ตอนที่4. พี่คิงใจร้าย
ศิวนาถ อธิษฐ์โภคินชายหนุ่ม32ปี เอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างเหนื่อยล้า แขนข้างหนึ่งทิ้งลงข้างตัวแล้วอีกข้างยกมือนวดเบ้าตา เสียงหัวเราะคิกคักที่ดังตามมาทำให้เขาเลิกคิ้วขึ้นแล้วยกมือลงมองเจ้าของเสียงหัวเราะที่ก้าวเข้ามายืนอยู่ใกล้ๆ
“หมดสภาพเลยหรือคะพี่คิง”
“นี่พี่ไม่อยู่แค่ปีสองปี งานมันไร้ระเบียบขนาดนี้เลยเหรอ” เขาขยับตัวลุกขึ้นนั่งในท่าปกติ จ้องมองหญิงสาวในชุดเดรสเข้ารูปทันสมัย ไม่เหมือนสาวทำงานออฟฟิศสักเท่าไหร่ เหมือนเป็นชุดใส่ไปเที่ยวมากกว่า
“ก็ใครให้พี่คิงไปอยู่ต่างประเทศตั้งนานค่ะ” ปนัดดาหัวเราะร่วนแล้วเอาใจด้วยการบีบนวดไหล่ให้ศิวนาถ
“พี่ไปขยายงาน ไม่ได้ไปเที่ยว” เขาทำเสียงดุญาติผู้น้อง “น้องครีมนั้นแหละ เลิกเที่ยวเล่นแล้วมาช่วยงานที่บ้านได้แล้ว”
“พี่คิงใจร้าย ครีมมาทำงานทุกวันนะคะ” เธอแสร้งทุบบ่าเขาแรงๆ ไปทีหนึ่ง
“พี่ไม่ได้พูดเล่นนะครีม นี่บริษัทของคุณอา ครีมเป็นลูกสาวคนเดียวต้องสืบทอดกิจการต่อ พี่แค่เข้ามาช่วยดูได้นิดๆหน่อยๆเท่านั้น”
“ค่ะๆ ทราบแล้วค่ะ พี่คิงก็อย่าเครียดนักเดี๋ยวเส้นเลือดในสมองแตกนะคะ”
“เฮ้ยๆ นี่เป็นห่วงหรือแช่งกัน”
ศิวนาถหรือพี่คิงของปนัดดา เริ่มอารมณ์ดีขึ้น เขาเป็นญาติผู้พี่ของปนัดดา พ่อของเขาเป็นพี่ชายพ่อของเธอ ปู่กับย่ามีลูกหลายคนแต่ละคนก็ไปสร้างฐานะกันเอาเอง แต่พ่อเขากับพ่อเธอช่วยกันสร้างบริษัทขึ้นมา ขยายสาขาแผ่จนครอบครัวร่ำรวย ส่วนตัวเขาเป็นลูกชายคนเดียว นอกจากงานของครอบครัว เขามีธุรกิจส่วนตัวคือบริษัทนำเขารถยนต์หรูจากต่างประเทศ สองสามปีมานี่เขาเดินทางบ่อย อยู่ไม่ติดที่ โดยเฉพาะโซนยุโรปจึงไม่ค่อยได้กลับเมืองไทยนัก พอกลับมาก็ต้องมาช่วยทำแผนฟื้นฟูบริษัท แม้อยู่เมืองไทยนานแต่เขาก็ติดตามข่าวและอ่านรายเสมอ คิดว่าคุณอาคงเอาอยู่ แต่ดูท่าจะยุ่งเหยิงจนต้องบินกลับมาจัดการเอง
“กินข้าวเที่ยงกันเถอะคะพี่คิง” ปนัดดาฉุดให้ศิวนาถลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วหญิงสาวก็ทำจมูกฟุดฟิด
“อะไร?”
“กลิ่นอะไรไหม้ๆ” ปนัดดาย่นจมูก
“ไม่มีเสียหน่อย”
“มีซิ” หญิงสาวสูดดมเข้าไปอีกที “พี่คิงไปแอบดูดบุหรี่มาแหง๋ๆเลย”
“ยุ่งน่า ไม่ใช่เรื่องของเด็ก” เขาผลักหัวน้องสาวเบาๆ
“งั้นครีมเลี้ยงข้าวพี่คิงก็แล้วกัน”
“ใจดีปานนั้น งั้นพี่ไม่เกรงใจ จะกินให้พุงกางเลย”
“มีร้านอาหารไทยอร่อยๆ ไม่รู้พี่คิงคิดถึงอาหารไทยมั้ย”
“มีคนเลี้ยง อะไรก็กินทั้งนั้น ”
ชายหนุ่มแสร้งผลักหัวญาติผู้น้องเบาๆ เขาส่ายหน้าไปมา แล้วหันไปหยิบของบนโต๊ะเดินออกไปหน้าห้องก็เจอผู้ชายมาดสำอางยืนรออยู่ เขาขมวดคิ้วเพราะไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ปนัดดาเดาความหมายจากญาติผู้พี่ได้ไม่ยาก เธอเดินไปคล้องแขนชายคนนั้นแล้วกดหน้าแนบไหล่แสดงความสนิทสนม
“พี่คิงนี่แฟนน้องครีมค่ะ ชื่อวิภพ”
“สวัสดีครับ คุณครีมพูดถึงคุณศิวนาถบ่อยๆ” วิภพยกมือไหว้อย่างนอบน้อม
“ครับ” ศิวนาถยกมือรับไหว้ ประเมินผู้ชายที่น้องสาวแนะนำแล้วก็ถอนหายใจหนักๆ
“ไม่เอาน่าพี่คิง คนนี้น้องครีมจริงจัง” หญิงสาวหัวเราะคิกคัก “ไปเถอะค่ะ เราไปหาอะไรอร่อยๆกินกัน”
ศิวนาถได้แต่พยักหน้ารับ ไอ้ประโยคที่ว่า ‘คนนี้จริงจัง’ ของปนัดดานี่เขาได้ยินมาจนนับไม่ถ้วน แต่มองแวบเดียวเขาก็รู้สึกไม่ชอบผู้ชายคนนี้เอาเสียเลย แต่ก็นั้นแหละ นิสัยของปนัดดายิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ปล่อยให้คบๆกันไปเบื่อก็เลิก เหมือนเด็กเล่นขายของนั้นแหละ
ปนัดดาบอกพิกัดร้านอาหารแล้วแยกไปกับวิภพ ศิวนาถขับตามไป ระหว่างทางเขาอดคิดถึงผู้หญิงแปลกๆ ที่เขาเพิ่งเจอเมื่อสามสี่วันก่อนไม่ได้ เขาไปพบลูกค้าอีกบริษัท การประชุมที่ยืดเยื้อทำให้เขาเคร่งเครียดจนต้องแอบลงมาหาที่สูบบุหรี่ ปกติเขาไม่ใช่คนสูบบุหรี่นักหรอก แต่มันก็มีบ้างนั้นแหละ ที่มันพอช่วยได้
ผู้หญิงแปลกๆ คนนั้น ดูเหงาๆ แถมผอมบางเหมือนเด็กขาดสารอาหารเสียด้วยซ้ำ แต่เธอคงไม่ได้ลดความอ้วนจนผอมขนาดนั้นหรอก เขาเพียงแค่มองเธอด้วยสายตาของเพื่อนมนุษย์ เข้าใจอารมณ์มนุษย์เงินเดือนดี หลายคนมองว่าเขาร่ำรวย ไม่ต้องทำงานหนักก็มีเงินใช้จ่ายสบายๆ แต่เปล่าเลยมันตรงกันข้าม เมื่อมีภาระมากยิ่งขึ้น ความรับผิดชอบก็ต้องมากขึ้นตามไปด้วย
