บทที่ 2 คงมีแต่ลูกชายเท่านั้นที่รักนาง
เมื่อลู่ฮ้ายผู้มีศักดิ์เป็นปู่ทวดของเสี่ยวเป่า เห็นสองแม่ลูกจ้าวอิงและเสี่ยวเป่า เดินมาถึงหน้าบ้านเก่าท้ายหมู่บ้านแล้ว เขาถอนหายใจแล้วหันหลังกลับโดยไม่เข้าไปบ้านเก่าหลังนั้น และไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้สักคำ
ทางด้านจ้าวอิงเมื่อก้าวเข้ามาในลานบ้าน นางก็รู้สึกสิ้นหวังปนกับความหดหู่ใจที่เกิดขึ้นทันทีทันใด ประโยคที่ดังอยู่ในใจนางตอนนี้มีเพียงสองประโยค
‘อะไรมันจะเก่าและโทรมได้ขนาดนี้’
‘นี่ยังสามารถให้คนอาศัยอยู่ได้อีกหรือ’
แม้ขนาดของบ้านจะหลังไม่เล็กมาก ดูด้วยสายตาผ่าน ๆ มีเรือนสองฝั่ง คาดว่ามีสี่ถึงห้าห้องด้วยกัน คงจะเคยเป็นบ้านของครอบครัวใหญ่มาก่อน ตามหน้าต่างมีรอยแตกและรอยการปะหยาบ ๆ ประตูก็มีรูลอดผ่าน หลังคาเห็นกระเบื้องบางช่วงแตกหักเสียหายไปแล้ว
หากตอนนี้ฝนตก นางมั่นใจว่าไม่สามารถนอนโดยไม่เปียกแน่นอน มองแค่สภาพภายนอกเท่านี้ยังท้อใจถึงเพียงนี้ มิน่าเล่าจ้าวอิงอิงถึงอยากจะไปให้พ้นจากครอบครัวนี้ นางยืนไว้อาลัยให้ตัวเองสามวินาที ยังไม่ทันจะทำอะไรต่อเสียงของเด็กชายก็ดังขึ้นเสียก่อน
“ท่านปู่ท่านย่าพวกเรากลับมาแล้ว ท่านแม่ตกน้ำ ท่านย่า ท่านย่า ! ” เสี่ยวเป่าที่เข้ามาในเขตบ้านก็ส่งเสียงตะโกนเรียกปู่และย่าของเขาทันที
หลังจากได้ยินเสียงเสี่ยวเป่า ทั้งลู่ซานถิงและจางซื่อผู้เป็นพ่อและแม่สามีของจ้าวอิง หรือก็คือปู่และย่าของเสี่ยวเป่านั่นเอง
ลู่ซานถิงออกมาจากด้านหลังบ้านโดยมีไม้เท้าช่วยพยุงตัวออกมา ส่วนจางซื่อนั้นเดินออกมาจากในครัว เมื่อเห็นจ้าวอิงอิงเนื้อตัวเปียกปอนและตัวซีดเซียว กัดริมฝีปากระงับความเจ็บปวดอยู่ตรงหน้า จางซื่อก็เดินเข้ามาใกล้แล้วถามขึ้น
“เสี่ยวเป่าเป็นอะไรหรือไม่” นางสนใจหลานชายนางมากกว่า
“ไม่ ไม่เป็นอะไรมีเพียงท่านแม่ที่ตกน้ำไปขอรับท่านย่า” เสี่ยวเป่าตอบด้วยเสียงที่ยังสั่นเครือ
จางซื่อหันหน้ามาหาจ้าวอิงอิงแล้วกล่าว ด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่เรียบเฉยไม่ตื่นตกใจหรือแสดงความห่วงใยใด ๆ
“เจ้าเข้าไปห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนอนพักก่อน เดี๋ยวข้าจะต้มน้ำร้อนไปให้”
จ้าวอิงเพียงพยักหน้าให้นางและเดินออกไปทางด้านของห้องที่นางใช้หลับนอนจากความทรงจำของร่างเดิม
เมื่อรื้อหาเสื้อผ้าและผลัดเปลี่ยนเรียบร้อยแล้ว จ้าวอิงนางก็นอนลงเมื่อหัวถึงหมอนนางก็สลบไสลไปทันที
โดยมีเสี่ยวเป่าเด็กน้อยในวัยห้าขวบ ที่เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นตามความเข้าใจของเขาให้จางซื่อฟัง เมื่อเล่าเรื่องราวจบแล้ว เขาก็ตามเข้ามาในห้องนอนของจ้าวอิงและนั่งเฝ้าไม่ห่าง ที่เขาทำเช่นนี้เพราะเด็กน้อยเคยได้ยินเถินโกวผู้เป็นหลานชายป้าฮวา เด็กในวัยเดียวกันในหมู่บ้านพูดว่า ที่แม่ของเขาตีเขาเพราะเขาไม่ดีพอ ดังนั้นแม่จึงไม่รักเขา เสี่ยวเป่าจึงตั้งใจว่าจะเป็นเด็กที่ดี ตามใจท่านแม่เพื่อให้แม่ของเขารักเขาเหมือนแม่ของเพื่อน ๆ คนอื่นบ้าง
ส่วนจ้าวอิงในตอนนี้เมื่อหลับตาลง ก็มีเพียงร่างกายเท่านั้นที่หลับลง แต่จิตของนางได้ล่องลอยเข้ามายังอีกห้วงมิติหนึ่ง
นางลืมตาขึ้นมาพบว่ากำลังนอนอยู่ในห้องนอนที่คุ้นตา นางผุดลุกขึ้นนั่งมองรอบ ๆ ก็รู้ว่านี่เป็นห้องนอนเล็กของนางเอง ที่นางใช้พักผ่อนในกระท่อมลับบนภูเขาลึก ในพริบตาแรกจ้าวอิงคิดว่านี่ต้องเป็นความฝัน หรือไม่ก็เป็นเพราะวิญญาณนางมาเยือนสถานที่เก่า ๆ หลังตายแล้ว
แต่เมื่อคิดอีกทีก็รู้สึกว่านี่มันไม่ใช่ มันสมจริงมากเกินไป ทันใดนั้นนางก็ลุกขึ้นยืน แล้ววิ่งออกไปยังประตูหน้ากระท่อมด้วยความรวดเร็ว เมื่อประตูเปิดออกดวงตาก็ปะทะกับแสงสีขาวแสบตาสาดซัดเข้ามา เมื่อปรับสายตาให้คุ้นชินแล้ว ก็พบกับสวนผักสมุนไพร ซุ้มเถาองุ่น และกระท่อมเก็บของอีกหลังข้าง ๆ กัน มองออกไปเป็นทะเลสาบ !!
‘ใช่จริง ๆ ด้วยกระท่อมลับบนภูเขา’ นางดีใจถึงที่สุดคิดว่านางไม่ได้ตาย นางเพียงหลับฝันเท่านั้น แค่ฝันเท่านั้น นางวิ่งสุดฝีเท้าเพื่อไปที่ทะเลสาบ อยากจะสัมผัสน้ำเย็น ๆ ในนั้นใจจะขาด
แต่แล้วเมื่อวิ่งพ้นแปลงผักไปไม่กี่ก้าวเท่านั้น นางกลับชนเข้ากับบางสิ่งอย่างจัง จนหงายหลังก้นจ้ำเบ้าลงพื้นอย่างแรง เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้จ้าวอิงจึงไม่กล้าที่จะพรวดพราดออกไปอีก นางค่อย ๆ ยื่นมือออกไปสัมผัสอากาศว่างเปล่ารอบ ๆ ตัว
‘นั่นอะไร? บาเรีย ? ที่กั้นไว้ นี่นางถูกขังงั้นหรือ? ไม่ ...ไม่ใช่...โลกยังไม่มีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขนาดนี้’
นางเดินใช้มือลูบไปตามบาเรียนั้นเพื่อหาทางออก แต่กลับพบว่าไม่มีช่องว่างเลย รัศมีของบาเรียนี้ครอบคลุมเฉพาะกระท่อมสองหลังและแปลงผักแปลงสมุนไพรและซุ้มเถาองุ่น กินบริเวณประมาณหนึ่งร้อยตารางเมตรได้ ไม่สามารถออกไปทะเลสาบแม่น้ำ หรือศาลาริมน้ำที่นางโปรดปรานได้
เมื่อรู้ดังนั้นนางจึงเดินสำรวจกระท่อมทั้งสองหลัง ของกินของใช้ที่ตุนไว้เพื่อเหตุการณ์ฉุกเฉิน ของสดทั้งหลายที่นางชอบอยู่ในตู้เย็น ทุกอย่างยังมีอยู่ครบถ้วนเหมือนตอนที่เพิ่งก้าวออกไป วันก่อนที่นางจะจบชีวิตลง
แต่แล้วความสิ้นหวังที่ค้นพบว่านางไม่เพียงแค่ฝันไป แต่นางตายจากโลกเดิมของนางแล้วจริง ๆ นางไม่สามารถกลับไปเป็นจ้าวอิงคนเดิมอีกแล้ว ความร้อนตีขึ้นมาในอก น้ำตาก็เริ่มไหลลงมาข้างแก้มนางช้า ๆ
หลังจากเช็ดหยาดน้ำตาออกไปแล้ว จ้าวอิงจึงกลับมานั่งลงเงียบ ๆ เพื่อทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะนางหาใช่คนที่จะมาคร่ำครวญกับชีวิตเสียหน่อย ดีเสียอีกที่นางได้มีโอกาสกลับมามีชีวิต มีเนื้อหนังมังสาอีกครั้ง
สรุปได้ว่านาง ‘จ้าวอิง’ นักวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่สายลับแห่ง MSS ฉายาจิ้งจอกพิษ เสียชีวิตเพราะเอาตัวขวางกระสุนที่พยายามจะปลิดชีวิตของลูกสาวประธานาธิบดี ระหว่างภารกิจหลบหนีจากพวกผู้ก่อการร้าย ช่วยให้ลูกสาวประธานาธิบดีรอดชีวิตได้สำเร็จ แต่นางกลับจบชีวิตไป ราวกับว่านางได้ใช้ชีวิตแลกชีวิตในครั้งนั้น
หลังจากหมดลมหายใจ วิญญาณนางถูกวังวนลมหมุนสีดำดึงดูดให้มายังร่างของ ‘จ้าวอิงอิง’ หญิงอ้วนที่เป็นคนร้ายกาจมีแต่คนรังเกียจคนนี้
และห้วงมิตินี้น่าจะเป็นเพราะสวรรค์สงสารนาง จึงให้มิตินี้ตามนางมาด้วย นิยายออนไลน์ข้ามมิตินางก็เคยผ่านตามาบ้าง แน่นอนว่านางมาที่นี่เพื่อเป็นนางเอกเท่านั้น นางชูกำปั้นขึ้นมาอย่างแน่วแน่ ขอบคุณสวรรค์นางจะออกไปท่องยุทธภพไปเป็นจอมยุทธหญิงอยู่อย่างอิสระ ไม่มาเป็นหญิงชาวบ้านที่ต้องทำตามจารีตโบราณนี้
‘หึหึ! มีมิตินี้เสียอย่างก็ไม่ต้องกลัวสิ่งใดแล้ว
โอ๊ะ!! ไม่สิ ร่างนี้มีลูกชาย โอ้มายก๊อด ! ’
ใจที่กำลังฮึกเหิมก็เหี่ยวเฉาลงอีกครั้ง
‘นางทิ้งได้ไหมนะ หย่าแล้วให้เด็กอยู่กับพ่อไป ถึงอย่างไรครอบครัวนี้ก็เกลียดนางอยู่แล้วนี่’
แต่เมื่อนึกถึงเสี่ยวเป่าเด็กชายตัวผอมแห้งคนนั้น เขารักมารดาด้วยใจจริง ถึงแม้มารดาแท้ ๆ ของเขา หรือเจ้าของร่างเดิมนี้ จะดุด่าเฆี่ยนตีเขามากขนาดไหนเด็กคนนั้นไม่มีท่าทีจะเกลียดแม่คนนี้เลย
‘เฮ้อ...’
นางถอนหายใจออกมาเมื่อนึกถึงเด็กคนนั้น นางเริ่มใจอ่อนเสียแล้วสิ หรือนางจะพาเสี่ยวเป่าไปด้วยได้ไหมนะ คิดแล้วก็ส่ายหัว ในยุคโบราณนี้ลูกชายสำคัญยิ่งนัก อย่าว่าแต่ยุคโบราณเลยยุคไหน ๆ ชนชาติแผ่นดินใหญ่ก็ต้องการลูกชายมากกว่าอยู่ดี ไม่มีทางที่ครอบครัวนี้จะปล่อยให้เขาจากไปแน่นอน
เอาเถิดดูสถานการณ์ก่อนแล้วกัน ออกไปดูด้านนอกก่อนแล้วค่อยคิดอีกทีว่าจะทำอย่างไร ว่าแต่นางจะออกไปจากมิตินี้ยังไงกัน
‘ผ่อนคลายกำหนดจิต’ แบบนี้ละมั้งนะ นิยายที่เคยอ่านก็เขียนแบบนี้เหมือนกัน
เมื่อทำแล้วนางรู้สึกมีลมวูบผ่านกลางออกไป หลังจากลืมตาขึ้นมาอีกครั้งพบตัวเองนอนอยู่บนเตียง ในบ้านโกโรโกโสหลังคามีรูรั่วหลังเดิม พร้อมกลิ่นเหม็นอับที่โชยเข้าจมูก
จ้าวอิงดันตัวเองลุกขึ้นอย่างยากลำบาก ร่างนี้อ้วนเกินไปแล้วจะลุกจะนั่งยังเหนื่อยขนาดนี้ และแล้วนางก็นึกถึงในห้องเครื่องยาจีนของนาง มียาและสมุนไพรมากมายยังมีตำรับยาลดความอ้วนอีกด้วย เอาไว้ต้มกินและคุมอาหารไปด้วยจะได้ผอมลง ทำอะไรจะได้คล่องแคล่วขึ้น อ้วนฉุขนาดนี้นางคงได้ป่วยตายอีกรอบ
ที่ด้านนอกนางได้ยินเสียงหัวเราะของเด็กและผู้ใหญ่แว่วมาจากอีกฝั่ง ฟังดูก็รู้แล้วว่าพวกเขามีความสุขดีแม้จะอยู่บนความยากจน แสดงถึงความรักความอบอุ่นของครอบครัวที่นางไม่ได้สัมผัสมานานแสนนาน
เพียงฟังเสียงหัวเราะใสซื่อบริสุทธิ์ของเสี่ยวเป่า ก็ทำให้ใจนางอ่อนยวบ จ้าวอิงเดินออกมาเปิดประตู พบว่าข้างนอกมืดมิดเสียแล้ว
เมื่อได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวจากห้องนอนของจ้าวอิงอิง เสี่ยวเป่าก็รีบวิ่งมาพร้อมส่งเสียงเรียกอย่างดีอกดีใจ “ท่านแม่ ท่านตื่นแล้วหรือ”
จ้าวอิงเห็นเขาวิ่งเข้านางก็อ้าแขนรับเสี่ยวเป่าตามสัญชาตญาณ การทำเช่นนี้ทำให้เสี่ยวเป่าที่ไม่คุ้นเคย ก็ชะงักไปหนึ่งจังหวะ แต่ก็ยังเดินกล้า ๆ กลัว ๆ เข้ามาหานาง
จ้าวอิงเห็นดังนั้นนางก็เอาแขนที่ยกรอเขาเข้ามาในอ้อมกอด ลงไปข้างตัวตามเดิมอย่างเก้อเขิน แต่เมื่อเห็นเสี่ยวเป่ายังเดินเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ นางจึงสูดหายใจเข้าเต็มปอด พร้อมยกมือขึ้นแล้วเป็นฝ่ายดึงตัวเสี่ยวเป่าเข้าสู่อ้อมกอดอีกครั้ง
นี่เป็นสิ่งที่นางอยากตอบแทนเสี่ยวเป่า เด็กน้อยที่เฝ้าข้างกายนางไม่ห่างตอนที่นางจมน้ำ และมอบให้เด็กน้อยผู้รอคอยความรักจากมารดา
ทันใดนั้นเสี่ยวเป่าก็ร้องไห้โฮออกมาเสียงดังลั่น จ้าวอิงลนลานทำตัวไม่ถูก คิดว่าทำให้เสี่ยวเป่าตกใจหรือเจ็บตัว นางดันตัวเขาออกแล้วมองสำรวจไปที่เสี่ยวเป่าที่กำลังร้องไห้จ้าอยู่ตอนนี้
“เสี่ยวเป่า เจ้าเป็นอันใดไป เจ็บตรงไหนบอกข้า ขะ ข้าไม่กอดแล้วก็ได้”
“ไม่นะ ท่านแม่อย่า...อย่าปล่อยเสี่ยวเป่า”
ขณะนั้นเองทั้งลู่ซานถิงและจางซื่อ วิ่งออกมาตามเสียงร้องไห้ของเสี่ยวเป่า