7 - คนคุ้นเคย
คนคุ้นเคย
บ่ายคล้อยของวันต่อมา
สวนปกรณ์กิตติ์
“มาหาใครค่ะ” หญิงสาวถามแขกผู้มาเยือนขึ้นทันที ขณะที่เธอกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ที่หน้าบ้าน แล้วเห็นรถไม่คุ้นตาขับเข้ามาจอดที่ลานกว้าง
ปิ่นมุก หญิงสาวคนสนิทของศิรดา เป็นลูกสาวของ ‘แก้วตา’ ซึ่งเป็นแม่บ้านที่อาศัยอยู่ที่นี่มาตั้งแต่ที่เธอลืมตาดูโลกแล้ว และเติบโตมาพร้อมกันกับศิรดาภายในสวนผลไม้แห่งนี้
“กิตติ์อยู่ไหม พาฉันไปพบเขาหน่อย” เสียงของหญิงสาวผู้มาเยือนเอ่ยถามขึ้นมาทันที
รสรินทร์ หรือ โรส อดีตคนคุ้นเคยของปกรณ์กิตติ์ที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย แต่ก็ต้องแยกย้ายกันไปเมื่อทั้งคู่เรียนจบ เพราะหญิงสาวตัดสินใจจบความสัมพันธ์ลง แล้วเลือกที่จะไปใช้ชีวิตในต่างแดนกับชายคนรัก
หญิงสาวสวมชุดเดรสรัดรูปสีแดงสดกับรองเท้าส้นสูงพร้อมกับแว่นกันแดดบดบังใบหน้าขาวผ่อง บนตัวล้วนแต่มีเครื่องประดับราาคาแพง ซึ่งดูด้วยตาเปล่าก็รู้ว่าไม่ใช่คนพื้นที่นี้แน่
“เอ่อ...คือว่า” ปิ่นมุกได้แต่อ้ำอึ้ง เพราะไม่รู้ว่าจะตอบคนตรงหน้าเช่นไร และอีกอย่างเธอก็ไม่รู้ด้วยว่าหญิงสาวคนนี้เป็นใครกัน อยู่ที่นี่มาจนอายุ 23 ปีแล้ว เธอยังไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนมาถามหาเจ้านายหนุ่มของเธอเลย
“ยืนเอ๋ออยู่ทำไม ไม่ได้ยินที่ฉันถามหรือยังไง กิตติ์อยู่ไหน?” รสรินทร์ขึ้นเสียงดังตะคอกใส่เธอทันที เพราะจากการมองสำรวจหญิงสาวตรงหน้าดูแล้วก็รู้ว่าเธอคือสาวใช้ของบ้านนี้แน่
“คุณกิตติ์เขาไม่อยู่หรอกค่ะ” ปิ่นมุกบอกไปตามตรง เพราะหนุ่มเจ้าของสวนไม่อยู่จริง
“กิตติ์ไม่อยู่? แล้วเขาไปไหน” รสรินทร์ถามกลับไปอีกทันที
“ไม่ทราบค่ะ คุณกิตติ์ไม่ได้แจ้งใครเอาไว้ รู้แต่ว่าไปทำธุระในเมืองตั้งแต่เมื่อวานจนป่านนี้ก็ยังไม่กลับมาเลยค่ะ” ปิ่นมุกได้แต่ส่ายหน้าตอบ เพราะเธอไม่ทราบจริง ๆ ว่าเจ้านายหนุ่มไปไหน
“แล้วกิตติ์จะกลับมาตอนไหนเหรอ”
“ไม่รู้ค่ะ เอ่อ...ไม่ทราบว่าคุณเป็นใคร เป็นอะไรกับคุณกิตติ์เหรอค่ะ ถ้าคุณกิตติ์กลับมาจะได้แจ้งถูก” ปิ่นมุกถามหญิงสาวตรงหน้าออกไป
“ฉันเป็นคนที่กิตติ์รู้จักเป็นอย่างดีเลยละ...”
หญิงสาวเชิดหน้าตอบปิ่นมุกอย่างมั่นใจ จนปิ่นมุกนึกอดหมั่นไส้ในความมั่นหน้านี้ไม่ได้ ได้แต่ยกยิ้มมุมปากกรอกตามองบนไม่สนใจอีก และกำลังจะหันหน้ากลับไปทำงานของตนต่อ...
*
*
“ใครมาเหรอปิ่น?” เสียงทุ้มของเจ้าบ้านดังขึ้นมา พร้อมกับชายวัยกลางคนที่ปรากฏตัว และเดินเข้ามาทางสองสาว
“คุณเขามาหาคุณกิตติ์จ้ะลุงทัศน์” ปิ่นมุกตอบผู้อาวุโสของที่นี่่ออกไป แล้วเดินออกไปทำงานของเธอต่อทันที
“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวผู้มาเยือนรีบยกมือขึ้นไหว้ตามมารยาท ถึงเธอจะไม่รู้ว่าชายวัยกลางคนผู้นี้เป็นใคร แต่ดูจากสถานการณ์ที่สาวใช้คนนี้ปฏิบัติด้วยแล้วช่างดูน่าาเกรงขาม ดูก็รู้ว่าคงเป็นคนมีอำนาจของบ้านนี้มากพอสมควร
“ดูเหมือนไม่ใช่คนในพื้นที่นะ แล้วมาหาใครเหรอแม่หนู” สุทัศน์ถามแขกผู้มาเยือนขึ้นทันที หลังจากที่มองสำรวจแล้วว
“คือหนูชื่อ โรสนะคะ รสรินทร์ มาหากิตติ์ค่ะ กิตติ์อยู่หรือเปล่าค่ะ เอ่อ...” รสรินทร์รีบแนะนำตัวออกไปทันที แล้วถามหาชายหนุ่มที่เธอตั้งใจมาหาในครั้งนี้
“ลุงเป็นพ่อของไอ้กิตติ์มันเองแหละ แต่มันไม่อยู่หรอก” สุทัศน์บอกออกไป เพราะลูกชายตนไม่อยู่จริง
“ค่ะ แล้วกิตติ์จะกลับมาตอนไหนละคะคุณลุง”
“ยังไม่รู้เลย เพราะมันไม่ได้บอกใครไว้ นั่นไง! มันมาพอดีเลย” สุทัศน์พูดไม่ทันขาดคำ รถของลูกชายก็เลี้ยวเข้ามาภายในบ้านเสียแล้ว
*
*
ปิ่นมุก เมื่อเห็นว่าศิรดากลับมา เธอละทิ้งทุกอย่าง แล้วเดินเข้ามาหาเธอทันที ที่เธอเปิดประตูลงมาจากรถของเจ้านายหนุ่ม
“แป้ง! เป็นอะไรหรือเปล่าดูเพลีย ๆ นะ” ปิ่นมุกถามออกไปทันที เมื่อเห็นใบหน้าไม่สู้ดีของศิรดา ที่ดูจะอิดโรยมาก
“แค่เหนื่อยนิดหน่อยเองปิ่นไม่เป็นอะไรมากหรอก” ศิรดาตอบเธอออกไปเพื่อไม่อยากให้เธอเป็นห่วง แล้วหันไปบอกกับสุทัศน์ ที่ยืนอยู่อีกฟากหนึ่งกับหญิงสาวร่างระหง ซึ่งเธอไม่คุ้นหน้าเอาเสียเลย
“แป้งขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะจ้ะลุงทัศน์ วันนี้คงต้องเกงานแล้วแหละ” ศิรดาเอ่ยจบก็กำลังจะเดินเข้าไปในบ้านเพื่อพักผ่อน แต่เท้าเล็กกับต้องชะงัก
“เจ้ากิตติ์มันใช้งานเราหนักเลยเหรอ หน้าซีดเชียว รีบขึ้นไปพักผ่อนเถอะ” สุทัศน์พูดขัดขึ้นมาเสียก่อน โดยหันหน้าไปค่อนขอดทางลูกชายแทน
“กิตติ์” รสรินทร์เดินเข้ามาหาปกรณ์กิตติ์แล้วยกมือขึ้นคล้องแขนเขาไว้ทันที โดยไม่สนสายตาของใครมองเลยสักนิด
“ระ โรส...” ปกรณ์กิตติ์พูดอะไรไม่ออก ได้แต่ยืนนิ่งอยู่แบบนั้น
“นึกว่าจะจำโรสไม่ได้เสียแล้ว ฟอด คิดถึงกิตติ์จัง” ด้วยความไวของเธอ รสรินทร์ชิงหอมแก้มสากไปทันทีอย่างรวดเร็วโดยที่เจ้าตัวไม่ทันได้ตั้งตัว
“โรส! คุณทำอะไร?”
“ทักทายกิตติ์ยังไงค่ะ”
“ที่นี่ต่างจังหวัดนะโรส ไม่ใช่ต่างประเทศ แล้วเราก็มะ...” ปกรณ์เมื่อตั้งสติได้ ก็รีบแกะมือของเธอออกจากการเกาะกุม
“ก็มันเคยชินนี่คะ เพราะโรสติดสกินชิพไปแล้วด้วย” รสรินทร์พูดขึ้นมาแบบหน้าตาย ไม่สนว่าใครจะมองเธอเช่นไร
“ว่าแต่คุณมาที่นี่ มีธุระอะไรหรือเปล่า” ปกรณ์กิตติ์ไม่ได้สนใจจในสิ่งที่เธอ แต่กลับถามเธอกลับไป ว่าทำไมเธอถึงมาหาเขาทั้งที่ไม่เคยติดต่อกันมานานมากแล้ว
“โรสตั้งใจมาหาคุณโดยเฉพาะเลยนะคะ แต่กิตติ์ไปไหนมา”
“ผมว่าวันนี้คุณกลับไปเถอะครับ ผมขับรถมาเหนื่อย ๆ ต้องการพักผ่อน”
“แต่กิตติ์ค่ะ...”
“โรส!”
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังคงดื้อดันที่จะไม่ยอมกลับไป ปกรณ์กิตติ์จึงพูดด้วยน้ำเสียงที่กดต่ำ พร้อมกับมองด้วยสายตาที่ไม่ค่อยพอใจ จนรสรินทร์ต้องยอมกลับไป
“ก็ได้ค่ะ”
“มันยังไงกันแน่ไอ้กิตติ์” สุทัศน์จึงหันไปถามทางลูกชายออกไปทันที ที่รถของรสรินทร์ขับออกไปจากบริเวณนี้แล้ว
“เพื่อนสมัยเรียนครับพ่อ” ปกรณ์กิตติ์ตอบคนเป็นพ่อออกไปตามตรง
“เพื่อนแน่นะ กอดหอมกันขนาดนั้น” สุทัศน์ถามออกไปเพื่อความแน่ใจ โดยที่อดพูดด้วยวาจาที่แหนบแนมไม่ได้ เพราะจากการมองดูสถานการณ์เมื่อสักครู่แล้ว ทั้งคู่คงเคยมีความสัมพันธ์กันแน่
“ตอนนี้เหลือแค่ความเป็นเพื่อนจริง ๆ ครับ พ่อไม่เชื่อใจผมหรือไง”
“เชื่อก็ได้ ว่าแต่ทำไมแกพึ่งกลับมาเอาป่านนี้”
“ก็...พอดีไอ้แฝดมันชวนไปดื่มต่อ เลยลากยาวเกินไปหน่อย แล้วก็ต้องรอให้แอลกอฮอล์ในร่างกายฤทธิ์จางก่อน ค่อยขับรถกลับมานี่แหละครับ” ปกรณ์กิตติ์ตอบผู้เป็นพ่อออกไป แต่ก็ไม่ได้เล่าบอกท่านทั้งหมด ว่าที่มาถึงช้าเพราะเขามัวแต่จับลูกสาวบุญธรรมสุดที่รักของท่านกินยังไงละ
“น้องก็ขับรถเป็น ทำไมแกไม่ให้แป้งขับแทน”
“พ่อไม่ได้มองหน้าลูกรักของพ่อหรือไงครับ ซีดโทรมสะขนาดนั้นใครจะกล้าใช้ให้ขับรถให้นั่งละครับ”
“ก็แกใช้งานน้องหนักเกินไป” สุทัศน์ได้แต่ตำหนิและโทษลูกชายที่เป็นสาเหตุ
“อันไหนไม่ดี พ่อก็โยนมาให้ผมตลอด” ปกรณ์กิตติ์พูดอย่างนึกน้อยใจ ที่ผู้เป็นพ่อมักจะเห็นดีเห็นงาม ชอบเข้าข้างศิรดามากกว่าเขา
“เมื่อไหร่แกจะยอมรับว่าแป้งเป็นผู้หญิง เป็นน้องสาวของแกเสียทีไอ้กิตติ์”
“ไม่มีทาง ยัยนั่นไม่มีทางมาเป็นน้องสาวผมได้หรอก เพราะผมไม่มีวันยอมรับเธอเป็นน้องตั้งแต่วันแรกที่พ่อให้สถานะบุตรบุญธรรมกับเธอแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ” ปกรณ์กิตติ์ยืนกรานยึดมั่นในความคิดของเขาอยู่แบบเดิน ก่อนที่จะเดินเข้าไปทันที
