พ่อจ๋าเหรอ?
มู่เฉินนั่งซ้อนท้ายจักรยานเก่า ๆ ของอี้เหรินกลับมาที่หมู่บ้านหลูโจวด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง ตลอดทางที่ผ่าน มีเพียงความเงียบที่ปกคลุมราวกับไม่มีสิ่งมีชีวิตใด ๆ เหลืออยู่ ความเงียบนั้นทำให้มู่เฉินรู้สึกเหมือนหัวใจของเขาค่อย ๆ จมดิ่งลงสู่ห้วงเหวลึก
อี้เหรินปั่นจักรยานมาจอดที่หน้าบ้านหลังเก่า ๆ ซึ่งเป็นบ้านสกุลหลิว มู่เฉินรีบกระโดดลงจากจักรยานแล้ววิ่งเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว อี้เหรินได้แต่ยืนมองตามหลังสหายรักด้วยความเป็นห่วง เขาอยากจะเข้าไปด้วย แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะเหมาะหรือไม่ จึงตัดสินใจรออยู่ที่หน้าบ้านเพื่อดูสถานการณ์ เผื่อว่ามู่เฉินต้องการความช่วยเหลือ
"ลี่จู... ต่าต๋า... ต้าเป่า..."
"ต่าต๋า ต้าเป่าอยู่ไหมลูก?"
มู่เฉินตะโกนเรียกชื่อภรรยาและลูก ๆ ของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ กลับมา เขาเดินเข้าไปในบ้านอย่างช้า ๆ มองไปรอบ ๆ บ้านด้วยความรู้สึกหวั่นวิตก ข้าวของในบ้านถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบแต่ไร้แววผู้คน
สองเท้าของมู่เฉินเดินไปที่หลังบ้าน เขาเห็นลี่จูกับลูก ๆ กำลังนั่งขุดดินทำอะไรบางอย่างอยู่ เมื่อเห็นสภาพของลี่จูและลูก ๆ ที่ผอมแห้งจนหนังติดกระดูก มู่เฉินทั้งแปลกใจและรู้สึกผิด คนที่ทำให้พวกเขาต้องอยู่ในสภาพนี้ก็คงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากแม่ของเขาเอง
"ลี่จู..."
มู่เฉินเรียกชื่อภรรยาของเขาอีกครั้ง เสียงของเขาแผ่วเบาลงอย่างเห็นได้ชัด ลี่จูเงยหน้าขึ้นมองมู่เฉินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งความดีใจ ความน้อยใจผสมปนเปกันไปหมด จนเธอทำตัวไม่ถูก
จ้าวมู่เฉินรีบเดินเข้าไปหาลี่จูด้วยความรู้สึกผิด เขารู้สึกผิดที่ไม่ได้อยู่เคียงข้างเธอและลูก ๆ ในช่วงเวลาที่ทั้งสามคนต้องการเขามากที่สุด เขารู้สึกผิดที่ปล่อยให้พวกเขาต้องเผชิญกับความยากลำบากเพียงลำพัง
"ลี่จู..."
คนเป็นสามีถึงกับพูดอะไรไม่ออกเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความจริง ลี่จูเองก็พูดไม่ออกเช่นกัน เธอได้แต่ยืนมองหน้าสามีของเธอทั้งน้ำตาคลอเบ้า เธอไม่รู้ว่าเธอควรจะดีใจที่เขากลับมา หรือเธอควรจะโกรธเขาที่ทิ้งเธอและลูก ๆ ไปในเมื่อตอนนี้เธอกับร่างนี้ค่อย ๆ หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว
ทั้งสองคนยืนจ้องหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่มู่เฉินจะทนไม่ไหว เขาดึงลี่จูเข้ามากอดแนบอก แล้วปล่อยให้น้ำตาของเขาไหลออกมาอย่างไม่อายใคร
"ลี่จู... พี่ขอโทษ พี่ขอโทษจริง ๆ พี่มันคนเลว พี่มันไม่ได้เรื่อง พี่ไม่รู้ว่าน้องกับลูกต้องเจออะไรบ้าง ต่อจากนี้ไปพี่จะไม่ทิ้งน้องกับลูกไปไหนอีก พี่สัญญา"
มู่เฉินพูดซ้ำ ๆ ทั้งที่กำลังสะอื้น ลี่จูจึงยกมือขึ้นลูบหลังสามีของเธอเบา ๆ เธอรู้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะทิ้งเธอและลูก ๆ ไป ทั้งหมดก็เพราะความจนความทุกข์ยากบีบบังคับ
"ไม่เป็นไรค่ะ ทุกอย่างมันผ่านไปแล้ว"
"ลุงจ๋า! ลุงเป็นใครจ๊ะ! มาทำให้แม่ของหนูร้องไห้ทำไมจ๊ะ!"
ต่าต๋าตัวน้อยรีบเอ่ยถามคุณลุงสุดหล่อที่ทำให้แม่ของเขาร้องไห้ ส่วนต้าเป่าพูดเสียงเข้มอย่างไม่ชอบใจที่มีผู้ชายมาทำตัวรุ่มร่ามกับมารดาของเขา
"ถ้าลุงคิดจะทำร้ายแม่ บอกไว้ก่อนนะว่าผมไม่ยอมเด็ดขาด!"
ลี่จูรีบย่อตัวลงไปหาต่าต๋ากับต้าเป๋าแล้วลูบหัวลูกน้อยเบา ๆ
"ต่าต๋า ต้าเป่า นี่พ่อของลูกไงจ๊ะ"
"พ่อจ๋าเหรอ?"
ต่าต๋าอุทานออกมาด้วยความสงสัย เขาไม่เคยเห็นหน้าพ่อของเขามาก่อน เขารู้แต่ว่าพ่อของเขาไปทำงานที่เมืองใหญ่แล้วไม่เคยกลับมาอีกเลย
"พ่อของพวกเราเหรอ...แล้วพ่อหายไปไหนมา ทำไมเพิ่งกลับมา!"
ต้าเป่าจ้องมู่เฉินนิ่ง ๆ แล้วพูดเหมือนผู้ใหญ่ จนคนฟังต้องกลืนก้อนสะอึกลงคอ
"ใช่แล้ว คนนี้คือพ่อของพวกหนู" ลี่จูพูดซ้ำอีกครั้ง
ต่าต๋ากับต้าเป่าวิ่งเข้าไปกอดพ่อของพวกเขาด้วยความดีใจ พวกเขาคิดถึงพ่อมาก แม้บ่อยครั้งที่ผู้เป็นย่ากับลุงที่บ้านจ้าวจะชอบพูดว่าพ่อไม่รักพวกเขาแล้ว แต่อ้อมกอดของพ่อในวันนี้ก็ยืนยันได้ว่าคำพูดเหล่านั้นไม่เป็นความจริง
"พ่อจ๋า... พ่อหายไปไหนมาจ๊ะ? ทำไมพ่อถึงไม่กลับมาหาพวกเราเลย ฮื้อออ พ่อรักพวกเรารึเปล่า"
ต่าต๋าเอ่ยถามทั้งสะอื้นไห้ เสียงเล็ก ๆ สั่นเครือจนคนเป็นพ่อฟังแล้วจุกในอก ถึงต้าเป่าจะแสร้งทำเป็นเคร่งขรึม แต่พออยู่ในอ้อมกอดของบิดาก็แอบสะอื้นเบา ๆ
"พ่อขอโทษ พ่อรักต่าต๋ากับต้าเป่าที่สุด พ่อสัญญาว่าพ่อจะไม่ไปไหนอีกแล้ว พ่อจะอยู่กับลูก ๆ ตลอดไปเลยดีไหม?"
อ้อมกอดของผู้เป็นพ่อโอบลูกน้องทั้งสองเอาไว้ด้วยความรักและความคิดถึง เขาต้องทำยังไงถึงจะสามารถไถ่โทษที่ทอดทิ้งลูกและภรรยา ให้เผชิญหน้ากับความร้ายกาจของคนเหล่านั้นได้
"จริงเหรอ พ่อจ๋าพูดจริงรึเปล่า?"
"จริงสิลูก ต่อจากนี้ ไม่ว่าจะไปที่ไหนเราก็จะไปด้วยกัน พ่อสัญญา"
ซ่งอี้เหรินที่ยืนมองดูอยู่ห่าง ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะน้ำตาคลอเบ้า เขารู้สึกสงสารมู่เฉินและลูกเมียมากที่ต้องเจอเรื่องแบบนี้ มันเป็นสิ่งที่สหายของเขากลืนไม่เข้า คายไม่ออก ฝั่งหนึ่งก็ลูกเมียที่ถูกรังแก อีกฝั่งหนึ่งก็เป็นมารดาผู้ให้กำเนิด
การที่มู่เฉินเดินออกมาจากบ้านจ้าวจึงถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เมื่อเห็นว่าสหายพูดคุยกับครอบครัวเข้าใจกันดีแล้ว ซ่งอี้เหรินจึงเดินกลับไปที่จักรยานแล้วปั่นกลับบ้านของตนเองไปเงียบ ๆ
"พี่เพิ่งกลับมาถึง ฉันว่าพี่ไปอาบน้ำล้างตัวก่อนดีกว่านะคะ เดี๋ยวฉันจะไปหาอะไรให้กิน"
"อื้อ เอาอย่างนั้นก็ได้ หลังจากนั้นเราจะได้พูดคุยกันต่อ"
ลี่จูพาสามีเข้ามาในบ้าน เธอให้ลูก ๆ พาพ่อของพวกเขาไปอาบน้ำล้างตัวหลังจากที่เดินทางมานาน
"ต่าต๋า ต้าเป่า พาพ่อไปอาบน้ำด้วยนะลูก"
สองพี่น้องได้ยินก็รีบรับคำมารดา อันที่จริงแต่ละบ้านต้องออกไปตักน้ำที่บ่อน้ำกลางหมู่บ้าน หากบ้านไหนมีบ่อน้ำก็โชคดีไป แต่บ้านหลิวก็ยังไม่มีบ่อน้ำเช่นกัน ช่วงเช้าหลังจากที่ทุกคนออกไปทำงานกันหมด ลี่จูจึงได้นำน้ำในมิติออกมาเติมไว้จนเต็มทุกถัง
"ครับแม่ ไปอาบน้ำกันเถอะครับพ่อ" ต้าเป่าพูดด้วยเสียงที่หนักแน่น
"ไปจ๊ะพ่อจ๋า เดี๋ยวหนูกับพี่ชายจะพาพ่อไปเอง" ต่าต๋าพูดด้วยเสียงออดอ้อนจนคนเป็นพ่ออดไม่ได้ที่จะบีบแก้มเบา ๆ
"นำทางพ่อไปเลยครับ ต้องรบกวนลูก ๆ แล้ว"
เด็ก ๆ จูงมือพ่อของพวกเขาไปที่ห้องน้ำที่อยู่หลังบ้าน มู่เฉินมองตามหลังลูก ๆ ด้วยรอยยิ้ม ช่างดีเหลือเกินที่เด็ก ๆ ไม่กลัวเขาเหมือนที่คิดเอาไว้ มันดีจริง ๆ ที่ทุกอย่างเป็นแบบนี้ ดีแล้วที่เขาถูกปลดออกจากงาน ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่รู้ว่าลูกเมียถูกคนอื่นรังแกแบบนี้
เมื่อมาถึงห้องครัว ลี่จูเร่งมือเอาข้าวต้มในมิติออกมาแกะใส่ถ้วย หัวใจของเธอเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นปะปนกับความกังวล เธอรู้ดีว่าการแอบนำข้าวต้มออกมาให้สามีและลูก ๆ อาจจะทำให้สามีสงสัย
ตอนนั้นเองที่เธอตัดสินใจว่าต้องบอกเรื่องมิติให้มู่เฉินรู้ อนาคตหากเธอจะนำเสบียงที่กักตุนไว้ออกมากินในช่วงหน้าหนาว เธอก็ต้องให้มู่เฉินช่วยเหลืออีกแรงหนึ่ง เท่าที่เห็นในอดีต สามีของเธอเป็นคนที่รักมั่นและยอมทำทุกอย่างเพื่อเธอและลูก ๆ
"เห็นทีคงต้องบอกเรื่องนี้ให้เค้ารู้ ยังไงก็ต้องอยู่ด้วยกันตลอด การโกหกไม่ใช่ทางออกที่ดี"
ลี่จูยกถ้วยข้าวต้มออกมาวางลงบนโต๊ะไม้เก่าที่มีรอยแตกประปราย พลางมองสามีด้วยแววตาอบอุ่น มู่เฉินที่เพิ่งเดินออกจากห้องนอน เขาสวมเสื้อผ้าที่ดูเก่าแต่สะอาด ใบหน้าของเขายังเปียกชื้นจากน้ำที่พึ่งล้างหน้า ลี่จูยิ้มบาง ๆ ก่อนเดินไปหยิบผ้าเช็ดหน้าแล้วยื่นให้
"เช็ดหน้าก่อนแล้วค่อยไปกินข้าวค่ะ ส่วนลูก ๆ ตามแม่มาได้เลย"
"เย้ ๆ ถึงเวลากินข้าวอีกแล้ว หนูชอบที่สุดเลยจ้ะพี่ต้าเป่า"
ต่าต๋าตัวน้อยรีบเดินตามมารดาไปที่โต๊ะกินข้าว ยิ่งเห็นถ้วยข้าวต้มที่มีไอร้อนลอยคละคลุ้ง เจ้าหนูตัวน้อยก็ยิ่งยิ้มหน้าบานเมื่อนึกถึงรสชาติแสนอร่อยของอาหารจากในมิติ
"พี่รู้แล้ว ถ้าต่าต๋ากินไม่อิ่มก็มาแบ่งเอาของพี่ได้นะ"
"งื้อ พี่ชายของหนูใจดีที่สุด"
ลี่จูหัวเราะเบา ๆ พลางลูบศีรษะของต่าต๋ากับต้าเป่า มู่เฉินที่เดินตามหลังมาจึงอุ้มลูก ๆ ขึ้นนั่งประจำที่พลางมองดูอาหารตรงหน้าด้วยความแปลกใจ
"แม่จ๋าไม่กินเหรอจ๊ะ แบ่งกับหนูก็ได้นะ?"
ต่าต๋าเห็นว่าข้าวต้มมีเพียง 3 ถ้วยจึงเอ่ยถามมารดาด้วยความสงสัย
"ลูก ๆ กินไปเถอะ เดี๋ยวให้แม่กินกับพ่อก็ได้ พ่อยังไม่หิวเท่าไหร่"
มู่เฉินพูดจบก็เลื่อนถ้วยข้าวต้มไปตรงหน้าภรรยา ความหิวและความเหนื่อยล้าถูกกลืนลงท้องไปทันทีเมื่อเห็นลูกเมียผอมแห้งเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูก
"ฉันยังไม่หิว พี่มาเหนื่อย ๆ พี่กินให้อิ่มเถอะจ้ะ"
"กินหน่อยเถอะลี่จู น้องผอมขนาดนี้พี่ไม่สบายใจเลย"
"นั่นสิครับแม่ เอาถ้วยมาเพิ่มอีกใบแล้วแบ่งของพวกเราไปเพิ่มก็ได้"
เจ้าหัวผักกาดทั้งสองรีบยื่นถ้วยข้าวต้มของตัวเองออกมาตรงหน้า เพื่อให้มารดาตักแบ่งใส่ถ้วยเพื่อจะได้กินด้วยกัน ลี่จูเห็นแบบนั้นจึงบอกว่าข้าวต้มในครัวก็ยังเหลือ
"ในครัวยังมีอีก ทุกคนลงมือกินได้แล้ว เดี๋ยวแม่จะไปตักมาอีกถ้วยหนึ่งก็ได้"
ลี่จูเดินกลับเข้าไปในครัวอีกครั้ง ไม่นานเธอก็กลับออกมาพร้อมข้าวต้มอีกถ้วยหนึ่งแล้วมานั่งลงกินพร้อมทุกคน หลังจากกินข้าวเสร็จเธอก็เอาวิตามินบำรุงให้ลูก ๆ กิน ก่อนจะให้ทั้งคู่ไปนั่งเล่นกลางลานบ้าน
"ลี่จู หลังจากนี้ไปน้องอยากทำอะไร อยากไปหางานทำในเมืองหลวงไหม? หรือว่าอยากจะอยู่ที่นี่?"
คำถามของมู่เฉินทำให้ลี่จูต้องสูดหายใจลึก ก่อนเอ่ยด้วยแววตามุ่งมั่น
"ฉันอยากลองปลูกผักในที่ว่างหลังบ้าน พอผักโตก็นำไปเสนอขายให้กับร้านอาหารของทางการ พี่คิดว่ายังไง?"
มู่เฉินขมวดคิ้วเป็นปมเพราะผืนดินที่นี่ล้วนแห้งแล้ง
"แต่ที่นี่แห้งแล้งมาก แม้แต่น้ำจะใช้ก็ยังหายาก เราจะเอาน้ำที่ไหนมาทำการเกษตร?"
"ฉันลองเดินสำรวจดูพื้นดินในที่ทำกินของเราแล้ว จุดที่มีหญ้าเกิดฉันลองขุดแล้วเอาขันค่ำดินไว้ รอถึงวันพรุ่งนี้เช้าเราก็จะรู้ว่าจุดไหนควรขุดบ่อน้ำไว้ใช้ในการเกษตร"
"ถ้าน้องมั่นใจแบบนั้นพี่ก็พร้อมจะลองดู"
มู่เฉินพยักหน้ารับแม้ในใจลึก ๆ จะรู้ว่าครั้งนี้ต้องเจอกับงานหิน แต่ขอแค่ได้อยู่กับลูกเมียก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว
"ฉันมีบางอย่างที่ต้องบอกพี่"
การตัดสินใจครั้งนี้ลี่จูได้คิดคำนวณเอาไว้ดีแล้ว ก่อนที่เธอจะปลูกผักจำนวนมากเธอต้องหาตัวช่วยในเรื่องการค้าก่อน เพราะประชาชนยังไม่ได้รับอนุญาตให้ทำการค้าด้วยตัวเอง นอกจากจะเอารายชื่อของเธอและครอบครัวไปอยู่ในส่วนงานที่ทำงานหรือทำการค้ากับทางการเท่านั้น
