บทที่ 5 จ้าวอิงอิงน่ารังเกียจยิ่ง
เมื่อข้าวต้มข้นดีแล้วนางจึงนำฟืนออกบางส่วน แต่ก็ยังตั้งหม้อทิ้งไว้เพื่อให้อุ่นอยู่ตลอด จนกระทั่งถึงเวลาที่จะกิน ไม่นานฟ้าเริ่มมีแสงสว่างมากขึ้น จึงตัดสินใจเดินไปทางหลังบ้านเพื่อลองเสี่ยงหาวัตถุดิบอื่น ๆ
เดินออกจากห้องครัวผ่านข้างเรือนออกไปด้านหลังบ้าน ก็จะพบพื้นที่ค่อนข้างรกร้าง มีบางหย่อมที่โล่งเตียน เห็นหน้าดิน ตรงนั้นน่าจะเป็นลู่ซานถิงเริ่มถางที่เพื่อเพาะปลูก แต่ด้วยขาที่บาดเจ็บจึงยังไม่คืบหน้าเท่าไหร่ เมื่อเดินมาอีกไม่ไกล ก็เป็นแม่น้ำสายหนึ่งไหลจากภูเขาผ่านหลังบ้าน
‘เยี่ยมไปเลยทำเลดีมีน้ำมีภูเขาและห่างไกลเพื่อนบ้าน แบบนี้นางค่อยทำอะไรสะดวกหน่อย’
เมื่อเดินรอบ ๆ บริเวณพบเพียงผักป่าที่เหมือนกับที่กองอยู่ในครัวและผักลักษณะคล้ายผักกวางตุ้ง นางจึงหาร่องรอยของหนอนหากหนอนกินคนก็กินได้ และแล้วก็พบร่องรอยของหนอนที่แทะก้านและใบอ่อน
จ้าวอิงเลือกเด็ดมาชิมดูพบว่ารสชาติเหมือนกวางตุ้งจริง ๆ หรือนี่จะเป็นสายพันธุ์ของโลกนี้ เมื่อแน่ใจว่ากินได้แล้ว จึงเก็บมากำหนึ่งพอสำหรับผัดหนึ่งจาน
จ้าวอิงเดินต่อไปยังแม่น้ำเชิงเขาหลบังบ้าน ที่นั่นมีท่าน้ำเก่าอยู่น่าจะเป็นบรรพบุรุษที่เคยอาศัยอยู่ที่นี่ทำไว้ ซึ่งมันก็ผุพังไปหมดแล้ว จากที่ดูแม่น้ำไม่น่าจะลึกนัก ริม ๆ ฝั่งสามารถเดินลงไปได้ ส่วนที่ลึกที่สุดน่าจะราว ๆ สองถึงสามเมตรได้ ปลาตัวไม่ใหญ่มากแต่มีกุ้งแม่น้ำ
‘กุ้ง’ ตาจ้าวอิงเป็นประกายวิบวับ
นางได้เจอของดีเข้าแล้ว ชาติที่แล้วนางเดินทางไปหลายที่ ได้กินของพื้นบ้านพื้นถิ่นมาหลากหลาย และกุ้งแม่น้ำก็เป็นของโปรดของนางเช่นกัน คิดได้เช่นนั้นนางจึงลงมือทันทีเท่าทันความคิด นางหาทางเดินลงริมฝั่งแม่น้ำไปจับกุ้งที่มักจะอยู่ตามโขดหินข้าง ๆ พวกกุ้งไม่อยู่ในน้ำลึก การจับกุ้งนางมีประสบการณ์จากทะเลสาบข้างกระท่อมบนเขาของนางนั่นเอง เวลาผ่านไปเพียงสองก้านธูป นางก็หิ้วกุ้งแม่น้ำตัวเขื่องขึ้นมาสามสี่ตัว
ตามจริงแล้วนางสามารถจับได้มากกว่านี้ แต่กลัวจะผิดแปลกมากเกินไป ยิ่งเห็นกุ้งแม่น้ำมีมากมายขนาดนี้ ไม่เห็นว่าจะมีใครมาจับมัน แสดงว่าคนที่นี่ยังไม่รู้จักการกินกุ้งแม่น้ำรสโอชาเช่นนี้ อาจจะเป็นเพราะหน้าตาที่แปลกของพวกมันก็เป็นได้ นางหิ้วพวกมันขึ้นจากน้ำอย่างอารมณ์ดี
‘ฮิฮิ ...ไม่รู้จักของดีซะแล้ว’
เมื่อจ้าวอิงเห็นว่าได้วัตถุดิบมาทำอาหารพอสมควรแล้ว นางจึงเดินกลับมาที่ห้องครัวเพื่อจะทำอาหารต่อไป นางเดินมาถึงด้านนอกของห้องครัวก็เห็น จางซื่อที่ตื่นแล้ว กำลังยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่หน้าเตามองหม้อข้าวอยู่
แย่แล้ว!! จ้าวอิงคิดในใจ แม่สามีนางต้องกำลังไม่พอใจ เรื่องข้าวที่นางนำมาต้มทั้งหมดแน่นอน
จ้าวอิงรู้ว่าแม่สามีนางนำเงินไปซื้อยาให้พ่อสามีนางหมดแล้ว จึงไม่มีเงินสำหรับซื้อข้าวสารเพิ่มอีก นางจึงรีบก้าวเข้าไปตรงหน้าจางซื่อ พร้อมยกกุ้งและผักที่นางเก็บมายื่นไปให้นางดู
“ท่านแม่ข้าเห็นว่าข้าวเหลือไม่มากจึงนำมาต้มหมดแล้ว วันนี้ข้าจะเข้าไปที่ตำบลแล้วซื้อข้าวสารมาเพิ่มเจ้าค่ะ”
จางซื่อยังคงขมวดคิ้วแน่น นางดูลังเลใจสีหน้าแปลกประหลาด จ้าวอิงเดาว่าคงเป็นเพราะนางทำให้แม่สามีตกใจแล้ว จึงกล่าวเสริมว่า
“วันนี้ข้าทำอาหารเองเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวกินเสร็จแล้วจะนั่งเกวียนวัวไปที่ตำบลหาซื้อข้าวของเพิ่ม ท่านแม่ต้องการอะไรเพิ่มไหมเจ้าคะ” จ้าวอิงยิงคำถามออกไป
“เราไม่มีเงินแล้วคงไม่สามารถหาซื้อหาอะไรได้ ส่วนข้าวนี้ต้มแล้วก็ช่างเถอะ เดี๋ยวข้าจะไปขอยืมข้าวสารจากป้าสะใภ้รองหวังสักหน่อยแล้วกัน” เมื่อพูดจบจางซื่อก็ถอนหายใจออกมา
“ท่านแม่ข้ามีเงินอยู่เจ้าค่ะท่านน่าจะรู้อยู่แล้ว ในเมื่อเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ท่านอย่าปฏิเสธข้าเลยนะเจ้าคะ” จ้าวอิงยังคงไม่ลดละ
จางซื่อคิดตามก็เห็นว่าจริงอย่างที่นางบอก คนอย่างจ้าวอิงอิงนางย่อมมีเงินแอบเก็บไว้อยู่แน่นอน จางซื่อจึงถามด้วยความสงสัย
“ทำแบบที่เจ้าว่าก็ได้ แต่อาอิงเจ้าทำกับข้าวเป็นหรือ วางปูน้ำนั้นไว้เดี๋ยวข้าทำเอง” จางซื่อที่ตอนนี้ข้าวก็หมดเงินก็ไม่มีตัดสินใจจะเชื่อจ้าวอิงสักครั้ง
เป็นครั้งแรกที่จางซื่อเรียกชื่อของจ้าวอิงตรง ๆ จ้าวอิงชะงักเล็กน้อยแต่ก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว แล้วหัวเราะแห้ง ๆ กลบเกลื่อน นั่นสินะจ้าวอิงอิงคนเดิมนางไม่เคยทำอะไรเลย ไม่แปลกที่แม่สามีของนางจะถามเช่นนั้น
“เป็นเจ้าค่ะอยู่บ้านเดิมข้าทำกับท่านแม่ข้าบ่อย ๆ ท่านไปดูแลท่านพ่อเถิดข้าต้มยาไว้ให้แล้ว”
จ้าวอิงชี้ไปยังหม้อยาที่นางตั้งเอาไว้ แน่นอนนางผสมยาแก้อักเสบ ยาฆ่าเชื้อลงไปด้วย เพิ่มสมุนไพรของนางเข้าไปอีกหลายตัว เพื่อช่วยรักษาขาข้างนั้นของพ่อลู่เอาไว้ จางซื่อมองตามแล้วก็พยักหน้าแล้วค่อย ๆ ตักเอายาน้ำสีดำในหม้อออกไป
จ้าวอิงคิดว่าจะทำข้าวต้มกุ้งง่าย ๆ กิน กุ้งแม่น้ำตัวใหญ่ถูกจัดการจนสะอาด ขูดเอาเนื้อออกมาทั้งหมดแล้วสับหยาบ เพื่อเวลาเคี้ยวจะได้สัมผัสเนื้อกุ้งได้ด้วย ส่วนเปลือกและหัวกุ้งก็ไม่ได้ทิ้งไป เพื่อความหอมกลิ่นกุ้งมากขึ้น จ้าวอิงนำเปลือกและหัวลงผัดในกระทะพอสุก หลังจากนั้นเติมน้ำหนึ่งถ้วยและเกลือเล็กน้อยต้มไว้ครึ่งก้านธูป
จากนั้นกรองเอากากออก เท่านี้ก็ได้น้ำสต๊อกกุ้งแล้ว เสียดายไม่มีพริกไทยและเครื่องเทศอื่น นางคงต้องเข้าไปหาซื้อเครื่องปรุงโดยด่วนเสียแล้ว
ครั้นจะหยิบมาจากห้วงมิติก็ไม่ได้ ของไม่มีที่มาที่ไปนางจะได้ไม่เป็นที่น่าสงสัย วันนี้เข้าไปที่ตำบลคงต้องเดินสำรวจตลาดให้ทั่วก่อน ค้นจากความทรงจำของร่างเดิม พบว่าบ้านเดิมนางอยู่ในตำบล แต่ที่เหลือในความทรงจำอื่น ๆ แทบไม่มีอะไรเลยนอกจากขี้เกียจและปากร้าย ยังเอาแต่ชี้นิ้วสั่งอีกด้วย
‘จ้าวอิงนะจ้าวอิง! ข้าต้องซวยขนาดไหนถึงมาอยู่ในร่างคนร้ายกาจเช่นนี้’
มีครั้งหนึ่งที่นางจำได้ว่า ร่างนี้คิดจะฆ่าลูกชายตัวเองให้ตายด้วย เพื่อจะได้ครอบครองลู่เหวินเหยาไว้เพียงผู้เดียว เพราะอิจฉาที่ลูกชายได้รับความรักจากสามีแต่ตัวนางกลับถูกเขารังเกียจ เสือร้ายยังไม่กินลูกแต่สตรีนางนี้ช่าง … หมดคำจะเปรียบเทียบจริง ๆ
จ้าวอิงวางเรื่องของจ้าวอิงอิงลงไปก่อน และกลับมาสนใจอาหารตรงหน้าอีกครั้ง อาหารมื้อนี้จ้าวอิงไม่ได้เติมอะไรที่แปลกประหลาดลงไป ยังคงปรุงรสเพียงเกลือเท่านั้น หลังจากได้น้ำสต๊อกกุ้งแล้ว นางเติมเนื้อกุ้งลงไป ตั้งไฟให้เนื้อกุ้งสุกจากนั้นยกเทลงให้หม้อต้มข้าว คนให้เข้ากัน ตุ๋นต่ออีกหนึ่งก้านธูปก็เป็นอันใช้ได้
“ท่านแม่ เสี่ยวเป่าไปปลุกท่านแม่ที่ห้องแต่ไม่เจอ ท่านย่าบอกว่าท่านแม่ทำอาหารเสี่ยวเป่าอยากกินอาหารที่ท่านแม่ทำมานานแล้ว”
เสี่ยวเป่าวิ่งมาจากด้านนอกพุ่งเข้ามาหาจ้าวอิงทันที เด็กน้อยดวงตาแพรวพราวเหลือเกิน จ้าวอิงที่รับตัวเขาไว้ไม่ให้หกล้ม นางอดใจไม่ได้ที่จะหยิกแก้มเล็ก ๆ นั้นแล้วพูดขึ้น
“ระวังหน่อยในครัวมีแต่ฟืนไฟเข้าใจหรือไม่”
“เข้าใจแล้วท่านแม่” เสี่ยวเป่าพยักหน้าหงึก ๆ
“ไปเถิดเรียกท่านปู่ท่านย่ามากินข้าวกัน”
“ขอรับ”
ว่าแล้วเสี่ยวเป่าก็วิ่งออกไปด้านนอกอีกครั้ง โดยไม่ลืมที่จะหยิบถ้วยข้าวใบเล็กออกไปด้วย เห็นได้ชัดว่าเด็กคนนี้ช่วยงานที่บ้านด้วยความเคยชิน เด็กชนบทนี่โตเร็วจริง ๆ
จ้าวอิงยกโถข้าวออกมาถึงโต๊ะขาหักในห้องโถง เห็นจางซื่อกำลังพยุงพ่อลู่ออกมา สีหน้าพ่อลู่ไม่ค่อยดีนักดูซีดเซียวกว่าเมื่อวานมาก และดูเหมือนขาจะบวมขึ้นอีก ยาที่นางเพิ่มให้เมื่อเช้านั้นตรงโรคแต่ยังไม่แรงพอ เพราะอาการของพ่อลู่นั้น หากเป็นปัจจุบันต้องให้ยาทางสายน้ำเกลือ ล้างแผลขูดเนื้อตายออก จึงจะช่วยให้อาการดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
จ้าวอิงมุ่นคิ้วด้วยความกังวล นางกลัวว่าจะติดเชื้อในกระแสเลือด นางต้องทำแผลให้พ่อลู่ใหม่ไม่งั้นแย่แน่นอน เพราะฉะนั้นนางต้องเข้าเมือง ทำทีไปซื้อยาแล้วกลับมาจัดการแผลของพ่อลู่ ‘เอาล่ะทำเช่นนี้ก็แล้วกัน’
“ท่านพ่อ ท่านแม่ กินข้าวเจ้าค่ะ” จ้าวอิงเชิญพ่อและแม่สามีทั้งสองคน
หลังจากนั้นทุกคนก็นั่งกินข้าวพร้อมกัน แล้วเสี่ยวเป่าน้อยยังคงตักเข้าปากเป็นคนแรกเหมือนเดิม
“อร่อย อร่อยมาก ๆ เลยขอรับท่านแม่” เสียงเล็ก ๆ ของเสี่ยวเป่าทำให้ มื้อเช้านี้คลายบรรยากาศแปลกประหลาดไปไม่น้อย
“ดีเลย เสี่ยวเป่ากินเยอะ ๆ นะ วันนี้แม่จะซื้อของอร่อยมาให้กินอีก” จ้าวอิงพูดกับเขาและลูบหลังของเสี่ยวเป่าไปด้วย จากนั้นนางหันมาหาพ่อแม่สามีที่กำลังมองเสี่ยวเป่าเงียบ ๆ อยู่เช่นกัน
“ท่านพ่อข้าอยากซ่อมแซมบ้านเจ้าค่ะ”
“อืม ข้าก็คิดเหมือนกัน คราแรกคิดว่าหากขาดีขึ้นจะขึ้นเขาไปนำไม้ในป่ามาซ่อมแซมผนัง ส่วนหลังคาจะนำหญ้ามามุงไว้ก่อน แต่ขา...เฮ้อ…”
เสียงถอนหายใจของพ่อสามี ช่างทำให้จ้าวอิงสะเทือนใจเหลือเกิน หากวันนั้นจ้าวอิงอิงไม่อาละวาด เพียงแค่เรื่องของกินที่นางซ่อนไว้หายไป เดือดร้อนถึงพ่อสามีให้รีบลงเขาจนตกหน้าผาคงไม่เจ็บมาถึงตอนนี้
จ้าวอิงก้มหน้าลงอย่างกระดากอาย แม้ไม่ใช่นางที่เป็นคนทำแต่นางก็มาอาศัยในร่างคนต้นเหตุอยู่ดี ถึงนางจะเคยเป็นนักฆ่าเป็นสายลับแต่นางก็ยังมีจิตสำนึกอยู่นะ
“ท่านพ่อหากเราจ้างให้ช่างไม้หรือชาวบ้านมาช่วย แล้วซื้อกระเบื้องมาซ่อมหลังคาจะใช้เงินมากน้อยเท่าใดเจ้าคะ”
“ถ้าแก้ไขทั้งผนังหน้าต่างและหลังคา คงต้องใช้อย่างน้อยสิบถึงยี่สิบตำลึงเงิน ที่มากขนาดนี้เพราะบ้านนี้ปล่อยร้างมานานแล้ว” พ่อลู่ตอบด้วยสีหน้าหม่นหมอง ตอนนี้เงินสักอีแปะพวกเขายังไม่มีเลย
จ้าวอิงหยิบเงินทั้งหมดที่ ‘จ้าวอิงอิง’ แอบซ่อนไว้ออกมากองไว้ตรงหน้าทุกคน นับได้สี่สิบกว่าตำลึง นับเป็นเงินที่มากพอดูเลยสำหรับคนยากจนเช่นพวกเขา
ทำไมจ้าวอิงอิงมีเงินน่ะหรือ นั่นเพราะแม่ของนางรักนางมาก ด้วยความดื้อรั้นที่จะแต่งกับลู่เหวินเหยาบัณฑิตยากจน ที่นางหลงรักหัวปักหัวปำจนไม่ฟังคำใครทั้งนั้น แม่ของนางที่กลัวนางจะอดอยาก จึงส่งเงินมาให้นางใช้อยู่ประจำ ยังมีสินเดิมที่ยังอยู่ในหีบไม้ มีจำพวกเครื่องประดับและเสื้อผ้าต่าง ๆ อีก