บท
ตั้งค่า

บ้านจ้าว

จ้าวมู่เฉินและซ่งอี้เหรินมาถึงเมืองเหอเฟย เมืองหลวงของมณฑลอานฮุยในช่วงเวลาประมาณเก้าโมงเช้า ท้องฟ้าโปร่ง ลมเย็นพัดพากลิ่นความแห้งแล้งโชยมาปะทะใบหน้า มู่เฉินหันมองรอบตัวให้เต็มตาอีกครั้งหลังจากไม่ได้กลับมาที่นี่นานกว่า 5 ปี

ก่อนที่ทั้งคู่เดินไปขึ้นรถโดยสารไปลงที่หน้าปากทางเข้าหมู่บ้าน ถนนสายเล็กที่ทอดยาวสู่หมู่บ้านหลูโจวเงียบสงบ สองข้างทางเต็มไปด้วยทุ่งนาที่แห้งแล้ง

"ไม่ได้กลับมาตั้งนาน อีกสองกิโลเอง เดินไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็ถึงแล้ว"

ซ่งอี้เหรินพูดพลางเหลียวมองไปยังหมู่บ้านที่อยู่ไกลลิบ มู่เฉินพยักหน้ารับ สีหน้าของเขาดูผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อยหลังจากนั่งรถมานาน เขาสะพายกระเป๋าใบเล็กที่มีของใช้เพียงไม่กี่อย่าง ก่อนจะเดินตามสหายไปเงียบ ๆ

เมื่อถึงหมู่บ้านหลูโจว พื้นถนนดินแดงถูกแต่งแต้มด้วยรอยเท้าและล้อรถเข็นที่ทิ้งไว้จากการเก็บเกี่ยว บ้านเรือนในหมู่บ้านนี้สร้างจากไม้และอิฐเก่า ๆ แต่ดูอบอุ่น ชาวบ้านในคอมมูนกำลังช่วยกันเก็บเกี่ยวผลผลิตซึ่งมองเห็นได้ในระยะไกล

พอซ่งอี้เหรินเดินมาถึงบ้านของเขา ก็พบว่ามีเพียงปู่กับย่าที่ชรามากแล้วอยู่ที่บ้าน ส่วนคนอื่น ๆ ก็ออกไปทำงานที่คอมมูนเหมือนเช่นทุกวัน

"อาเหริน! อาเหรินจริง ๆ ด้วย ตาเฒ่า! อาเหรินกลับมาแล้วออกมาเร็วเข้า"

"เอาเหรินกลับมาแล้วจริง ๆ เหรอ ไหน ๆ"

"ย่าครับ ปู่ครับ ผมกลับมาแล้ว"

ซ่งอี้เหรินก้มคำนับผู้เป็นปู่ย่าด้วยความเคารพก่อนจะเข้าไปกอดท่านทั้งสอง มู่เฉินได้เห็นแบบนั้นก็ยิ่งคิดถึงคนที่บ้านมากขึ้นกว่าเดิม หวังว่าทุกคนคงจะดีใจเมื่อได้เห็นเขากลับมา แต่ลึก ๆ แล้วก็แอบกังวลใจเพราะรู้จักนิสัยของมารดา

"นี่มู่เฉินสหายของผมเองครับ ปู่กับย่าจำได้ไหม? เดี๋ยวผมจะปั่นจักรยานไปส่งที่หมู่บ้านหวงซา"

"จำได้สิลูก มากันเหนื่อย ๆ ดื่มน้ำสักหน่อยนะ"

แก้วน้ำถูกยื่นมาตรงหน้าเพื่อให้ทั้งสองหนุ่มได้ดับกระหาย

"ขอบคุณครับพ่อเฒ่า แม่เฒ่า"

หลังจากพักดื่มน้ำและพูดคุยกันเล็กน้อย ซ่งอี้เหรินก็หยิบจักรยานคันเก่าออกมา เขาเช็ดเบาะและเติมลมที่ล้อก่อนจะเรียกมู่เฉินให้ขึ้นนั่งซ้อนท้าย

"จับดี ๆล่ะ ทางข้างหน้ามีแต่หลุมบ่อนะถ้าจำไม่ผิด"

ซ่งอี้เหรินพูดขณะเริ่มปั่นจักรยานออกจากหมู่บ้าน มู่เฉินหัวเราะเบา ๆ แม้ใจของเขาจะหนักอึ้งในยามที่นึกถึงใบหน้าของมารดา เมื่อต้องบอกว่าตนเองตกงานแล้ว

"ฉันเคยชินกับเส้นทางแบบนี้แล้ว ไม่ต้องห่วงหรอกน่า อันที่จริงฉันเดินไปเองก็ได้ นายไม่เห็นต้องลำบากไปส่งฉันเลย"

"นายไม่ต้องคิดมาก ฉันก็แค่อยากไปทักทายลี่จูกับหลาน ๆ สักหน่อย ไม่รู้ว่าป่านนี้จะโตขนาดไหนแล้ว"

เส้นทางระหว่างหมู่บ้านหลูโจวกับหมู่บ้านหวงซาเต็มไปด้วยต้นไม้และพุ่มหญ้าคาหนาทึบ ลมเย็นพัดพากลิ่นอายความแห้งแล้งเข้าปะทะใบหน้าของชายหนุ่มทั้งสอง

มณฑลอานฮุยเป็นมณฑลที่ขึ้นชื่อเรื่องความแห้งแล้งและมีผู้คนเสียชีวิตมากที่สุดในรอบหลายปี แม้แต่แม่น้ำเฟยที่อยู่ห่างจากหมู่บ้านหลูโจวไปไม่ถึง 1 กิโลเมตรก็ยังเหือดแห้ง จนชาวบ้านไม่มีน้ำใช้เพื่อประทังชีวิต

เมื่อมาถึงหมู่บ้านหวงซา ซ่งอี้เหรินหยุดจักรยานหน้าบ้านสกุลจ้าว ก่อนที่เขาจะบอกให้สหายเดินเข้าไป

"ไปสิมู่เฉิน คนที่นายอยากเห็นหน้าอยู่แค่เอื้อมแล้ว ฉันขอให้นายโชคดีนะ"

ซ่งอี้เหรินตบไหล่มู่เฉินเบา ๆ พลางมองดูเขาเดินเข้าไปในบ้าน

"ขอบใจนายมากที่มาส่ง ถ้ามีเวลาว่างฉันจะพาเด็ก ๆ ไปหานายที่บ้านนะ ฉันไปล่ะ"

ซ่งอี้เหรินพยักหน้ารับพร้อมกับมองดูสหายเดินไปที่ประตูบ้าน ที่มีเสียงพูดคุยดังออกมาจากด้านใน ตลอดเส้นทางที่เข้ามาในหมู่บ้านหวงซา ก็พบว่ามีชาวบ้านอยู่ที่บ้านของตนเองทุกหลังคาเรือน แสดงว่าหมู่บ้านนี้เก็บเกี่ยวผลผลิตเสร็จแล้ว

แต่ไม่รู้เหตุใดซ่งอี้เหรินรู้สึกเป็นห่วงสหาย จึงยังไม่ปั่นจักรยานกลับไป เขาอยากจะรอฟังเสียงหัวเราะของสหายสักครั้ง หรือแค่ได้ยินเสียงหลาน ๆ เรียกสหายของเขาว่าพ่อด้วยความดีใจ เพียงเท่านั้นเขาก็จะจากไปอย่างหายห่วง แต่ทว่า...

แอดดดดด

เมื่อมู่เฉินเปิดประตูบ้านเข้าไป เสียงพูดคุยในบ้านก็เงียบลงทันที ทุกคนหันมามองเขาเป็นตาเดียว มู่หยางพี่ชายคนรองของเขายิ้มกว้างและรีบเข้ามาหาน้องชายด้วยความยินดี

"มู่เฉิน! นายกลับมาแล้วเหรอ?"

"พี่มู่หยาง แล้วลี่จูกับลูก ๆ ละครับ พวกเค้าอยู่ไหน?"

มู่เฉินยิ้มเล็กน้อย แต่ดวงตาของเขาฉายแววกังวล เขากวาดตามองไปรอบ ๆ บ้านแต่กลับไม่พบร่องรอยของลูกกับภรรยาเลยแม้แต่น้อย

คำถามนั้นทำให้ทุกคนในบ้านนิ่งเงียบ สีหน้าของแม่จ้าวแสดงความไม่พอใจออกมา นางนั่งอยู่บนม้านั่งไม้เก่า ๆ ข้างตัวมีมู่ไฉลูกชายคนโตที่นั่งพัดให้ นางมองมู่เฉินด้วยสายตาเย็นชา แล้วตวาดกลับอย่างไม่แยแส

"หึ! ผู้หญิงไร้ประโยชน์แบบหล่อนมีหน้าที่อะไรนอกจากกิน ๆ นอน ๆ แกจะมาถามหานังนั่นทำไม! นังผู้หญิงชั่วช้ามันหนีตามชายชู้ไปแล้ว!"

มู่เฉินกัดฟันอย่างเหลืออด มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้นมา ดวงตาแดงก่ำ เขาหันไปมองพ่อจ้าวที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ อย่างเว้าวอนเพื่อขอคำตอบที่แท้จริง

"พ่อ...นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ผมจะเชื่อคำพูดของแม่ได้ยังไง! ลี่จูไม่มีทางทำแบบนั้น!"

พ่อจ้าวหลบสายตาอย่างลำบากใจ เขาอ้าปากเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เพียงแค่เห็นสายตาดุดันของภรรยา เขาก็ต้องก้มหน้าและถอนหายใจออกมาเบา ๆ ด้วยความอับจนหนทาง

"เฉินเอ๋อร์...พ่อ...พ่อเสียใจด้วย"

"เสียใจ? พ่อหมายความว่ายังไง! พ่อปล่อยให้แม่กับพี่ชายขับไล่ลูกเมียของผมไปงั้นเหรอ! ผมไม่เชื่อว่าลี่จูจะมีคนอื่น ถ้าเธอหนีตามชายชู้จริงคงไม่เอาลูกทั้งสองคนไปด้วย"

มู่เฉินเสียงสั่นพลางขยับเข้ามาใกล้พ่อของตน ใบหน้าเต็มไปด้วยความผิดหวังและโกรธแค้น เขาเชื่อใจลี่จูและเชื่อว่าเธอไม่มีวันมีชายอื่น พอ ๆ กับที่รู้ว่าแม่และพี่ชายคนโตมีนิสัยเป็นยังไง

"แกกลับมาทำไมกัน! แล้วไหนเงิน แกหาเงินมาได้เท่าไหร่?"

แม่จ้าวรีบเอ่ยถามมู่เฉินทั้งที่อารมณ์ยังขุ่นมัว หากมู่เฉินไม่มีเงินกลับมา นางก็ไม่คิดจะเลี้ยงคนไร้ประโยชน์ไว้เป็นตัวภาระให้สิ้นเปลืองเสบียงอาหารเปล่า ๆ

"โรงงานของผมทำการปลดพนักงานนับร้อยคน ผมกับสหายก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย เงินที่มีผมก็ฝากมาให้ลี่จูหมดแล้ว"

"ไอ้ตัวไร้ประโยชน์ แกอย่าคิดว่าจะมาอยู่ที่นี่ให้ฉันเลี้ยงเชียวนะ ถ้าไม่มีเงินกลับมาก็ไสหัวไปซะ ตามลูกเมียแกไปเลย ไป๊!"

เสียงแหลมและถ้อยคำของผู้เป็นแม่บาดลึกลงในใจของมู่เฉิน ยังดีที่เขาซ่อนเงินจำนวนหนึ่งที่เขาได้จากการรับจ้างเข้าเวร และได้จากค่าทำงานล่วงเวลาเอาไว้อย่างดี

"ไหนบอกว่าไปทำงานหาเงินไง! แล้วตอนนี้กลับมาตัวเปล่าจะมาเรียกร้องอะไร! ไม่มีเงินก็อย่ามาสร้างภาระให้บ้านนี้ ไปให้พ้นซะเถอะ!"

มู่ไฉเห็นเช่นนั้นก็รีบพูดขึ้นมาทันที พร้อมกับยิ้มเย้ยและแค่นหัวเราะด้วยความสมเพช หากกำจัดน้องชายคนเล็กไปได้ บ้านหลังนี้ก็ต้องตกเป็นของเขาคนเดียว ส่วนน้องชายคนรองก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะจัดการ

"ไสหัวไป! ฉันไม่ต้องการให้แกมาเป็นตัวถ่วง! จะอยู่ที่นี่ก็ได้แต่ต้องเอาเงินมาให้ฉัน ไม่อย่างนั้นก็อย่าได้หวังว่าจะเข้ามาเหยียบบ้านฉัน"

มู่เฉินกำหมัดแน่นขึ้นเรื่อย ๆ จนเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ ดวงตาคมเข้มฉายแววปวดร้าวและผิดหวัง เขามองคนในครอบครัวที่ครั้งหนึ่งเคยคิดว่านี่คือบ้าน แต่บัดนี้กลับกลายเป็นสถานที่ที่โหดร้ายสำหรับเขา

"บ้านนี้...ผมไม่คิดว่ามันจะเลวร้ายขนาดนี้ พ่อ! พ่อก็มีอำนาจทำไมถึงไม่ปกป้องลูกเมียของผมบ้าง"

มู่เฉินพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า พ่อจ้าวได้ยินคำพูดของลูกชายก็ยิ่งเจ็บปวด ดวงตาของเขาสั่นไหวด้วยความรู้สึกผิด แต่เขาทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการถอนหายใจหนัก ๆ หนึ่งครั้ง

"หุบปาก! ไม่มีอะไรให้พูดแล้ว! ยั่วถงไปตามหัวหน้าหลี่มาที่นี่! ฉันจะให้เขามาทำสัญญาตัดขาดกับมู่เฉินซะเลย จะได้หมดเวรหมดกรรม! ไอ้ลูกเนรคุณ คนอกตัญญู ฉันดูแลลูกเมียให้มันอย่างดี แต่มันกลับมองว่าฉันเป็นคนร้ายกาจ ถ้าจะเป็นแบบนี้ก็ตัดขาดให้จบไปซะ"

แม่จ้าวหันไปสั่งสะใภ้ใหญ่คนโปรดของนาง เสียงเข้มของนางแฝงไปด้วยความไม่พอใจ หลี่ยั่วถงได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มกริ่ม ก่อนจะพยักหน้ารับแล้วรีบวิ่งออกไป มู่เฉินกำมือแน่นจนข้อขาว เขาหันหลังกลับไม่ต้องการทนอยู่ฟังคำพูดของมารดาตัวเองอีกต่อไป

"ผมไม่ต้องการอะไรจากพวกคุณอีกแล้ว ผมแค่อยากรู้ว่าลี่จูกับลูก ๆ ของผมอยู่ที่ไหน! แค่บอกผมเรื่องนี้ ผมจะไปจากที่นี่และจะไม่กลับมาอีก!"

แม่จ้าวยกยิ้มเย็นชา พลางเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ไม้เก่า ๆ อย่างสบายอารมณ์

"หึ นางคงไปขอทานอยู่ที่บ้านพ่อแม่นางนั่นแหละ ถ้าแกอยากตามไปก็ตามใจ!"

ไม่นานเมื่อหัวหน้าหลี่มาถึง เขานั่งลงที่โต๊ะไม้เก่ากลางลานบ้าน เริ่มเขียนหนังสือตัดขาดตามคำสั่งของแม่จ้าว มู่เฉินมองทุกอย่างด้วยสายตาอึ้ง ๆ และเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

ในหนังสือตัดขาดระบุไว้อย่างชัดเจนว่าจ้าวมู่เฉินแยกออกไปจากบ้านจ้าวแล้ว นางจ้าวจินเหลียนจึงขอตัดขาดไม่ขอยุ่งเกี่ยว ไม่ว่าจะกรณีใด ๆ ก็ตาม แต่ถ้าจ้าวมู่เฉินอยากกลับมาจะต้องจ่ายเงินค่าเลี้ยงดูให้พ่อแม่เป็นจำนวน 500 หยวน ถึงจะกลับมาที่บ้านสกุลจ้าวได้ และบ้านสกุลจ้าวก็จะไม่ไปยุ่งกับจ้าวมู่เฉินอีก หากฝ่ายใดทำผิดสัญญานี้ต้องชดใช้ให้อีกฝ่ายเป็นจำนวน 500 หยวนเช่นกัน

แม่จ้าวและหัวหน้าหมู่บ้านหลี่ยิ้มให้กันอย่างพอใจ เมื่อรู้ว่าสัญญาฉบับนี้จะต้องทำให้มู่เฉินเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

"จากนี้ไปแกไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก ฉันเองก็จะมีลูกชายเพียง 2 คนเท่านั้น แล้วแกก็ต้องไปเปลี่ยนแซ่จ้าวออกซะ จากนี้ไปแกไม่ใช่คนของสกุลจ้าวอีกต่อไป"

มู่เฉินไม่รอช้า หันหลังกลับและก้าวเดินออกจากบ้านจ้าวอย่างหนักแน่น เขาไม่คิดจะหันกลับมามองอีกต่อไป ซ่งอี้เหรินที่ยืนฟังทุกอย่างอยู่นอกกำแพงก็รีบเดินเข้ามาหาสหายแล้วตบบ่าเบา ๆ

"มู่เฉิน ไปกับฉันก่อนเถอะ บ้านฉันไม่ใหญ่แต่ก็มีที่ให้นายได้พักตั้งหลัก"

มู่เฉินส่ายหน้าเบา ๆ เพราะตอนนี้เขาอยากเจอลูกเมียมากกว่าสิ่งใด

"ฉันอยากไปบ้านหลิว ฉันเป็นห่วงลี่จูกับลูก นายช่วยไปส่งฉันหน่อยได้ไหม?"

ซ่งอี้เหรินพยักหน้าให้สหายก่อนจะพามู่เฉินขึ้นจักรยาน หลังจากนั้นเขาไม่ได้เอ่ยถามอะไรมู่เฉินอีกเพราะรู้ดีว่าสิ่งที่สหายเพิ่งพบเจอมามันหนักหนาเอาการเพียงใด

"ไปเถอะ ฉันจะไปส่งนายเอง"

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel