ตอนที่ 1 | เหมือนเดิม
โรงแรม เฌอร่า (ประเทศฝรั่งเศส)
งานแฟชั่นวีค 21:30 น.
ดีไซเนอร์ชั้นนำทั่วโลก รวมถึงศิลปิน ดาราที่มีชื่อเสียง ต่างได้รับเชิญให้มาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง ทั้งดาราทั้งนางแบบรูปร่างเพียวบน catwalk ต่างเดินสับเท้าตามกันออกมาอย่างมืออาชีพ ท่ามกลางแสงไฟสลัว ๆ แต่ละคนสวมใส่ชุดสีดำที่ดีไซเนอร์แบรนด์นั้น ๆ เป็นคนออกแบบตาม concept
เยว่ซินอยู่ในลุคสาวเท่ ทรงผมของเธอสั้นถึงต้นคอ แต่งกายด้วยชุดสีดำ เสื้อหนังเก็ตเจ็ต กระโปรงกึ่งกางเกงสั้นถึงต้นขา สัดส่วนอวบอั๋นมีน้ำมีนวล ความสูงหนึ่งร้อยหกสิบสอง เธอกำลังต่อสายหาคนทางไกล เพราะเป็นกำลังใจสำคัญเลยอยากได้ยินเสียง
“หมูยิ้มเสร็จยัง อีกโชว์จะถึงคิวเราแล้วนะ” เธอหันมองตามเสียงของเพื่อนสาวคนสนิท ซึ่งทำหน้าที่ผู้จัดการห้องเสื้อที่เธอเปิดอยู่ และ หมูยิ้มคือฉายาของเธอ ที่มีเพียงคนสนิทมาก ๆ เท่านั้นที่ใช้เรียก
“อีกแป๊บนะแก”
“ไม่แป๊บแล้วแก รีบไปซ่อมชุดเถอะ ขืนยังช้าเดี๋ยวจะไม่ทันกันพอดี” น้ำหวานรบเร้าเพื่อนสาวที่ขอปลีกตัวออกมาคุยโทรศัพท์ แต่นานหลายนาทีแล้วยังไม่กลับเข้าไปเสียที เธอจึงต้องมาตาม
“แต่พี่ธามยังไม่รับสายเลย ชุดเย็บนิดเดียวฉันขออีกนาทีนะ”
“พูดอย่างกับว่าพี่ธามจะรับสายแกภายในหนึ่งนาทีงั้นแหละ ถ้าพี่เขาจะรับอะ เขารับไปนานแล้ว ขืนแกยังโทรตื๊อไม่เลิกอยู่อย่างนี้ รับรองชุดแกไม่ได้ขึ้นโชว์แน่ ฉันว่าป่านนี้พี่ธามคงถึงไทยแล้วแหละ เสร็จงานแกค่อยโทรใหม่ก็ได้หนิ” น้ำหวานส่ายหน้า เธอสังเกตหลายครั้ง ที่เพื่อนสาวต่อสายหาคู่หมั้น นับครั้งได้ที่ผู้ชายคนนั้นจะรับสายเพื่อนของเธอ แทบไม่รับสายเลยก็ว่าได้ แต่เพื่อนของเธอกลับไม่ย่อท้อ อีกทั้งยังรอคู่หมั้นตัวเองกลับมาจากต่างประเทศ ไม่ชายตามองผู้ชายคนไหน ผิดกับผู้ชายคนนั้นไม่เห็นไยดีเลยสักนิด หากเป็นเธอคงถอนหมั้นไปนานแล้ว เขาไม่รักจะยื้อไว้ทำไม
เยว่ซินใจแป้ว เธอหลุบตามองโทรศัพท์ในมืออย่างรู้สึกน้อยใจ ที่น้ำหวานพูดก็ถูก น้อยครั้งที่ธามไทจะรับสาย ตลอดเก้าปีที่เขาไปเรียนหมอต่างประเทศ เธอส่งเมลล์ให้เขาทุกอาทิตย์แต่เขาไม่เคยตอบกลับมาเลยสักครั้งเดียว แม้ว่าจะเป็นแบบนั้น แต่หัวใจเธอยังรักเขาเหมือนเดิม และ รอคอยเขาเสมอมา
“ไปกันเถอะ”
เยว่ซินพยักหน้ารับอย่างเลี่ยงไม่ได้ เธอเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากระโปรง หยิบช็อกโกแลตที่เธอชอบกินเป็นชีวิตจิตใจ และ ยามเครียดจากกระเป๋าเสื้อ แกะซองยัดเข้าปาก แล้วเคี้ยวพลางเร่งฝีเท้าเดินกลับเข้าไปยังห้องแต่งตัวพร้อมกับเพื่อนสาว
ประเทศไทย
15:30 น.
ภายในรถเบนซ์หรูราคาแพงสีดำที่กำลังขับเคลื่อนบนท้องถนนปกคลุมไปด้วยอายเย็นจากเครื่องปรับอากาศและความเงียบสงัด จนได้ยินเสียงลมหายใจเข้าออกที่เป็นจังหวะของคนสองคนค่อนข้างชัดเจน
061230XXXX
สายที่ไม่ได้รับ 30+ สาย
เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาดูดี ผิวขาว อยู่ในชุดธรรมดา เสื้อยีนแขนยาวคลุมทับเสื้อยืดด้านใน กางเกงยีนตัวโปรด เขามองหมายเลขโทรศัพท์ที่ตัวเองเพิ่งปล่อยผ่านไม่ยอมรับสายบนหน้าจอสี่เหลี่ยมในมือนิ่ง ไม่พูดอะไรนานเกือบนาที ก่อนจะพ่นลมหายใจออกเบา ๆ แล้วพลิกหน้าจอวางคว่ำบนหน้าขาแกร่ง พลางหลับตาลงอย่างเงียบ ๆ
เวลาต่อมา
บ้านวิทสุทธิ์
ธามไทขับรถBMWสีขาวเข้ามาจอดสนิทในโรงจอดรถ แล้วเปิดประตูก้าวขาลงจากรถเดินตรงไปยังคฤหาสน์หรู คนสวนที่ทำงานอยู่แถวนั้นต่างโค้งศีรษะทำความเคารพลูกชายเจ้าของบ้านที่เพิ่งกลับจากสหรัฐอเมริกา
“ธามลูก”
“สวัสดีครับ” ชายหนุ่มก้าวเข้ามาในบ้านพลางยกมือไหว้ผู้เป็นพ่อ และ ผู้เป็นแม่ที่กำลังเดินมารับ
“แม่คิดถึงจังเลยค่ะ” หญิงวัยห้าสิบต้น ๆ สวมกอดลูกชายด้วยความคิดถึง ลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูลไปเรียนหมอไกลหูไกลตา กลับบ้านนับครั้งได้ เธอทั้งเหงาทั้งห่วงหาสุดหัวใจ
“คิดถึงเหมือนกันครับ”
“ลูกแม่หน้าตาหล่อเหมือนเดิมเลยนะเนี่ย” มือเต่งตึงแสนอบอุ่นกอบกุมใบหน้าหล่อดูดีของลูกชายเอาไว้อย่างเชยชม ธามไทไม่พูดอะไรเพียงมอบรอยยิ้มอ่อนโยนให้ผู้เป็นแม่บาง ๆ เท่านั้น
“ไปคุยกันในห้องนั่งเล่นดีกว่า” ชายแก่อายุใกล้เข้าเลขห้าในอีกสามปีเอ่ยขึ้นด้วยบุคลิกมาดขรึม
“ปะลูก”
ธามไทพยักหน้าหนึ่งทีตอบรับแล้วสาวเท้าเดินตามหลังผู้เป็นพ่อไปยังห้องนั่งเล่น โดยมีผู้เป็นแม่เดินเกาะท่อนแขนแกร่งอยู่ข้าง ๆ
“ไม่กลับมาอยู่กับพ่อแม่ที่บ้านจริง ๆ เหรอลูก” คนเป็นแม่ส่งสายตาอ้อนวอนลูกชายที่เพิ่งกลับมาวันแรก แต่กลับขอย้ายไปอยู่ที่อื่น
“ที่คอนโดใกล้โรงพยาบาลเดินทางไปกลับสะดวกดีครับ”
“แม่คิดถึงแย่เลย” ไพรินทำหน้าเศร้า เพราะไม่อยากให้ลูกชายจากอกไปไกล
“ผมจะกลับมาบ้านบ่อย ๆ นะครับ”
“งั้นลูกนอนที่บ้านสักคืนสองคืนนะ”
“ครับ”
“พรุ่งนี้ตอนเย็นครอบครัวลุงจางเหว่ยจะมาทานข้าวกับเรานะ” วิทสุทธิ์แจ้งข่าว ธามไทลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ อย่างเบื่อหน่าย เมื่อเอ่ยถึงครอบครัวฝ่ายของคู่หมั้น ภาพเธอคนนั้นแวบเข้ามาในหัวทันที ไม่รู้ว่ารูปร่างหน้าตาเธอจะเปลี่ยนไปจากเดิมมากน้อยแค่ไหน
