใจพวกเรานายก็ไม่ต้องใส่ก็ได้ แต่ของที่ฉันให้แล้วฉันไม่รับคืนหรอก..”
ฟูเหลาทำท่าทางลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจใส่เลนส์พิเศษนี้ที่ดวงตาข้างขวา
---------------------------------------------------------------------------------
-เลนส์ประดิษฐ์
*สามารถทำให้ผู้สวมใส่มองเห็นค่าสถานะต่างๆของผู้เล่นอื่นหรือสัตว์อสูรได้
---------------------------------------------------------------------------------
เมื่ออ่านข้อมูลจบฟูเหลาก็มองไปยังชายตรงหน้าทั้งสาม
“เทพอัสนีกับเทพคันศรระดับ 10 แต่มองไม่เห็นระดับของโอเกอร์...”
ฟูเหลาพูด
“แน่นอนเพื่อน...ฉันระดับ 50 แล้ว นายไม่สามารถมองผู้เล่นคนไหนที่ระดับต่างกับนาย 10 ระดับได้ จำไว้ล่ะ..แล้วก็อย่าเที่ยวไปบอกว่ามีผู้เล่นเผ่ามนุษย์ ระดับ 50 อยู่ในโซลเวิลด์ล่ะ เดี๋ยวฉันจะโดนเรียกพบเอา ฮ่าๆ”
โอเกอร์หัวเราะเสียงดังโดยที่เทพอัศนีและเทพคันศรได้แต่ทำหน้าเจื่อนๆกับความโม้ของเพื่อนตัวเอง
