ตาจ๋า ยายจ๋า
เช้าวันใหม่อากาศในห้องช่างอบอุ่นจนไม่มีใครอยากลุกจากที่นอน แต่ความเคยชินที่ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปทำงานบ้าน ทำให้ลี่จูรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาตั้งแต่ตีสี่ ต่าต๋าตัวน้อยที่เพิ่งตื่นขึ้นมาเต็มตา ก็รีบหันไปหาพี่ชายที่นอนอยู่ข้าง ๆ แล้วเขย่าตัวเบา ๆ
"พี่ชาย พี่ต้าเป่าจ๋า~ ตื่นเร็ว ๆ เข้า หนูหิวแล้วจ้ะ!"
ต่าต๋าเรียกพี่ชายด้วยน้ำเสียงอ้อน ๆ ดวงตากลมโตใสซื่อ น้ำสีใสที่ไหลออกมาที่มุมปาก รวมไปถึงเสียงท้องที่ร้องคำรามบ่งบอกว่าอยากอาหารอย่างเห็นได้ชัด รสชาติอาหารและนมอุ่น ๆ ที่แม่เอาให้กินเมื่อคืนยังหวานอร่อยติดปากเขาอยู่
แจ๊บ แจ๊บ
"อื้อ..ต่าต๋า หิวอีกแล้วเหรอ? เมื่อคืนก็เพิ่งกินไปตั้งเยอะนะ"
ต้าเป่าครางงึมงำในลำคอ ก่อนจะลืมตาขึ้นมาช้า ๆ พร้อมรอยยิ้มเอ็นดูน้องชาย
"แต่ตอนนี้ท้องหนูร้องจ๊อก ๆ แล้วจ้ะ! พี่ต้าเป่าจ๋า รีบลุกเร็ว ๆ เดี๋ยวแม่ก็ดุหนูกับพี่หรอก"
ต่าต๋าทำเสียงออดอ้อนพร้อมดึงแขนพี่ชาย เสียงปลุกของต่าต๋าทำให้ลี่จูที่กำลังเตรียมข้าวเช้าให้เด็ก ๆ ต้องเดินเข้ามามองลูกชายสองคน ที่กำลังง่วนอยู่กับการปลุกกันเองด้วยรอยยิ้มบาง ๆ
"ต้าเป่า ต่าต๋า ลุกมาล้างหน้าแปรงฟันกันได้แล้วลูก วันนี้เราต้องรีบออกเดินทางแต่เช้า แม่ต้องเตรียมของหลายอย่างเลยนะ"
ลี่จูพูดพลางลูบหัวต่าต๋าเบา ๆ แล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดหน้าให้ลูกทั้งสอง
"จ้ะแม่จ๋า หนูจะรีบลุกแล้วจ้ะ"
ต่าต๋าตอบเสียงใสพร้อมลุกขึ้นไปล้างหน้าแปรงฟันพร้อมกันกับพี่ชายทันที
ลี่จูรู้ว่าหากสายเกินไป ชาวบ้านในละแวกนี้อาจเห็นเธอและลูก ๆ ออกจากมิติได้ ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาตามมา เธอจึงเร่งเตรียมตัวอย่างรอบคอบ พร้อมกับหยิบเสื้อกันหนาวหนานุ่มออกมาให้เด็ก ๆ
"มา ต่าต๋า ยืนนิ่ง ๆ ก่อนนะลูก เดี๋ยวแม่ใส่เสื้อให้"
ต่าต๋ายืนกางแขนออกให้แม่ใส่เสื้อกันหนาวให้เขาอย่างเรียบร้อย
"หนูอุ่นแล้วจ้ะแม่จ๋า หล่อเหมือนพี่ชายเลย"
ต้าเป่าที่สวมเสื้อเสร็จก่อนน้องชาย หยิบหมวกไหมพรมขึ้นมาสวมให้ต่าต๋าอย่างเบามือ
"ใส่หมวกด้วย เดี๋ยวหนาวหูนะต่าต๋า"
"พี่ต้าเป่าใจดีจังเลย หนูรักพี่ที่สุดในโลกเลยจ้ะ"
ต่าต๋าพูดพร้อมยิ้มกว้าง ทำเอาต้าเป่ายิ้มแก้มปริและยกมือมาขยี้หัวน้องชายด้วยความเอ็นดู ลี่จูมองดูการกระทำของลูกแฝดอย่างอุ่นใจ ทั้งที่ต้าเป่าเกิดก่อนน้องเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น แต่กลับมีความเป็นผู้ใหญ่และคอยดูแลน้องอยู่ไม่ห่าง
ลี่จูจัดแจงเอาซาเล้งคู่ใจออกมา เธอหยิบเบาะนุ่ม ๆ มาปูในพ่วงข้าง พร้อมผ้าห่มเพื่อให้เด็ก ๆ นั่งหรือนอนได้อย่างสบาย ระหว่างนั้นเธอก็หยิบอาหารออกมาให้ลูก ๆ
"นี่ซาลาเปาร้อน ๆ ปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้อุ่น ๆ อยู่ในกระบอกนี้นะ กินเสร็จแล้วเอาผ้าเช็ดมือตรงนี้เช็ดด้วยนะลูก"
"จ้ะแม่จ๋า หนูจะกินให้อิ่มเลย เนอะพี่ต้าเป่าเนอะ"
เมื่อทุกอย่างพร้อม ลี่จูอุ้มลูกทั้งสองคนขึ้นไปนั่งในพ่วงข้างซาเล้งอย่างทะนุถนอม แล้วจัดผ้าห่มให้อย่างดี
"แม่จ๋า หนูนั่งสบายมากเลยจ้ะ อุ่นมากด้วย" ต่าต๋าเอ่ยขึ้นพร้อมหัวเราะคิกคัก
"อุ่นก็ดีแล้วลูก หลับตาได้แล้ว แม่จะพาออกจากมิติแล้วนะ"
"จ้ะแม่จ๋า/ครับแม่"
พรึบ
เพียงชั่วพริบตาบรรยากาศรอบตัวเด็ก ๆ ก็เปลี่ยนไป ลงหนาวพัดมาปะทะใบหน้าน้อย ๆ จนสองแฝดสะบั้นในกาย เสียงจิ้งหรีดเรไรร้องดังไม่หยุด เมื่อทั้งคู่ลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตอนนี้อยู่ที่ถนนมืดสายเดิมแล้ว
"ลืมตาได้แล้วลูก ระหว่างนี้ก็กินซาลาเปารองท้องได้เลยนะ อย่าลืมดื่มน้ำมากหน่อย ผิวของลูกจะได้ชุ่มชื่น"
"ครับแม่ เดี๋ยวต้าเป่าจะดูแลน้องเอง"
ลี่จูพูดยิ้มให้ลูกชายทั้งสองพลางสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจ จากนั้นเธอก็เข้าเกียร์แล้วออกรถทันที
"แม่จ๋าเก่งจังเลย ขับรถบื้น ๆ ได้ด้วย หนูช๊อบชอบ"
ต่าต๋าตะโกนชมแม่เสียงดังพลางหยิบซาลาเปาขึ้นมากัดคำโต แถมยังยื่นให้พี่ชายกินด้วยกันอีกลูกหนึ่ง
"ถ้าชอบก็นั่งดี ๆ นะลูก จับให้แน่น ๆ เดี๋ยวลมจะพัดผ้าห่มออก"
เมื่อลี่จูเริ่มขับซาเล้ง ลมหนาวยามเช้าก็พัดผ่านใบหน้าของสองแฝดอย่างแผ่วเบา แทนที่เด็ก ๆ จะบ่นถึงความหนาว ต่าต๋ากลับดูตื่นเต้นกับทุกอย่างรอบตัว
"พี่ต้าเป่าดูสิ ข้างหน้ามีแสงไฟหลายที่เลย! หนูอยากรู้จังว่าพวกเขาทำอะไรกันแต่เช้า"
ต่าต๋าเอ่ยถามพี่ชายพลางชี้ไปที่แสงไปที่อยู่ในหมู่บ้านหลูโจว ซึ่งเป็นที่หมายปลายทางของพวกเขา แม้จะเป็นเพียงแสงริบหรี่ แต่พอถูกความมืดโอบล้อมก็พลันเด่นชัดขึ้นมา
"เขาคงกำลังทำกับข้าวกันน่ะต่าต๋า เหมือนที่พวกเราเคยทำไง เดี๋ยวพอถึงบ้านยายน้องก็จะรู้เอง"
ต้าเป่าอธิบายพลางมองออกไปนอกพ่วงข้าง
ลี่จูขับซาเล้งผ่านเส้นทางเปลี่ยวและคดเคี้ยว ดวงตาของเธอจับจ้องไปข้างหน้าตามแสงไฟจากหน้ารถ แม้ใจจะหนักอึ้งเพราะความกังวลเกี่ยวกับการกลับไปเผชิญหน้ากับครอบครัวเก่า แต่เธอก็ยังคงสงบและทำหน้าที่แม่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
ในที่สุด เส้นทางที่ทอดยาวก็ค่อย ๆ พาพวกเขาเข้าใกล้หมู่บ้านหลูโจว ซึ่งเป็นบ้านเดิมของเธอ
04.45 นาที
เสียงเครื่องยนต์ของซาเล้งดังก้องไปทั่วลานหน้าบ้านหลิว แม้ฟ้ายังมืดแต่แสงสลัวจากตะเกียงไฟก็ช่วยให้คนในบ้านมองเห็นผู้มาเยือนได้อย่างชัดเจน
ภาพลี่จูและเด็กน้อยสองคนที่นั่งอยู่ในพ่วงข้างมอเตอร์ไซค์ ทำให้คนในบ้านที่กำลังล้างหน้าเตรียมตัวเริ่มวันใหม่ถึงกับวางมือและรีบเดินออกมาดูด้วยความแปลกใจ
แม่หลิวในชุดเสื้อหนาวเก่า ๆ รีบพุ่งตรงมาที่รถ ดวงตาของนางเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นลูกสาวที่ไม่ได้พบกันมานานถึง 2 ปี
"ลี่จู! นะ...นั่นลูกจริง ๆ ใช่ไหม ฮึก..ลูกแม่!"
น้ำเสียงของนางสั่นเครือพลางโผเข้าไปกอดลี่จู น้ำตาที่อัดอั้นมานานรินไหลอาบแก้มโดยไม่อาจอดกลั้นได้อีกต่อไป ลี่จูเองก็ปล่อยโฮออกมาเช่นกัน เธอไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใดถึงได้รู้สึกผูกพันกับคนตรงหน้ามากขนาดนี้ ลึก ๆ แล้วเหมือนการรอคอยของเธอถูกเติมเต็มในส่วนที่ขาดหาย
"แม่"
พ่อหลิวตามมาสมทบ ท่านเดินช้า ๆ ด้วยขาที่เริ่มอ่อนแรงตามวัย แต่ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความคิดถึง แขนทั้งสองข้างกอดลูกสาวคนเล็กกับภรรยาด้วยมือที่สั่นเล็กน้อย
"ลี่จู ลูกพ่อ... พ่อคิดถึงลูกเหลือเกิน"
"พ่อคะ...จากนี้ไปฉันคงต้องรบกวนพ่อแม่อีกแล้ว"
ลี่จูซุกหน้ากับไหล่ของพ่อ น้ำตาไหลออกมาจนเปียกเสื้อเก่าของท่าน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้มีโอกาสได้เรียกใครสักคนว่า พ่อ แม่ เพราะชาติที่แล้วเธอเป็นเด็กกำพร้าที่ไม่มีใครเหลียวแล
"อย่าพูดแบบนั้นเลยลูก ที่นี่ยังเป็นบ้านของลูก พวกเราทุกคนก็เป็นครอบครัวของลูกเสมอ"
"ใช่ลูก จริงอย่างที่พ่อของลูกบอก ว่าแต่มันเกิดอะไรขึ้นบอกแม่ได้ไหม?"
"นั่นสิลี่จู เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงพาหลาน ๆ กลับมาแบบนี้"
ลู่อี้พี่ชายของลี่จูเอ่ยถามขณะมองดูเด็กสองคนที่ยังคงนั่งอยู่ในพ่วงข้าง ตามอายุแล้วหลาน ๆ ของเขาโตขึ้น 2 ปีจากที่เขากับแม่เคยไปเยี่ยมเมื่อ 2 ปีก่อน ่แต่ทำไมรูปร่างของเด็ก ๆ ยังคงเล็กจ้อยผอมแห้งยิ่งกว่าเดิม แม้แต่น้องสาวของเขาก็สภาพอิดโรยไม่ต่างกัน
"เด็ก ๆ ลงมาทำความเคารพ ตา ยาย ลุงใหญ่กับป้าสะใภ้สิลูก"
ต้าเป่าถูกผู้เป็นแม่อุ้มลงจากพ่วงข้างพร้อมกับน้องชาย ครั้นพี่ชายจะเปิดปากพูดต่าต๋าที่พูดขึ้นก่อนด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ที่ใครได้ยินก็ต้องใจละลาย
"สวัสดีจ้ะ ตาจ๋า ยายจ๋า ลุงใหญ่ ป้าสะใภ้ หนูต่าต๋าจ้ะ นี่พี่ต้าเป่า พวกเราเป็นลูกชายของแม่จ้ะ แม่บอกว่าเราเคยเจอกันตอนที่หนูกับพี่ชายยังตัวเล็ก ๆ ถึงหนูจะจำไม่ได้แต่หนูก็คิดถึงตายายมากเลยนะจ๊ะ"
"สวัสดีครับ ตะ..ต้าเป่าพูดไม่เก่งเหมือนต่าต๋า แต่ก็คิดถึงทุกคนนะครับ"
"พี่ต้าเป่าก็เป็นแบบนี้แหละจ้ะ พี่พูดไม่เก่งเหมือนหนูหรอก แหะ แหะ"
ทุกคนหัวเราะออกมาพร้อมกันเมื่อได้ยินประโยคนั้นจากเจ้าตัวน้อย ลุงใหญ่รีบอุ้มหลายชายคนโตขึ้นมากอดด้วยความคิดถึง ส่วนพ่อหลิวรีบอุ้มต่าต๋าขึ้นอย่างทะนุถนอมพลางลูบหัว
"โอ๊ย หลานตาน่ารักจริง ๆ ตาจะรีบให้ป้าสะใภ้ของหลานหาอะไรอร่อย ๆ ให้กินเดี๋ยวนี้เลยดีไหม?"
ต่าต๋ากอดคอผู้เป็นตาแน่นพลางพูดเสียงใส
"ตาใจดีที่สุดเลยจ้ะ อยู่ที่นี่เราต้องมีความสุขมากแน่ ๆ เลยพี่ต้าเป่า ไม่มีใครว่าเราหรือตะคอกเราสักคนเลย"
คำพูดของต่าต๋าทำให้ผู้ใหญ่ทุกคนนิ่งอึ้งแล้วหันไปมองลี่จู ก่อนที่แม่หลิวจะรีบหันไปบอกสะใภ้ให้ทำกับข้าวหลายอย่างหน่อย เพื่อหลานหลาน ๆ ได้กินกันอย่างอิ่มท้อง
"อาถิง เช้านี้ช่วยทำกับข้าวเผื่อหลาน ๆ กับน้องด้วยนะลูก เอาเนื้อออกมาทำเยอะหน่อยก็ได้"
"ได้ค่ะคุณแม่ ฉันจะไปเตรียมเดี๋ยวนี้ค่ะ"
พูดจบหลีถิงก็รีบเดินเข้าไปในครัวเพื่อเริ่มทำอาหารให้ทุกคนทันที โดยมีลี่จูมองตามด้วยสารตามด้วยแววตาเจือความเกรงใจ เห็นทีเธอคงต้องหาเวลาคุยกับพี่สะใภ้เรื่องค่าใช้จ่ายในบ้านและค่าเสบียงอาหาร เธอไม่อยากให้พี่สะใภ้ต้องรู้สึกไม่ได้รับความยุติธรรมเหมือนที่เธอเจอมา
เมื่อทุกคนเข้ามาในบ้าน แม่หลิวพาลี่จูไปที่ห้องเก่าของเธอ ห้องที่แม่หลิวคอยดูแลและทำความสะอาดเสมอเหมือนเฝ้ารอวันที่ลูกสาวจะกลับมา
"ห้องนี้ยังเป็นของลูกเสมอ แม่ทำความสะอาดให้ทุกวันไม่ขาด" แม่หลิวพูดพลางจับมือลูกสาวเอาไว้
"ขอบคุณนะคะแม่ รอตั้งหลักได้ก่อนแล้วฉันจะรีบแยกบ้านออกไปนะคะแม่"
แม่หลิวได้ยินแบบนั้นก็รีบส่ายหน้า กว่าจะได้เจอหน้าลูกสาวกับหลาน ๆ แต่ละครั้งช่างยากเย็น แล้วทำไมต้องให้ลูกออกไปอยู่ที่อื่นอีก
"ไม่ลูกไม่ ไหน ๆ ก็กลับมาแล้วก็อยู่ด้วยกันที่นี่แหละลูก ว่าแต่มันเกิดอะไรขึ้น ลูกเล่าให้แม่ฟังได้ไหม? แล้วลูกเขยติดต่อมาบ้างรึเปล่า?"
ลี่จูเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับมารดา แต่ก็เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น
"มันเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อมานานค่ะแม่ อย่างที่แม่เห็นว่าคนบ้านนั้นกดขี่ข่มเหงฉันขนาดไหน นานวันเข้าพวกเขาก็รังแกต้าเป่ากับต่าต๋าหนักขึ้นทุกวัน ฉันก็เลยพาลูกกลับมาที่นี่"
"..."
"ส่วนพี่มู่เฉินเค้าส่งเงินมาให้ฉันตลอดทุกเดือน แต่กว่าจะถึงมือฉันก็เหลือแค่ 2 หยวน แต่คนบ้านนั้นก็ช่วยกันปกปิดเรื่องนี้ ไม่ให้ฉันรู้ว่าพี่มู่เฉินส่งเงินมา แต่บังเอิญฉันไปได้ยินถึงรู้เรื่องเข้า แถมยังแต่งเรื่องไม่ดีพูดกับเด็ก ๆ ไปต่าง ๆ นานา"
"เหลวไหลจริง ๆ จ้าวจินเหลียนทำแบบนี้ได้ยังไง นี่คงเป็นสะใภ้ใหญ่ของหล่อนคอยยุยงส่งเสริมใช่ไหม"
"..."
"ดีแล้วลูก กลับมาบ้านเราก็ดีแล้ว ช่างหัวใครจะพูดอะไร ที่ผ่านมาแม่เชื่อว่าลูกทำเต็มที่แล้ว งั้นเราไปกินข้าวกันเถอะ เดี๋ยววันนี้แม่จะอยู่เป็นเพื่อนลูกเอง"
"ไม่เป็นไรค่ะแม่ ฉันอยู่ได้ ช่วงนี้เป็นโค้งสุดท้ายของการเก็บเกี่ยว ฉันกลัวเจ้าหน้าที่คอมมูนจะว่าเอา"
