บท
ตั้งค่า

ลุงใหญ่ ป้าสะใภ้

"อื้อ มันก็จริง ยิ่งปีนี้ผลผลิตน้อยเพราะฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล ทำให้ทุกคนวิตกกังวลกันมาก แต่อีกแค่ไม่กี่วันก็เสร็จแล้ว ว่าแต่ข้าวของของลูกกับหลาน ๆ มีแค่นี้เหรอลูก ยังต้องกลับไปเอาอีกไหม?"

แม่หลิวมองลูกสาวด้วยความเป็นห่วง เพราะเห็นว่าลี่จูมีของติดตัวมาแค่ไม่กี่ชิ้น

"ฉันฝากไว้บ้านสหายแล้วค่ะแม่ เดี๋ยวพวกเค้าจะเอามาให้เอง"

"แล้วรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างนั่นล่ะลูก เป็นของใคร?"

"เรื่องนั้น...."

เมื่อแม่หลิวเห็นสีหน้าของลูกสาวที่ดูเลิ่กลั่กในยามที่นางถามถึงเรื่องรถ นางจึงรีบออกตัวเพื่อไม่ให้ลูกต้องอึดอัดใจ

"ไม่เป็นไรลูก ถ้ายังไม่พร้อมจะบอกแม่ตอนนี้ก็ไม่เป็นไร"

"แม่คะ อีกไม่นานพี่มู่เฉินจะตามมา พอถึงตอนนั้นค่อยบอกทุกคนว่าพี่มู่เฉินเป็นคนซื้อรถคันนี้ก็ได้ถ้ามีใครถาม ระหว่างนี้ฉันจะไม่เอาออกไปขับให้ใครเห็น แม่ช่วยฉันเก็บเป็นความลับได้ไหมคะ?"

"ได้อยู่แล้วลูก ว่าแต่ลูกเขยส่งข่าวมาแล้วใช่ไหมว่าจะกลับมา"

"ถึงเวลาที่พี่มู่เฉินต้องกลับมาแล้วค่ะ"

"เป็นแบบนั้นก็ดี รอให้ลูกเขยกลับมาถึงเราจะได้รู้ว่าจะต้องทำยังไงกันต่อ"

ลี่จูพยักหน้ารับก่อนที่แม่หลิวจะพาลูกสาวเดินกลับออกไปสมทบกับทุกคน ในขณะเดียวกัน ต้าเป่ากับต่าต๋าที่อยู่กับพ่อหลิวและลู่อี้ก็พูดคุยไม่หยุด มีคำถามมากมายที่ต่าต๋าถามออกมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น

"ตาจ๋า ถ้าหนูกินเยอะ ๆ ตาจะเลี้ยงหนูไหวรึเปล่า? อยู่ที่บ้านย่าพวกเราอยากกินอะไรก็ไม่ได้กิน ต้องรอให้ทุกคนกินเสร็จก่อนถึงจะได้กินของที่เหลือ"

พ่อหลิวได้ฟังคำพูดที่ไร้เดียงสาของหลานชายก็รู้สึกปวดใจ มือหยาบที่ผ่านการทำงานมาอย่างเชี่ยวกรำลูบลงที่หัวทุยของหลานชายเบา ๆ

"ไม่ว่าจะกินเก่งแค่ไหนตาก็เลี้ยงได้ ต่อให้มีเพิ่มมาอีกตาก็ยังเลี้ยงได้อยู่ดี อย่างน้อยไก่ในเล้าของเราก็ออกไข่ทุกวัน"

เด็กชายตัวน้อยกอดผู้เป็นตาแน่นจนแทบจะไม่ปล่อย ต่างจากพี่ชายที่ยังไม่ชินกับการเข้าใกล้คนอื่นสักเท่าไหร่ เพราะบ้านจ้าวมีเพียงไม่กี่คนที่พูดคุยกับเขาดี ๆ ต่อให้ลุงรองกับปู่จะแอบพูดคุยกับเขาอยู่เรื่อย ๆ แต่ก็ถูกผู้เป็นย่าด่ากราดไม่ไว้หน้าใคร

"ตาจ๋า ตาใจดีที่สุด หนูรักตามากเลยจ้ะ!"

"หลานลุงช่างเจรจานัก เดี๋ยวลุงจะทำของเล่นให้หลาน ๆ ดีไหม? ต่าต๋ากับต้าเป่าอยากได้อะไรบอกลุงได้เลยนะ"

ลู่อี้เห็นอาการหวาดระแวงเวลามีคนเข้าใกล้ของหลานชายคนโตอย่างต้าเป่า เขาก็พยายามหาวิธีเข้าใกล้หลาน ๆ โดยที่ไม่ให้ทั้งสองคนตกใจเกินไป ยังดีที่ต่าต๋าเป็นเด็กช่างเจรจา จึงทำให้ต้าเป่าที่ตามดูแลน้องไม่ห่างพลอยได้พูดคุยตอบกลับลุงกับตาไปด้วย

"จริงเหรอจ๊ะ ลุงจ๋า! หนูอยากได้แมลงปอไม้ไผ่จ้ะ หนูเคยเห็นเด็กในหมู่บ้านเล่น ลุงทำให้พี่ชายด้วยนะจ๊ะ หนูกับพี่ต้าเป่าจะได้เล่นด้วยกัน"

ต่าต๋าพูดเสียงใสพลางเอียงคอมองลุงใหญ่อย่างน่าเอ็นดู ลู่อี้ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมา พร้อมกับรีบรับปากหลานชายทันที

"ได้เลย เดี๋ยวลุงจัดการให้!"

บรรยากาศในบ้านหลิวอบอุ่นไปด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม แม้ลี่จูจะยังคงกังวลเรื่องอนาคต แต่รอยยิ้มของลูก ๆ ก็ทำให้เธอมีแรงฮึดสู้ หลังจากนี้คงได้แต่วางแผนเตรียมสร้างงานสร้างอาชีพ อีกไม่นานฤดูหนาวกำลังจะมาเยือน เธอคงทำอะไรไม่ได้อีกพักใหญ่ แต่ก็ถือว่าเป็นการพักฟื้นร่างกายไปในตัว

วันนี้บ้านหลิวเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของกับข้าวที่หลีถิงสะใภ้ของบ้านลงมือทำอย่างขะมักเขม้น แม้บ้านหลิวจะไม่ได้ใหญ่โต แต่ทุกอย่างในครัวดูเรียบร้อยเป็นระเบียบ ในช่วงที่อาหารขาดแคลน แต่หลีถิงก็ได้นำเสบียงอาหารที่มีออกมาทำให้น้องสามีกินอย่างไม่คิดเสียดาย

กลิ่นน้ำแกงหน่อไม้ตากแห้งที่เดือดอยู่ในหม้อผสมกับกลิ่นข้าวสุก ยังมีไข่ต้ม 3 ฟองและหมูแฮมหั่นชิ้นผัดใส่ผักดองหั่นฝอย ทำให้สองแฝดที่นั่งเล่นอยู่กับตากับยายถึงกับน้ำลายสอ

"ฮ่า ฮ่า ฮ่า หลานตาน้ำลายไหลเหรอเนี่ย?"

คุณตาเห็นมุมปากเล็ก ๆ มีน้ำสีใสไหลย้อยออกมาก็หัวเราะด้วยความเอ็นดู

"แหะ แหะ หนูหิวจ้ะตาจ๋า"

ต่าต๋าเอ่ยพร้อมกับดึงแขนตาเขย่าเบา ๆ ดวงตาใสแจ๋วของเจ้าหนูเปล่งประกายทำให้พ่อหลิวหัวเราะเบา ๆ พลางลูบหัวหลานชายคนเล็ก

"รอเดี๋ยวนะต่าต๋า กับข้าวใกล้เสร็จแล้ว ว่าแต่ต้าเป่าหิวรึยังลูก?"

"ผมยังไม่หิวครับ เมื่อเช้าแม่หาอะไรให้เรากินรองท้องบ้างแล้ว แต่..ต่าต๋ากินเก่งก็เลยหิวเร็วครับตา"

พ่อหลิวมองดูหลานชายคนโตที่พูดจาฉะฉานเหมือนผู้ใหญ่ ทำให้ท่านได้รู้ว่าหลานทั้งสองมีนิสัยที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัด

"ไม่เป็นไร จากนี้ไปอยู่บ้านเราแล้ว หิวก็กินให้อิ่มท้องนะลูก"

"ขอบคุณครับตา"

ผู้เป็นตาไม่คิดลังเลเลยแม้แต่น้อยหากหลาน ๆ จะกินเก่ง ทั้งที่สภาพอาการค่อนข้างแห้งแล้ง เสบียงอาหารก็มีน้อยจนขาดแคลน แต่ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ ท่านก็ไม่กลัวที่จะเลี้ยงดูอุ้มชูทายาทสกุลหลิวให้เติบใหญ่

ไม่นานหลีถิงก็ยกถ้วยกับข้าวหลายอย่างมาวางบนโต๊ะกลางบ้าน ทั้งแกงจืดหน่อไม้ ไข่ต้ม และขาหมูแฮมผัดใส่ผักดอง

"หู้วว น่ากินจังเลยจ้ะป้าจ๋า"

ต่าต๋าตาโตด้วยความตื่นเต้น เขารีบปีนขึ้นนั่งที่โต๊ะไม้ตัวเก่า จนต้าเป่าผู้เป็นพี่ชายยิ้มน้อย ๆ แล้วช่วยจัดที่นั่งให้น้องชายอย่างใจเย็น แต่ก่อนที่ต่าต๋าจะหยิบช้อนขึ้นมา ลี่จูก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

"ต่าต๋าอย่ากินเยอะนะลูก เมื่อเช้าลูกรองท้องไปบ้างแล้ว ถ้ากินอีกตอนนี้แม่กลัวว่าลูกจะปวดท้อง"

เจ้าหนูตัวน้อยชะงักไปครู่หนึ่ง เขาหันไปมองหน้าตากับยายด้วยสายตาอ้อนวอน ใบหน้ากลม ๆ ของเขาแสดงออกถึงความไม่ยอมแพ้เมื่อเห็นอาหารตรงหน้า

"ตาจ๋า ยายจ๋าช่วยหนูด้วย"

พ่อหลิวหัวเราะในลำคอแล้วหยิบตะเกียบคีบเนื้อหมูคำโตใส่ถ้วยข้าวของหลานชาย ตามด้วยไข่ต้มอีกคนละ 1 ฟอง

"เอาน่าลี่จู อย่าดุหลานพ่อเลยนะ เอ้า ต่าต๋า ต้าเป่า กินเยอะ ๆ นะลูก แต่ถ้าปวดท้องต้องบอกตานะ"

"ตาจ๋าใจดีที่สุดเลยจ้ะ"

"ขอบคุณครับคุณตา"

ต่าต๋ายิ้มหวานจนตาหยี ก่อนจะเริ่มกินเนื้อหมูแฮมคำโตอย่างเอร็ดอร่อย ต้าเป่านั่งอยู่ข้าง ๆ ก็เริ่มพูดคุยกับตายายและลุงป้ามากขึ้น

"ต่าต๋าน้องกินช้า ๆ นะ เดี๋ยวจะสำลักข้าว"

ต้าเป่าพูดพร้อมกับยื่นผ้าขาวให้ต่าต๋าเช็ดปาก

"ขอบคุณจ๊ะพี่ต้าเป่า พี่ก็กินเยอะ ๆ นะ เดี๋ยวหนูแบ่งเนื้อหมูให้"

ต่าต๋าพูดพลางคีบเนื้อหมูในถ้วยข้าวของตัวเองไปให้พี่ชาย

"ขอบใจน้องมากต่าต๋า"

"หืย ของอาหร่อยเราต้องแบ่งกันกิน ป้าสะใภ้ทำกับข้าวอร่อยแบบนี้อีกหน่อยหนูคงอ้วนเป็นหมู ฮะ ฮะ ฮะ"

ทุกคนหัวเราะเบา ๆ กับความน่ารักของเจ้าหนู ส่วนหลีถิงที่นั่งมองอยู่ก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล สายตาของเธออ่อนโยนในยามที่มองเด็กน้อยทั้งทั้งสอง ซึ่งลู่อี้เองก็จับมือภรรยาเป็นระยะเพื่อให้กำลังใจ เพราะเขารู้ว่าภรรยาอยากมีลูกมากแต่ก็ไม่ตั้งท้องสักที

"หลาน ๆ น่ารักแบบนี้ ป้าก็ยอมทำกับข้าวให้กินทุกวันเลย"

"หู้ว ป้าสะใภ้ทั้งสวย ทั้งทำกับข้าวอร่อย แถมยังใจดีด้วย แบบนี้หนูรักตายเลย"

คนตัวเล็กที่สุดในบ้านทำเป็นเอียงอายพร้อมกับชมป้าสะใภ้ยกใหญ่ ทำเอาคนฟังพลอยยิ้มหน้าบานไปด้วย

"เจ้าเด็กคนนี้ อีกเดี๋ยวคงได้รับความรักจากป้าสะใภ้มากกว่าลุงซะแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า ช่างจ้อจริง ๆ"

ลู่อี้ได้ฟังก็หัวเราะเสียงดังลั่น ก่อนที่แม่หลิวจะบอกให้ทุกคนรีบทำเวลาเพราะต้องไปทำงานต่อ

"รีบกินข้าวเถอะลูก อีกเดี๋ยวต้องออกไปทำงานแล้ว ลี่จูก็กินเยอะ ๆ หน่อยนะลูก"

"แม่ไม่อยู่กับน้องเล็กก่อนเหรอครับ"

ลู่อี้เอ่ยถามมารดาด้วยความสงสัย จึงทำให้ทุกคนในบ้านรอฟังคำตอบไปด้วย

"ฉันอยู่ได้พี่ใหญ่ อีกไม่กี่วันก็หมดวันทำงานแล้ว ฉันกลัวเจ้าหน้าที่เค้าจะว่าเอา อีกอย่างวันนี้ก็จะมีคนเอาของมาส่งให้ฉันด้วย ฉันไม่มีเวลาว่างให้คิดมากหรอกจ้ะ พี่ใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วง"

ผู้เป็นพี่มองน้องสาวที่พูดจาฉะฉานชัดถ้อยชัดคำ ก่อนจะตอบกลับไปว่า...

"น้องไม่คิดมากพี่ก็วางใจ แต่น้องรู้ไหมว่าลี่จูตอนนี้กับลี่จูเมื่อ 5 ปีก่อนต่างกันมาก แต่มันก็เป็นเรื่องดีที่น้องเข้มแข็งและเป็นผู้ใหญ่ขึ้น เห็นน้องยิ้มได้พี่ก็หายห่วงแล้ว"

"ก็ฉันโตแล้วนี่คะพี่ ถ้าฉันอ่อนแอแล้วจะปกป้องเด็ก ๆ ได้ยังไง"

"พอผ่านอะไรมามากมาย คนเรามันจะเติบโตขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน แม่เชื่อว่าต่อไปนี้ครอบครัวของเราต้องดีขึ้นแน่นอน"

"ผมก็คิดเหมือนแม่ครับ"

"พี่หลีถิง ฉันเกรงใจพี่มากที่ต้องมาอยู่ที่นี่ ฉันจะหาเสบียงอาหารมาเพิ่มให้นะคะ สิ่งไหนต้องซื้อต้องจ่าย พี่ก็บอกฉันได้เลย"

ลี่จูใช้โอกาสนี้พูดกับพี่สะใภ้เพื่อความสบายใจ ยังไงครอบครัวพี่ชายก็เป็นกำลังหลักของบ้านนี้ เมื่อหลีถิงได้ยินเธอก็รีบส่ายหน้าแล้วจับมือของลี่จูไว้

"ไม่ต้องพูดแบบนั้นลี่จู พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน พี่ไม่คิดเล็กคิดน้อยหรอก"

"ขอบคุณมากนะคะพี่สะใภ้"

เมื่อฟ้าเริ่มสาง ลู่อี้ก็รีบเดินออกมาเตรียมตัวไปทำงาน เขาเอารถซาเล้งของน้องสาวเข้าไปเก็บในโรงเก็บฟืนหลังบ้านและหาผ้ามาคลุมไว้อย่างดี

"ลี่จู น้องไม่ต้องห่วงนะ รถของน้องอยู่ในนี้ปลอดภัยแน่นอน"

"ขอบคุณค่ะพี่ใหญ่"

ก่อนจะออกไปทำงานในไร่ พ่อหลิวก็รีบเดินมาหาต่าต๋ากับต้าเป่าที่กำลังง่วนกับการเก็บฟืนเล็ก ๆ ใต้ต้นมะขามข้างบ้าน

"ต่าต๋า ต้าเป่าเอ๊ย ตากับยายไปทำงานก่อนนะลูก อยู่บ้านก็ช่วยกันดูแลแม่ของหลานดี ๆ นะ"

"จ้ะตาจ๋า รีบกลับมานะจ๊ะ หนูจะรอตาอยู่ที่บ้าน"

"คุณตาไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะดูแลแม่กับน้องให้ดีครับ"

หลังจากตายายกับหลาน ๆ ฟัดแก้มกันไปชุดใหญ่ พ่อหลิว แม่หลิว ลู่อี้กับภรรยาก็รีบมุ่งหน้าไปที่คอมมูนทันที ทั้งที่ฟ้ายังไม่สางเลยด้วยซ้ำ ส่วนลี่จูก็รับอาสาล้างถ้วยล้างจานดูแลบ้านต่อ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel