Chapter 2 สายตาคู่นั้น
“พี่ต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่พวกเพื่อนพี่มันปากหมา” หนุ่มลูกครึ่งตาสีฟ้า ผมสีทองรีบเดินมุ่งหน้ามายังสองสาว ด้วยแววตาอันสดใสคู่เก่า ที่ทำให้หญิงสาวผมสีดำสนิทอึดอัดได้เสมอ
“แหมๆ ออกนอกหน้าขนาดนี้ เพื่อนแซมมี่จะบริหารเสน่ห์หน่อยก็ไม่ได้” น้องสาวตัวดี ผู้รู้ทราบว่าเพื่อนไม่ได้มีใจให้พี่ชายของตนแต่อย่างใดนั้น รีบว่าดักทาง จนคนอารมณ์ดีมาเสมออย่างหนุ่มลูกครึ่ง ต้องส่ายหน้าอย่างไม่ได้ถือสา
“น้องเบลล์เขาไม่เหมือนเราซะหน่อย ที่จะชอบบริหารเสน่ห์ไปทั่ว จริงมั้ยครับ?” คนแก้เก้อด้วยการยกน้ำเปล่าขึ้นจิบ ระบายยิ้มออกมาเล็กน้อย ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธแบบที่ชอบวางตัวมาเสมอ
ประสบการณ์เกี่ยวกับความสัมพันธ์หลายต่อหลายครั้ง ทำให้เธอเลือกที่จะยัง...ไม่เริ่มต้นเปิดใจ
อยากจะปล่อยให้ตัวเองทำอะไรที่อยากจะทำมากมาย แต่ยังไม่ได้ทำให้ครบถ้วนจะดีกว่า
ความรักมันยาก...นั่นคือสิ่งที่เธอสรุปให้ตัวเองมาตลอด ไม่ว่าจะพยายามเริ่มต้นใหม่กี่ครั้ง มันก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้แตกต่าง
มันจบแบบเดิม
ราวกับเป็นสิ่งที่โชคชะตาได้กำหนดเอาไว้...แล้วที่ให้มานั่งอยู่ตรงนี้ กับสบตาคู่นั้นวินาทีที่แล้วล่ะ ใครเป็นคนกำหนด!
ใช่...เธอยังไม่กล้าหันไปทางไหน เพราะยังรู้สึกใจสั่นไม่หาย จากการสบตากับเขาเมื่อครู่
‘เขา’ คนที่เธอตั้งใจจะวิ่งหนีออกมาตั้งไกล ด้วยความไวแสนมัค!
“เหม่ออะไรอีกแล้ว ยังเวียนหัวไม่หายเหรอ เพลงต่อไปจะมาแล้วนะ” แซมมี่รีบสะกิดเพื่อนยิกๆ ซึ่งคนที่สนุกต่อไม่ไหวแล้วเลือกที่จะปฏิเสธ
วูบไหวหนึ่งของห้วงความคิด ก็อยากจะหันกลับไปมองเขาอีกสักครั้งให้แน่ใจ แน่ใจว่าใช่จริงหรือเปล่า...
มีหรือที่จะไม่ใช่ เธอจดจำรายละเอียดของเขาได้ทุกกระเบียดนิ้ว
ต่อให้วิ่งออกมาได้ไกลแค่ไหน แต่ก็เหมือนว่า เขาได้ตามติดมาและไม่เคยได้หลุดออกไปในขณะที่วิ่ง
เขายังนั่งอ่านข่าว จิบกาแฟอยู่ในใจของเธอ เหมือนทุกเมื่อเชื่อวันที่เธอเคยได้เห็น ผู้ชายที่ชีวิตเขาสบายอยู่แล้ว...จนเหมือนจะไม่เคยเดือดร้อนกับทุกความเป็นไปของความสัมพันธ์
เธอไม่เคยอยากรู้...ว่าเขาจะรู้สึกยังไง กับการจากมาของเธอ
เขาไม่มีความรู้สึกไง เขาไม่เคยรู้สึกหรอก...
บรรยากาศงานเลี้ยงดำเนินไปจนจะถึงช่วงท้าย ใครต่อใครก็พากันออกไปโยกกายตามเสียงดนตรี ยกเว้นคนที่เลือกจะหยิบ I-pad ขึ้นมาแปลภาษาฆ่าเวลา เพราะเพื่อนรักของให้อยู่จนจบงานไปพร้อมกัน
แซมมี่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุด ตั้งแต่คนเพื่อนน้อยอย่างบุษบาเคยมีมา
เธอมีความจริงใจ ชีวิตไม่ต้องคิดอะไร ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ที่สำคัญ...มีความใส่ใจ จนทั้งคู่สามารถคุยกันได้ทุกเรื่อง แม้จะคบกันมาได้ไม่ถึงปี
แต่ทุกเรื่องที่ว่านั้น...มีเรื่องหนึ่ง ที่เธอก็ไม่เคยจะปริปากเล่า บอกแต่เพียงว่าตัวเองนั้นเจ็บหนัก และได้เลือกเดินออกมาจากความสัมพันธ์หนึ่งด้วยตัวเอง
ความสัมพันธ์ที่ยังไม่ถึงขั้นเป็นแฟนและไม่เคยที่จะปริปากให้ใครรู้ เพราะเธอเองก็ยังไม่แน่ใจ...และเขาเองก็ด้วย
ช่างมันเถอะน่า! เลิกคิดได้แล้ว…เลิกคิด
พลันวินาทีที่พยายามจะหยุดความคิดของตัวเองลงนั้น สายตาดำขลับของดวงตารูปอัลมอนด์ ก็ได้สบเข้ากับดวงตาสีน้ำตาลอ่อน ที่เหมือนจดจ้องเธออยู่ก่อนแล้ว...
คนตัวสูง 190 เซนติเมตร นั่งหลังตรงโดดเด่นอยู่ที่โต๊ะตรงข้าม เขาย้ายมานั่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เธอเองก็ไม่ทราบ แต่ก็รีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่น
“อ้าว หนูเบลล์ ไม่ไปเต้นกับเขาล่ะลูก ไม่สนุกแล้วเหรอ?” น้ำเสียงของมาดามดวงใจ ลันซ์ฟอร์ด ดูประหลาดใจที่เห็นคนร่าเริงและชอบเสียงเพลงอย่างเพื่อนบุตรสาว มานั่งเขี่ย I-pad อยู่แบบนี้
“คือว่าเบลล์ปวดขาน่ะค่ะ สงสัยเมื่อกี้เต้นแรงไปหน่อยน่ะค่ะคุณแม่”
“น่าเสียดายจัง ปกติ งานไม่จบไม่มีเลิกนี่” พูดไปหัวเราะไป เหมือนมาเดินดูแขกอย่างใส่ใจ ตามประสาบ้านที่ชอบต้อนรับผู้มาเยือนอย่างดีมาเสมอ
“อ้าวพอล! ยังไม่กลับเหรอคะ ปกติยูจะต้องรีบกลับไปแล้วนี่ วันนี้สนุกเหรอคะ” แล้วก็รีบหันไปยังโต๊ะกันข้ามที่ไม่ได้ไกลสักเท่าไหร่ ด้วยสำเนียงภาษาอังกฤษปร๋อ
เธอได้ยินเขาตอบกลับมาเล็กน้อยเป็นภาษาอังกฤษเช่นกัน แต่ได้ยินไม่ค่อยถนัดเพราะเสียงไม่ได้ดังมาก ประกอบกับเสียงหัวเราะร่วนของดวงใจและเสียงดนตรีจากหน้าเวที
Aom: ทำไมไม่ออกไปเต้นยั่วๆ บดๆ ไปเลยฮะ ให้เขาเสียดายแกเล่นน่ะ!
ทันทีที่เธอส่งข้อความไปเล่าให้เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวฟัง ที่รู้เรื่องราวที่ผ่านมาระหว่างเธอกับเขามาโดยตลอด รายนั้นก็เพิ่งจะตอบกลับมา
Bell: แกก็รู้ว่าฉันไม่ชอบการประชดประชัน
Aom: นี่ไง เพราะไม่ชอบนี่ไงถึงชวด พวกผู้ชายนิสัยก็เหมือนหมา มันหวงก้างหมดล่ะ ทำเพื่อความสะใจน่ะเป็นมั้ย!
Bell: เพื่อ? ฉันออกมาตั้งไกลแล้ว ทำไมฉันจะต้องไปทำเหมือนเขามีผลต่อหัวใจฉันอยู่ด้วย
Aom: จ้า! พูดแล้วก็ทำให้ได้ด้วยนะยะ ไอ้ที่บอกว่าออกมาตั้งไกลน่ะ!
หญิงสาวเลือกที่จะถอนหายใจ อ่านและไม่ตอบ หันมองไปยังหน้าเวที ที่ผู้คนยังคงพากันสนุกสนาน...
เสียงเพลงที่เคยชักพาให้ชวนโยก เหมือนเพลงทื่อๆ ไร้ทำนองขึ้นมาเสียอย่างนั้น
‘เบ๊บ...มาเต้นด้วยกันเร็ว’ ภาพตัวเองวาดลวดลายอยู่หน้าโซฟาตัวนุ่ม ที่มีร่างสูงใหญ่นั่งอยู่...อมยิ้มมองเธอดื่มไวน์ และโยกย้ายร่างกายไปในทำนองเพลงที่ขอเปิด
คนรักความสนุกอย่างเธอ ชอบสนุกกับคนสนิทหรือคนเดียวก็ได้ และเขาก็สนับสนุนอย่างนั้น...
‘ไอชอบดูเวลายูเต้น...ยูดูเซ็กซี่’
‘เพราะอย่างนี้ไง ไอถึงไม่ชอบไปเต้นให้คนเขาดู ไอไม่อยากเซ็กซี่’ แต่ก็ยังมิวายยักย้าย ทุกส่วนสัดของร่างกายในสภาพนุ่งน้อยห่มน้อย
แววตาเปล่งแสงได้ของเขา ทอประกายมองเรือนร่างของเธอด้วยความมันวาบ ก่อนดึงให้เธอไปกองบนตักตัวเองและประทับรสจูบอันดูดดื่มเนิ่นนาน
‘ไอชอบให้ยูเซ็กซี่ เวลาอยู่กับไอเท่านั้น’ สุ้มเสียงนั้นนำพาให้เธอรีบสะบัดศีรษะไปหนึ่งที และหันมองไปโดยรอบงานเพื่อตัดความฟุ้งซ่าน
แต่ต้นเหตุของความฟุ้งซ่าน กลับมองเธออยู่พอดี
แววตาสีน้ำตาลอ่อนที่ดูเหมือนจะสงบนิ่ง ฉายความพูดบางอย่างวาบขึ้นมา เพียงชั่วครู่เท่านั้น...ก่อนจะสงบดังเดิม
เขา..มานั่งตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
เธอทำเป็นมองผ่านเขาไป ไม่ได้หันกลับหรือหลบในทันที พยายามทำตัวให้ปกติ...ข่มความรู้สึกที่ตีตื้นกันขึ้นมาแบบฉับพลัน จนน้ำตาแทบจะปรี่
“เฮ้อ! เหนื่อยสุดๆ แต่มันโคตรๆ เสียดายยูน่าจะออกไปด้วยกัน” แซมมี่วิ่งกลับมายังโต๊ะในสภาพเหนื่อยหอบ มองเพื่อนสาวที่กำลังถือ I-pad ด้วยสภาพใจลอยนิดๆ แต่ไม่คิดที่จะไปละลาบละล้วง
“ยูไปสนุกเถอะ ไอเริ่มง่วงๆ ละ”
“ไฮ! พอล! มานั่งด้วยกันมั้ยคะ? นั่งคนเดียวน่าจะเหงาแย่” สาวลูกครึ่งมะกัน หันไปเห็นคนที่นั่งอยู่โต๊ะถัดไปคนเดียว รีบโบกไม้โบกมือเรียกในทำนองภาษาอังกฤษจ๋า
จนคนที่รู้ดีอยู่แล้ว ว่าเพื่อนคุยกับใคร ไม่ยอมหันไปมองตาม
“ขอบคุณครับ” เขาตอบกลับเป็นภาษาไทยด้วยรอยยิ้มนิ่งๆ ตามแบบฉบับ ก่อนลุกขึ้นและเดินมายังโต๊ะสองสาวจริงๆ
บุษบาเกร็งตัวขึ้น อยากจะขยับลุกออกไปเพราะไม่อยากจะเผชิญหน้า แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ทันเสียแล้ว...
“ยัยเบลล์ นี่คุณพอล...พอลนี่ยัยเบลล์เพื่อนไอเอง รู้จักกันไว้สิคะ” คนทำอะไรไม่ได้ค่อยๆ เหลือบมองคนที่มานั่งตรงข้ามบนโต๊ะเดียวกัน
สองสายตาประสานกันชั่วครู่ เธออึดอัด แต่เขากลับนิ่งเฉย เหมือนคนที่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อนใดๆ
ไม่รู้ว่าเขาเก็บความรู้สึกได้ หรือเห็นว่าเธอเป็นคนอื่นไปแล้วจริงๆ แตกต่างจากแววตาก่อนหน้าเลยนะ!
“สวัสดีครับ” เขาเอ่ยทักทายเป็นภาษาไทยเสียงแปร่ง แต่ดูชัดขึ้นกว่าเมื่อก่อน แววตาที่จดจ้องมาที่ใบหน้าของเธอแบบไม่ได้มีแววที่จะหลบซ่อน
“สวัสดีค่ะ” น้ำเสียงเบาหวิวถูกเปล่งออกไป พร้อมยกมือไหว้อย่างเสียไม่ได้ เขารับไหว้ด้วยทีท่าที่มั่นคงกว่า
คนที่ไม่ได้รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของคนทั้งคู่ ยิ้มแย้มสดใส ชวนคนที่ตัวเองชวนมานั่งด้วยอย่างออกรส ซึ่งเขาก็ตอบกลับด้วยทีท่าเป็นธรรมชาติ สบายๆ ไม่ได้ดูอึดอัดเหมือนเช่นคนที่นั่งตรงกันข้ามสักเท่าไหร่
“เป็นยังไงบ้างคะคุณพอล ช่วงนี้ได้ไปเที่ยวที่ไหนมาบ้าง เห็นว่าออกเดินทางบ่อยเลยช่วงนี้” ประโยคของเพื่อนสาว ทำเอาคนบางคนหลังตั้งตรงเกร็งขึ้น
‘เบ๊บ...ยูอยากจะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง เลือกหน่อย’ พอล จอร์แดน รักการออกเดินทางและวางแผนว่าจะไปเที่ยวกับเธอหลายๆ ที่
แต่คนที่ไม่ชอบเที่ยวอย่างเธอ กลับไม่เคยจะเลือกสถานที่เที่ยวไหนได้เลย
“ก็หลายที่ครับ ไปเรื่อยๆ อีกสองเดือนว่าจะไปนอร์เวย์” คำว่า ‘นอร์เวย์’ ทำเอาหญิงสาวถึงกลับต้องเหลือบสายตาขึ้น
สบเข้ากับแววตาสีน้ำตาลอ่อนที่มองมาพอดีและเบือนหันไปอีกทาง แบบเหมือนเป็นจังหวะธรรมชาติ ที่ไม่ได้ฉายความผิดปกติแต่อย่างใด
‘ไออยากไปนอร์เวย์ ยูอยากไปด้วยกันมั้ย’
‘จริงหรอ อยากไป! ไอไม่เคยไปมาก่อนเลย...นอร์เวย์คือ เป็นประเทศที่ไอใฝ่ฝัน!’ น้ำเสียงตื่นเต้นของตัวเองในวันนั้น ยังคงก้องดังอยู่
“แล้วจะเดินทางคนเดียวอีกรึเปล่าคะนี่ ไม่เหงาแย่หรอ?” น้ำเสียงอ่อนอ้อนตามนิสัยของแซมมี่ ว่าไปในทางเสียดาย และเหลือบมามองยังเพื่อนสาว
ที่เคยบอกว่าอยากจะไปนอร์เวย์สักครั้ง เท่าที่เธอจำได้
คงไม่เหงาหรอก...คงจะชวนใครต่อใครไปได้เยอะแยะมั้ง
บุษบาไม่รู้ตัวเลยว่า ตัวเองเผลอทำหน้ามุ่ยออกมา...เหลือบสายตาขึ้นมาอีกที ก็พบว่าคนทั้งคู่กำลังมองมาที่ตัวเองอยู่
มองแบบไม่ได้นัดหมาย
มองด้วยแววตาแตกต่างกันไป
“ทีแรกก็มีคนบอกว่าอยากจะไปด้วย แต่ตอนนี้เขาคงไม่อยากไปแล้ว” ประโยคของเขานั้น พูดออกมาในขณะที่จ้องใบหน้าของเธออยู่อย่างนั้น
แซมมี่แววตาทอประกายขึ้นทันที เมื่อได้ยินอย่างนั้น
“ใครไม่อยากไปก็ไม่เป็นไรนะคะ นี่เลยค่ะ...เพื่อนแซมมี่อยากไปมากค่ะ เป็นความใฝ่ฝันของหล่อนมาตลอดเลย ลองชวนไปด้วยดูสิคะ” บุษบาแทบจะตีเข้าไปที่แขนเพื่อน ที่ยุยงส่งเสริมไม่ใช่เรื่อง
“จริงเหรอครับ” คำพูดนิ่งๆ ถูกส่งมายังหญิงสาว
เธอกลืนน้ำลายลงคอเล็กน้อย แววตาไหวหวั่นวูบขึ้นจนเหมือนมีอะไรตีตื้นขึ้นมาจุกที่ลำคอ
“จริงสิคะ ปกติเบลล์เขาไม่ค่อยชอบเที่ยวเท่าไหร่เลยค่ะ แต่บอกว่าประเทศเดียวที่อยากไปคือนอร์เวย์ พูดอะไรบ้างสิยัยเบลล์...โอกาสดีๆ ที่จะได้มีเพื่อนไปเที่ยวแบบนี้ ไม่ได้มีมาบ่อยๆ นะ” บุษบาส่ายหน้าให้เชิงปราม ไม่ยอมปริปากที่จะพูดคุยอะไรกับเขา
“ดูท่าคุณเบ๊บ...” เขาชะงักเหมือนทำเป็นว่าตัวเองออกเสียงผิด
“เบ๊บ...เบน?” แซมมี่ขำคิกขึ้นมา
“เบลล์ค่ะ ไม่ใช่เบนหรือเบ๊บ...เรียกเบ๊บก็น่าเขินแย่เลยนะคะ” แววตาสีน้ำตาลอ่อนเผยรอยยิ้มออกมา จนบุษบาต้องหน้าตึงขึ้น
‘ชื่อยูเรียกยาก ไอเรียกเบ๊บนี่แหละ ไม่อยากจะเรียกอย่างอื่น’ เธอรู้สิ ว่าเขาน่าจะกำลังตั้งใจแกล้งเธออยู่
“คุณ...เบ...เบ๊บ” หนุ่มใหญ่ทำเป็นฝึกพูด แต่ก็พูดไม่ได้ จนแซมมี่หัวเราะชอบอกชอบใจ เกิดเสียงดังจนหนุ่มๆ ที่พากันเดินกลับจากหน้าเวที ต้องแวะพูดคุยด้วย
