5 - ดูไม่ปกตินะ
ดูไม่ปกตินะ
“ใครจะกล้ามารังแกยัยนี้ ขืนมีคนมารังแกพวกมึงคิดว่าพ่อกูจะปล่อยไปอย่างนั้นเหรอ พวกมึงเองก็รู้ดี ว่าพ่อกูทั้งรักทั้งหวงยัยนี้ยิ่งกว่ากูที่เป็นลูกในไส้เสียอีก” ปกรณ์กิตติ์ขึ้นอย่างรู้สึกน้อยใจ แต่ยังเป็นวาจาที่แหนบแนมศิรดา
“ก็น้องเขาเป็นผู้หญิงไหมว่ะไอ้กิตติ์ เหมือนกันกับมึงที่เป็นผู้ชายอกสามศอกเสียที่ไหน” อคิราห์พูดเสริม เพราะเขาเห็นดีเห็นงามกับที่น้องชายพูด
“พวกมึงเอาตาข้างไหนมองกันว่ะ ว่ายัยนี้เป็นผู้หญิง” ปกรณ์กิตติ์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจนัก แล้วยกแก้วเครื่องดื่มที่อคิราห์ยื่นมาให้ตรงหน้าขึ้นกระดกทันทีทีเดียวหมดแก้ว
“ตาสองลูกของพวกกูนี่แหละ ว่าแต่มึงดูไม่ปกตินะไอ้กิตติ์” อคิราห์เอ่ยพร้อมกับจ้องมองปกรณ์กิตติ์อย่างนึกจับผิดในท่าทีแปลก ๆ ไปของเพื่อนที่ม่ได้เจอกันนาน
“มะ ไม่ปกติยังไงว่ะ กูก็ดูปกติดี อาจเป็นเพราะพวกเราไม่ค่อยได้เจอหน้ากันนานหรือเปล่า พวกมึงสองคนเลยมองกูเปลี่ยนไป” ปกรณ์กิตติ์เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสูง และพยายามปั้นหน้าเก็บอาการให้เป็นปกติที่สุด
“คงงั้นมั้ง แต่กูเห็นด้วยกับไอ้ฟืนนะ ว่ามึงก็ดูเหมือนไม่ค่อยปกติจริง ๆ” อัคนีผู้เป็นแฝดน้อง ก็เห็นด้วยกับแฝดพี่
ทั้งสามหนุ่มนั่งดื่มคุยถามสารทุกข์สุกดิบกันไปเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งเวลาล่วงเลยเดินทางมาถึงร้านใกล้จะปิดแล้ว ทั้งสามหนุ่มจึงพากันแยกย้าย
*
*
“มึงขับรถกลับสวนไหวแน่น่ะไอ้กิตติ์ ให้พวกกูไปส่งไหม” อคิราห์ถามขึ้น เมื่อทั้งหมดพากันเดินออกมานอกร้านจนถึงที่จอดรถแล้ว
“ไม่รบกวนพวกมึงสองคนหรอก เพราะกูก็ไม่ได้จะกลับไปสวนอยู่แล้ว” ปกรณ์กิตติ์พูดเช่นนั้นก็โยนรีโมทรถให้แก่ศิรดาที่เดินมาตามหลังพวกเขาทันที
“หมายความว่าไง? ที่มึงบอกว่าไม่กลับไปสวน” อัคนีถามขึ้นทันที ที่ปกรณ์กิตติ์ตอบพี่ชายฝาแฝดของเขาเช่นนั้น
“ก็คืนนี้กูจะไปหาเปิดโรงแรมแถวนี้นอนไปก่อน ขืนพากันกลับไปในสภาพนี้ คงโดนพ่อกูสวดให้ไม่จบไม่สิ้นแน่” ปกรณ์กิตติ์ตอบออกไปตามตรง
“แล้ว?” อัคนีหันมามองหน้าศิรดาและปกรณ์กิตติ์สลับไปมาอย่างตกใจ ที่ปกรณ์กิตติ์บอกว่าจะพากันพักที่นี่ก่อน
“มาด้วยกัน ก็ต้องอยู่ด้วยกันรอกลับพร้อมกันสิวะ มึงก็ถามได้” ปกรณ์กิตติ์ตอบออกไป เมื่อรู้ว่าเพื่อนกำลังจะถามอะไร
“นี่พวกมึงสองคน?” อคิราห์หันมาถามทั้งสองอย่างนึกจับผิด เพราะเขาเองก็ใจเช่นกันที่เพื่อนตอบแบบนี้ ใครจะคิดดีได้ล่ะ เพื่อนว่าเพื่อนเขากับหญิงสาวนั้นไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน
“เอ่อ พวกเรานอนคนละห้องจ้ะ” ศิรดาจึงเป็นฝ่ายแก้ต่างออกไป เพราะกลัวว่าเพื่อนทั้งสองของปกรณ์กิตติ์จะคิดเกินไปไกลมากกว่านี้ และเข้าใจเธอกับเขาผิดเสียเอา
“ขึ้นรถได้แล้ว ฉันเหนื่อยมาทั้งวันอยากพักผ่อนแล้ว ทำไมต้องปตอบคำถามไร้สาระกับพวกนี้ด้วย” ปกรณ์กิตติ์หันมาสั่งกับหญิงสาว ก่อนที่เขาเข้าจะเปิดประตูขึ้นไปนั่งบนรถในตำแหน่งข้างคนขับ โดยไม่สนใจว่าเพื่อนแฝดของเขาจะคิดอย่างไร
*
*
“มึงคิดเหมือนกูไหมว่ะไอ้ไฟ ว่าไอ้กิตติ์มันดูไม่ปกติ” อคิราห์แฝดผู้พี่ถามแฝดผู้เป็นน้องออกไป เมื่อรถของปกรณ์กิตติ์ขับออกไปจากตรงนี้แล้ว
“กูว่าสองคนนี้ ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่พี่น้องธรรมดา” อัคนีได้แต่เอ่ยขึ้นอย่างมีความใน
“ยังไง? พวกมันก็ไม่ใช่พี่น้องกันจริง ๆ อยู่แล้วไหมว่ะ”
“ไม่รู้ว่ากูคิดไปเองหรือเปล่าไอ้ฟืน” อัคนีรู้สึกว่ามีอะไรหลาย ๆ อย่างที่เขากำลังสงสัยในความสัมพันธ์ของปกรณ์กิตติ์และศิรดา
“มึงพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงไอ้ไฟ” อคิราห์ถามน้องชายออกไปอย่างไม่เข้าใจ เพราะอัคนีพูดเหมือนกับว่าไปรู้ไปเห็นอะไรมาเสียอย่างนั้นแหละ
“ไม่มีอะไรหรอก กลับบ้านกันได้แล้ว เดี๋ยวคุณนายแม่จะดุเอา” อัคนีรีบเปลี่ยนเรื่องขึ้นมาทันที
“จะกลับทำไมไปทำไมให้โดนด่าว่ะ ได้กลับมาอยู่บ้านเกิดอย่างถาวรทั้งที มันก็ต้องหาอะไรสนุก ๆ ทำแก้เบื่อ ใช้ชีวิตวัยรุ่นให้คุ้มกันหน่อยสิ” แต่คนอย่างอคิราห์ที่รักสนุก กลับปฏิเสธคำชวนของน้องชาย
“ตามใจมึงเลย ไปหาข้อแก้ตัวกับคุณนายแม่ของมึงเองก็แล้วกันกูขี้เกียจแก้ต่างให้แล้ว” อัคนีได้แต่พูดอย่างไม่สนใจและนึกเอือมระอากับนิสัยรักสนุกของพี่ชาย
“เออน่า กูไม่ทำให้มึงเดียดร้อนหรอกไอ้น้องรัก” อคิราห์ได้แตะไหล่น้องชายเบา ๆ
“ทำอะไรก็หัดรู้จักป้องกันบ้างนะ เกิดป๋องขึ้นมาอย่าหาว่ากูไม่เตือนมึงไอ้พี่เลว” อัคนีได้แต่คอยเตือนพี่ชาย และไม่วายที่จะเอ่ยแหนบแนมใส่
“กูรู้จักถุงยางมาตั้งแต่กูใช้งานน้องชายกูเป็นแล้วไอ้ไฟ ว่าแต่มึงเถอะกูเห็นมองน้องแป้งตาเป็นมันเลยนะ ชอบน้องมันหรือไงว่ะ” อคิราห์เอ่ยตอบอย่างมั่นใจ แล้วจึงถามน้องชายออกไปในความสงสัยของตน ที่น้องชายนั้นเหมือนมีอะไรที่รู้สึกพิเศษ
“มันเรื่องของกู”
“ชอบก็บอก เผื่อพี่คนนี้จะช่วย มึงได้ไอ้น้อง”
“เอาตัวมึงเองให้รอดก่อนเถอะ คิดหาทางออกให้ได้ว่าจะทำไงถึงไม่ต้องหมั้นตามคำสั่งของคุณนายแม่” อัคนีสวนกลับพี่ชายทันที เพราะเรื่องของตัวเองยังจะหาทางออกไปไม่ได้เลย ยังคิดจะยื่นมือเข้ามาช่วยเรื่องของคนอื่นอีก
“มึงก็...”
“Stop! มึงอย่าแม้แต่จะคิดเลยไอ้พี่ชาย มึงเป็นพี่ยังไงมึงก็ต้องเสียสละเพื่อครอบครัวก่อนอยู่แล้ว” อัคนีรีบขัดความคิดของคนเป็นพี่ทันควัน เมื่อรู้ว่าพี่ชายกำลังนึกจะทำอะไร
“ถ้าเกิดกูมีแฟนขึ้นมาจริง ๆ มึงว่าแม่จะยอมล้มเลิกเรื่องนี้ไหมว่ะไอ้ไฟ” อคิราห์พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มความเจ้าเล่ห์
“มึงอย่าแม้แต่จะคิดที่ไปจ้างใครมาเป็นแฟนปลอม ๆ เพื่อตบตาพวกท่านเด็ดขาดเลยไอ้ฟืน ถ้าพวกท่านรู้เข้า ไม่ใช่แค่มึงที่จะเดือดร้อนคิดถึงผลที่ตามมาด้วย กูเตือนมึงด้วยความหวังดี” อัคนีได้แต่ดับฝันของพี่ชายเอาไว้
“รู้ทันกูทุกเรื่องจริง ๆ นะมึง”
ก็เพราะพวกเขาทั้งสองนั้นเป็นฝาแฝดที่ตัวติดกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ไม่รู้ทันกันนี้สิแปลก
